- Details
- Category: กทม.
- Published: Saturday, 03 October 2015 16:52
- Hits: 7129
ฝนถล่มกรุง รัชดาจมหนัก น้ำสูงครึ่งเมตร หลายสายก็มิด พิษพายุ'มูจีแก'
ฝนถล่มกรุงอ่วม ถนนจมบาดาลทั้งเมือง รัชดาฯหน้าศาลอาญาท่วมครึ่งเมตรรถจอดเสียเต็มถนน ลาดพร้าว-พหลโยธิน งามวงศ์วานก็แย่พอกัน รถติดหนักทุกทิศทาง กทม.เร่งระดมสูบระบายน้ำทั้งวันยันค่ำสถานการณ์ถึงดีขึ้น กรมอุตุฯ สาเหตุจากพิษพายุโซนร้อน 'มูจีแก' ที่เคลื่อนเข้าเกาะไหหลำและเวียดนามตอนบน ส่งผลให้ทั้งกรุงเทพฯ ภาคกลาง อีสาน และตะวันออก มีฝนหนักยาวไปถึงวันที่ 6 ต.ค.
วันที่ 03 ตุลาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9075 ข่าวสดรายวัน
จมอีก- สภาพการจราจรสะพานข้ามแยกรัชดาฯ-ลาดพร้าว ที่ถูกน้ำท่วมหลังฝนถล่ม โดยจุดหนักสุดบนถนนรัชดาฯ อยู่ที่หน้าศาลอาญา น้ำสูงถึง 50 ซ.ม. เช่นเดียวกับถนนหลายสายในกทม. เมื่อ 2 ต.ค.
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 2 ต.ค. นาย วันชัย ศักดิ์อุดมไชย อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เตือนพายุ มูจีแก ฉบับที่ 1 ระบุว่า พายุดีเปรสชันบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกได้เคลื่อนผ่านประเทศฟิลิปปินส์ลงสู่ทะเลจีนใต้ตอนบน ทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน "มูจีแก" แล้ว โดยเมื่อเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา มีศูนย์กลางอยู่ที่ ละติจูด 16.4 องศาเหนือ ลองจิจูด 119.6 องศาตะวันออก ความเร็วสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กำลังเคลื่อนตัวทางตะวันตกค่อนทางเหนือเล็กน้อย ด้วยความเร็วประมาณ 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าพายุนี้จะเคลื่อนผ่านเกาะไหหลำ และขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ในช่วงวันที่ 4-5 ต.ค.
สำหรับ พายุนี้จะเริ่มส่งผลกระทบต่อลักษณะอากาศของประเทศไทยในช่วงวันที่ 4-6 ต.ค. โดยบริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีฝนเพิ่มมากขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง ในภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนสะสมในระยะนี้ไว้ด้วย
นายเมธี มหายศนันท์ ผู้อำนวยการส่วนพยากรณ์อากาศกลาง กล่าวว่า จากกรณีที่เกิดฝนตกหนักทั่วทุกพื้นที่ในวันนี้ เกิดมาจากร่องมรสุมพาดผ่านในภาคกลาง ภาคตะวันออกและภาคเหนือของประเทศไทย โดยจะส่งผลให้มีฝนตกหนาแน่นในหลายพื้นที่ทั้งกรุงเทพฯ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งจะตกต่อเนื่องวันที่ 2-6 ต.ค.
นายเมธี กล่าวอีกว่า ส่วนพายุมูจีแกเกิดจากพายุดีเปรสชันบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก เคลื่อนผ่านประเทศฟิลิปปินส์ลงสู่ทะเลจีนใต้ตอนบน และได้ทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน ขณะนี้พายุมูจีแกนั้นกำลังเคลื่อนผ่านประเทศฟิลิปปินส์และคาดว่าจะเคลื่อนตัวถึงมณฑลไหหลำ ประเทศจีนในวันที่ 5 ต.ค. จะส่งผลกระทบกับประเทศไทยเพียงเล็กน้อย ก่อนจะอ่อนกำลังลงในวันที่ 6 ต.ค. ขอฝากเตือนไปยังประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยให้ระมัดระวัง เช่น บนภูเขา หรือพื้นที่ราบลุ่ม เนื่องจากฝนตกชุกต่อเนื่องหลายวัน อาจทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากได้
วันเดียวกัน เกิดพายุฝนตกกระหน่ำไปทั่วพื้นที่กรุงเทพฯ โดยศูนย์ป้องกันน้ำท่วม รายงานสถานการณ์ฝนตกในพื้นที่กรุงเทพฯ ว่า ตั้งแต่เวลา 11.00 น. เกิดฝนอ่อน-ปานกลาง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ต่อเนื่องเขตกรุงเทพฯ ในพื้นที่ ยานนาวา บางคอแหลม สาทร ทิศทางเคลื่อนตัวทิศตะวันตกเข้าเขต ทุ่งครุ ราษฎร์บูรณะ ต่อเนื่องเขตสวนหลวง สะพานสูง ประเวศ บางนา พระโขนง ห้วยขวาง ดินแดง พญาไท ราชเทวี บางกะปิ จตุจักร ลาดพร้าว วังทองหลาง ปทุมวัน บางรัก สัมพันธวงศ์ ป้อมปราบศัตรูพ่าย พระนคร ดุสิต บางซื่อ บางเขน หลักสี่ ