- Details
- Category: กทม.
- Published: Sunday, 04 October 2015 15:11
- Hits: 9027
กทม.อ่วม พายุ'มูจีแก'ฟาดหาง สั่ง 32 จว.เตรียมรับมือ ท่วมค่ายลูกเสือสระบุรี 800 นักเรียนหนีระทึก
เตือนภัยพายุ 'มูจีแก'32 จังหวัดทั่วประเทศเสี่ยงฝนถล่มหนักต่อเนื่อง ลพบุรีอ่วมน้ำทะลักท่วมกว่า 2 ม. หลังฝนตกติดต่อกันนาน 2 วัน ชาวสระแก้วแทบหมดตัวน้ำถล่มจมเมืองตอนตี 3 ทำทรัพย์สินเสียหายอื้อ 800 ครู-น.ร.หอวังระทึก ไปเข้าค่ายลูกเสือที่สระบุรี แต่น้ำท่วมจนติดเกาะต้องใช้รถบรรทุกทยอยส่งริมถนนมิตรภาพจนปลอดภัยทุกคน กทม.ถกรับมือท่วมข้ามคืน สั่งเพิ่มเครื่องสูบป้องถ.รัชดาฯ ยันถ้าปริมาณฝนหนักไม่เกิน 60 ม.ม. รับมือสบาย ขณะที่ทบ.เร่งส่งทหารช่วยชาวบ้าน
วันที่ 04 ตุลาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9076 ข่าวสดรายวัน
ท่วมกรุง - สภาพน้ำท่วมขังบริเวณ ช่วงต้นถนนลาดพร้าว กทม. ล่าสุดคาดว่าจากอิทธิพลของพายุมูจีแก จะทำให้เกิดฝนตกต่อเนื่องจนถึงวันที่ 6 ต.ค. ขณะที่กระทรวงมหาดไทยแจ้งเตือน 32 จังหวัดรับมือแล้ว เมื่อวันที่ 3 ต.ค.
พายุ'มูจีแก'เพิ่มความแรง
เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 3 ต.ค. นาย วันชัย ศักดิ์อุดมไชย อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศกรมอุตุนิยมวิทยาเรื่อง พายุมูจีแก ฉบับที่ 6 ความว่า เมื่อเวลา 16.00 น. วันนี้ (3 ตุลาคม 2558) พายุโซนร้อน"มูจีแก" บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีศูนย์กลางอยู่ที่ ละติจูด 19.2 องศาเหนือ ลองจิจูด 113.7 องศาตะวันออก มีความเร็วสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กำลังเคลื่อนตัวทางตะวันตกค่อนทางเหนือเล็กน้อย ด้วยความเร็วประมาณ 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่า พายุนี้จะเคลื่อนผ่านเกาะไหหลำ และขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ในช่วงวันที่ 4-5 ตุลาคม 2558
สำหรับ พายุนี้จะส่งผลกระทบต่อลักษณะอากาศของประเทศไทยในช่วงวันที่ 4-6 ต.ค. โดยบริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีฝนเพิ่มมากขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนสะสมในระยะนี้ไว้ด้วย
ปภ.ชี้ฝนหนักแน่
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย (มท.) รายงานสถานการณ์ฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดน้ำท่วมขังใน 2 จังหวัด ได้แก่ ปราจีนบุรี และสระแก้ว เบื้องต้น ปภ.ร่วมกับหน่วยทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ พร้อมประสาน 32 จังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ เตรียมรับมือภาวะฝนตกหนักจากอิทธิพลของพายุมูจีแก ในช่วง 4-6 ต.ค. โดยจัดเจ้าหน้าที่ชุดเคลื่อน ที่เร็วและวัสดุอุปกรณ์ให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างทันท่วงที
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีปภ. เปิดเผยว่า จากภาวะฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมขังใน 2 จังหวัด ได้แก่ ปราจีนบุรี และสระแก้ว รวม 2 อำเภอ โดย จ.ปราจีนบุรี เกิดน้ำท่วมขังบริเวณ อ.กบินทร์บุรี เนื่องจากระบายน้ำไม่ทัน ส่วนที่ จ.สระแก้ว เกิดน้ำท่วมขังบริเวณตลาดเมืองแก้ว ต.สระแก้ว อ.เมืองสระแก้ว ระดับน้ำท่วมสูงประมาณ 50 เซนติเมตร เบื้องต้น ปภ.ร่วมกับหน่วยทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระดมสรรพกำลังและทรัพยากรปฏิบัติการเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ อีกทั้งประสานอำนวยความสะดวกด้านการจราจร
นายฉัตรชัย กล่าวว่า ปัจจุบันสถานการณ์อุทกภัยทั้ง 2 จังหวัด กลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว แต่จากการติดตามสภาพอากาศของกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า พายุมูจีแกจะเคลื่อนตัวขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามตอนบน ในช่วงวันที่ 4-5 ต.ค. ซึ่งจะส่งผลให้พื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ มีฝนตกเพิ่มมากขึ้นและฝนตกหนักบางแห่งในช่วงวันที่ 4-6 ต.ค.
เตือน 32 จว.รับมือพายุ
"จึงได้ประสานแจ้งเตือนให้ 32 จังหวัด ในพื้นที่เสี่ยงภัยเตรียมรับมือภาวะฝนตกเพิ่มขึ้นจากอิทธิพลของพายุมูจีแก ในช่วงวันที่ 4-6 ต.ค. โดยจัดเจ้าหน้าที่และประสานมิสเตอร์เตือนภัยติดตามพยากรณ์อากาศและเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงจัดชุดเคลื่อนที่เร็ว เครื่องมืออุปกรณ์ประจำพื้นที่เสี่ยงให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันทีที่เกิดภัย ทั้งนี้ ผู้ประสบภัยสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือต่อไป" อธิบดีปภ.กล่าว
พิษพายุ - สภาพการจราจรบน ถ.รัชดา ภิเษก กทม. บริเวณหน้ากรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ติดขัดอย่างหนักหลังฝนถล่ม ล่าสุดทาง ปภ.เตือนอิทธิพลพายุมูจีแก อาจ ส่งผลให้เกิดฝนตกต่อเนื่องจนถึงวันที่ 6 ต.ค.นี้ |
สำหรับ 32 จังหวัดที่เป็นพื้นที่เสี่ยงเกิดฝนตกหนักจากพายุมูจีแก ประกอบด้วย ภาคเหนือ ได้แก่ พิษณุโลก, ตาก, สุโขทัย, อุตรดิตถ์, เพชรบูรณ์, ลำปาง, แม่ฮ่องสอน, เชียงใหม่, ลำพูน, เชียงราย, พะเยา, น่าน และแพร่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ ขอนแก่น, กาฬสินธุ์, มหาสารคาม, ร้อยเอ็ด, สกลนคร, นครพนม, มุกดาหาร, บึงกาฬ, หนองคาย และอุดรธานี ภาคตะวันออก ได้แก่ ชลบุรี, ระยอง, จันทบุรี และตราด ภาคใต้ ได้แก่ ระนอง, พังงา, ภูเก็ต, กระบี่ และตรัง
ลพบุรีอ่วมท่วม 2 ม.
สำหรับ สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ต่างจังหวัด เกิดเหตุน้ำป่าจากภูเขาไหลเข้าท่วมหลายชุมชน ในเขตเทศบาลเมืองเขาสามยอด และเทศบาลตำบลเขาพระงาม จ.ลพบุรี ขณะที่กำลังทหารจากหน่วยต่างๆ กว่า 200 นาย เร่งเข้าช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนตลอดทั้งวัน ส่วนสาเหตุเกิดจากในพื้นที่ที่มีฝนตกลงมาอย่างหนักต่อเนื่องติดต่อกัน 2 วัน ทำให้เกิดน้ำป่าจากเขาสามยอดไหลเข้าท่วมในหลายชุมชน ในเขตเทศบาลเมืองเขาสามยอด และเทศบาลตำบลเขาพระงามอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ชาวบ้านไม่ทันตั้งตัวทรัพย์สินและยานพาหนะจมน้ำเสียหายจำนวนมาก ราษฎรกว่า 1,500 ครัวเรือน ได้รับผลกระทบอย่างหนัก
นอกจากนั้น ยังมีถนนหลายสายถูกน้ำท่วมสูง โดยเฉพาะถนนพหลโยธินฝั่งเข้าเมืองลพบุรี ตั้งแต่เทศบาลตำบลเขาพรงามถึงบริเวณทางเข้าร.พ.อานันทมหิดล และตลอดเส้นทางจาก อ.โคกสำโรง ที่จะมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ ระดับน้ำท่วมสูง 30-50 เซนติเมตร และระดับน้ำยังคงเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง รถเล็กใช้เส้นทางด้วยความยากลำบาก โดยล่าสุดนายพูลสวัสดิ์ ถือคง นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลเขาพระงาม นำเอารถแบ๊กโฮขุดเจาะถนนเร่งระบายให้น้ำไหลอย่างรวดเร็ว เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับบ้านเรือนราษฎรในบางพื้นที่ ซึ่งกำลังจะท่วมสูงถึง 2 เมตร ในบางแห่ง
ขณะเดียวกัน ที่กำลังทหารจากหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ และศูนย์การทหารปืนใหญ่กว่า 200 นาย กระจายกำลังลงพื้นที่เร่งให้ความช่วยประชาชนที่กำลังได้รับความเดือดร้อน โดยช่วยเหลือชาวบ้านเคลื่อนย้ายลำเลียงสิ่งของขึ้นที่สูง และช่วยเหลือชาวบ้านในการบรรจุทรายใส่ถุง เพื่อทำแนวป้องกันกันน้ำไหลเข้าท่วมในพื้นที่เศรษฐกิจของเมืองลพบุรี
น้ำถล่มจมสระแก้วตอนตี 3
ส่วนที่ จ.สระแก้ว เกิดฝนตกลงมาอย่างหนักและต่อเนื่องในเขตเมืองสระแก้ว ทำให้น้ำทะลักเข้าท่วมสี่แยกไฟแดงทางเข้าเรือนจำสระแก้ว ยาวมาถึง บขส. เมืองสระแก้ว ในช่วงเวลา 03.00-04.00 น. โดยเฉพาะที่ชุมชนย่อยที่ 10 น้ำท่วมสูงเลยหัวเข่า แม้ชาวบ้านพยายามสร้างกำแพงกั้นไว้แล้ว แต่ระดับน้ำสูงมากกว่า จนเอ่อเข้าท่วมบ้านเรือน โดยหลังน้ำลดแล้วชาวบ้านได้ช่วยกันวิดน้ำออกมาจากบ้านเพื่อทำความสะอาด ส่วนบางบ้านที่นอนอยู่ชั้นบนโดยไม่ทราบว่าน้ำท่วม น้ำได้ไหลเข้าบ้านทำให้ข้าวของที่ชั้นล่างถูกน้ำท่วมเปียกเสียจนหมด ชาวบ้านบอกว่าท่วมมากกว่าทุกปีที่ผ่านมา
ส่วนบริเวณเกาะกลางถนนสุวรรณศร ตั้งแต่สี่แยกไฟแดงทางเข้าเรือนจำยาวไปถึงหน้าตลาดเมืองแก้ว น้ำได้พัดเศษขยะขึ้นไปอยู่บนเกาะกลางของถนนจำนวนมาก ส่วนร้านค้าริมถนนสุวรรณศร ตั้งแต่ช่วงไฟแดงทางเข้าเรือนจำไปถึงหน้า บขส.สระแก้วทั้งสองฝั่งถนน ยังไม่สามารถเปิดบริการได้เนื่องจากน้ำยังเอ่อท่วมอยู่สูง ส่วนที่หน้าห้างโลตัส สาขาสระแก้ว น้ำท่วมตั้งแต่ริมถนนสุวรรณศรเข้าไปถึงหน้าห้างโลตัส โดยที่หน้าบริเวณลานจอดรถของห้างน้ำยังท่วมสูงกว่า 30 เซนติเมตร
เช่นเดียวกับในพื้นที่ ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี บริเวณถนนพหลธินขาเข้ากรุงเทพฯ หน้าปากทางลำลูกกาและหน้าตลาดสี่มุมเมืองมีน้ำท่วมขังสูงประมาณ 20-30 เซนติเมตรเป็นช่วงๆ โดยมีทหารจาก ม.พัน.30 พล.ร.2 รอ. ออกลาดตระเวนช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่อยู่ตลอดเวลา พร้อมมีหน่วยทหารช่างมาให้ความช่วยเหลือซ่อมรถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่เสียหายจากฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา และช่วยอำนวยความสะดวกทางด้านการจราจรบนท้องถนนเพื่อลดอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นในจุดที่มีน้ำท่วมขัง
เร่งระบาย - จนท.ระดมกำลังเร่งระบายน้ำ หลังพายุฝนกระหน่ำอย่างหนักตลอดคืน ส่งผลให้น้ำป่าไหลทะลักล้นคลองอุบากันต์ ก่อนบ่าเข้าท่วมถนน บ้านเรือน และร้านค้าต่างๆ ในเทศบาลเมืองปากช่อง จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 3 ต.ค. |
ถ้าประชาชนในพื้นที่ ต.คูคต ต.ลาดสวาย ต.บึงคำพร้อย อ.ลำลูกกา มีปัญหาที่ต้องการให้ทางเจ้าหน้าที่ทหารเข้าช่วยเหลือสามารถแจ้งได้ที่ อนุสรณ์สถานแห่งชาติ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือ โทร. 0-2150-5613
นร.หอวังหนีน้ำระทึก
ด้าน จ.ปราจีนบุรี เกิดฝนตกหนักตั้งแต่ช่วงกลางดึกจนถึงเช้ามืด ทั้งในเขต อ.เมือง อ.นาดี อ.ศรีมหาโพธิ และอ.กบินทร์บุรี โดยเฉพาะที่ อ.กบินทร์บุรี ถนนสายสุวรรณศร หรือถนนหมายเลข 33 (กบินทร์บุรี-สระแก้ว) ต.เมืองเก่า ขาเข้าเมือง ฝั่งตรงข้ามห้างเทสโก้โลตัส สาขากบินทร์บุรี มีน้ำท่วมขังสูงถึง 40 เซนติเมตร เป็นระยะทางยาว และช่วงทางแยก ต.บ้านนา อ.กบินทร์บุรี ก่อนถึงทางแยกเข้าบ้านบ่อทอง ต.วังตะเคียน อ.กบินทร์บุรี ระดับน้ำท่วมกว่า 40 เซนติเมตร เป็นระยะทางกว่า 1 กิโลเมตร นอกจากนั้น ยังเกิดอุบัติเหตุรถบรรทุกสิบล้อขนส่งสินค้า เสียหลักตกไหล่ทาง เนื่องจากถนนถูกน้ำท่วมจนมองไม่เห็นไหล่ทาง แต่โชคดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ
เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสัจจพุทธธรรมแห่งประเทศไทย (กบินทร์บุรี) ระดมกำลังพร้อมอุปกรณ์ทั้งอวนลาก แห และมองดักปลา ไล่จับจระเข้อายุ 2 ปี น้ำหนักกว่า 60 กิโลกรัม ยาวประมาณ 2 เมตร ซึ่งกระโดดหนีออกจากบ่อภายในแฟมิลี่ฟาร์ม ม.5 ต.หนองกี่ อ.กบินทร์บุรี เพราะตกใจเสียงฟ้าร้อง โดยใช้เวลากว่า 4 ชั่วโมง จึงจับตัวได้ในที่สุด
วันเดียวกัน ในพื้นที่ จ.สระบุรี เกิดฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน ส่งผลให้เกิดน้ำป่าไหลหลากท่วมฝายน้ำล้น ระหว่างรอยต่อ ต.มวกเหล็ก อ.มวกเหล็ก และต.ดงพญาเย็น อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ทำให้นักเรียนโรงเรียนหอวัง เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ 780 คน อาจารย์ 30 คน และพี่เลี้ยง 50 คน ซึ่งเสร็จสิ้นการเข้าค่ายลูกเสือ-เนตรนารี ที่ค่ายลูกเสือหัตถวุฒิ ต.มวกเหล็ก ไม่สามารถออกจากพื้นที่ได้ เนื่องจากรถบัสโดยสารไม่กล้าเข้าไปรับ ค่ายลูกเสือหัตถวุฒิ พร้อมทหารและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ต้องจัดรถบรรทุกหกล้อ 2 คัน ทยอยรับทุกคนไปส่งขึ้นรถที่ริมถนนมิตรภาพฝั่ง อ.มวกเหล็ก โดยใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง จึงส่งทุกคนขึ้นรถได้อย่างปลอดภัยทั้งหมด
กทม.ถกรับมือท่วมข้ามคืน
วันเดียวกัน สำนักระบายน้ำ กทม. แจ้งว่า สภาพอากาศ เมื่อเวลา 07.00 น. มีฝนตกพื้นที่กรุงเทพฯ ตอนบน และด้านตะวันออกทั้งหมด เคลื่อนเข้าพื้นที่ชั้นในแนวโน้มคงที่ ขอให้ประชาชนที่ใช้รถใช้ถนนระมัดระวังในการขับขี่ ขณะเดียวกันในหลายพื้นที่มีฝนตกหนักต่อเนื่องและเริ่มมีน้ำท่วมขังรอระบาย อาทิ ถนนวิภาวดีรังสิต ช่วงสนามบินดอนเมือง ถนนวัดเวฬุวนาราม ย่านดอนเมือง ถนนรัชดาฯฝั่งขาเข้า ถนนงามวงศ์วาน ดินแดง ถนนแจ้งวัฒนะ ช่วงหน้าห้างโลตัสทั้งสองฝั่ง สูงประมาณ 10-15 เซนติเมตร และยังส่งผลให้สภาพการจราจรมีปริมาณรถมากเคลื่อนตัวช้า
ทั้งนี้ ปริมาณฝนตกหนักดังกล่าวได้รับอิทธิพลมาจากพายุโซนร้อนมูจีแก ที่จะมีผลกระทบต่อประเทศไทยตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 6 ต.ค. จึงขอให้ประชาชนระมัดระวังอันตรายจากฝนตกในระยะนี้
ส่วนที่ศาลาว่าการกทม. 2 ดินแดง นายอมร กิจเชวงกุล รองผู้ว่าฯ กทม. ประชุมสรุปสถานการณ์ฝนตกเมื่อวันที่ 2 ต.ค.ที่ผ่านมา ต่อเนื่องจนถึงช่วงเช้าวันที่ 3 ต.ค. พร้อมทั้งซักซ้อมแผนรับมือฝนในพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งคาดการณ์ว่าจะมีฝนตกต่อเนื่องช่วงวันที่ 4-6 ต.ค.นี้ โดยมี นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองปลัดกทม. นายสมพงษ์ เวียงแก้ว นายณรงค์ เรืองศรี นายเฉลิมพล โชตินุชิต รองผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม
นายอมร กล่าวภายหลังการประชุมว่า วันนี้เป็นการประชุมซักซ้อมเพื่อปรับปรุงแผนรับมือน้ำท่วมขังในพื้นที่กรุงเทพฯ เนื่องจากเมื่อวันที่ 2 ต.ค.ที่ผ่านมา ปริมาณฝนตกหนักสูงสุดวัดได้ 108 มิลลิเมตร ทำให้หลายพื้นที่ของกรุงเทพฯ ประสบภาวะน้ำท่วมขังสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจุดอ่อนน้ำท่วมบริเวณถนนรัชดาภิเษก อีกทั้งมีรถจอดเสียจากน้ำเข้าเครื่องยนต์ ส่งผลให้การจราจรติดขัด กทม.ได้ระดมเจ้าหน้าที่และติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพิ่มเติม ขนาด 24 นิ้ว 2 ตัว และขนาด 10 นิ้ว 2 ตัว พร้อมเดินเครื่องเต็มกำลังเพื่อเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่บรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน
เพิ่มเครื่องสูบป้องถ.รัชดาฯ
นายอมร กล่าวว่า ทั้งนี้ในช่วงที่มีฝนตกหนัก กทม.ขอให้ประชาชนติดตามรายงานสถานการณ์ฝนและสภาพการจราจรจากสื่อมวลชน ซึ่งจะแจ้งข้อมูลในแต่ละพื้นที่เป็นระยะ เพื่อหลีกเลี่ยงการเดินทางในเส้นทางที่อาจเกิดน้ำท่วมขังสูง ปัญหาอย่างหนึ่งที่ทำให้น้ำท่วมขังคือปัจจุบันพื้นที่รับน้ำตามธรรมชาติในพื้นที่กรุงเทพฯ ลดลง ดังนั้น ถนนจึงกลายเป็นพื้นที่รับน้ำแทน ก่อนจะไหลเข้าสู่ท่อระบายน้ำ คลอง และแม่น้ำ ซึ่งถนนบางแห่งมีสภาพเป็นแอ่งเนื่องจากเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ อีกทั้งบางแห่งเป็นจุดอ่อนน้ำท่วม
"หากฝนตกไม่เกิน 60 มิลลิเมตร จะใช้เวลาในการสูบเพื่อระบายน้ำจากพื้นที่ 2-3 ชั่วโมง แต่หากมากกว่า 60 มิลลิเมตร จะต้องใช้เวลาเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กทม.กำลังก่อสร้างโครงการอุโมงค์ระบายน้ำคลองบางซื่อ เมื่อแล้วเสร็จจะช่วยแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังบริเวณถนนรัชดาภิเษกได้ต่อไป" รองผู้ว่าฯ กทม.กล่าว
ต่อมาเวลา 11.30 น. นายอมรและคณะลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบถนน เครื่องสูบน้ำ และความพร้อมรับมือฝนบนถนนรัชดาภิเษก บริเวณข้างศาลอาญา พร้อมทั้งกล่าวว่า หากยังเกิดปัญหาน้ำท่วมขังบริเวณถนนรัชดาภิเษกต่อเนื่อง อาจต้องเสริมท่อลอดขนาดใหญ่ชั่วคราวขนาด 2 เมตร ข้ามฝั่งถนนเพื่อเร่งส่งน้ำลงสู่คลองรับน้ำใกล้เคียง พร้อมกันนี้ขอให้ประชาชนระมัดระวังในการเดินทางในช่วงที่มีฝนตกและลมกระโชกแรง อย่าหลบฝนใต้ต้นไม้เนื่องจากอาจเกิดต้นไม้หักโค่นได้
ทบ.ส่งทหารช่วยชาวบ้าน
วันเดียวกัน พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษก กองทัพบก และคสช. กล่าวถึงกรณีที่มีฝนตกจำนวนมากในพื้นที่กรุงเทพฯ ช่วงเช้ามืดที่ผ่านมาว่า ตามนโยบาย พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผบ.ทบ. ให้หน่วยเฝ้าระวัง พร้อมให้การช่วยเหลือตลอดเวลากรณีพบความเดือดร้อนเร่งเข้าช่วยทันที โดยช่วงเช้าที่ผ่านมา ทหารกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (พล.1รอ.) ส่งชุดช่วยเหลือประชาชนจากกองบัญชาการช่วยรบที่ 1 พัน. 2 รอ. (ร.1พัน.2รอ.) จัดกำลังอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้ยานพาหนะ บริเวณด้านหน้าหน่วยและพื้นที่รับผิดชอบ เขตห้วยขวาง และเขตลาดพร้าว โดยเฉพาะจุดเสี่ยง บริเวณ ถนนแยกอสมท เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่ใช้ทางสัญจรทั้งขาเข้าและออก
พ.อ.วินธัย กล่าวว่า โดยในพื้นที่ต่างๆ ทั่วกรุงเทพฯ ทหารโดยกองกำลังชุดเฉพาะกิจได้ลงพื้นที่ลาดตระเวนช่วยเหลือประชาชนทั้งซ่อมรถยนต์ รถจักรยานยนต์ อำนวยการจราจรและขนย้ายสิ่งของ ในเขตพื้นที่บางเขน บางซื่อ สุขุมวิท ประเวศน์ บางนา บางขุนเทียน ทวีวัฒนา ห้วยขวาง ประชาชื่น คันนายาว สายไหม มีนบุรี คลองสามวา ตลอดถึงเขต จ.ปทุมธานี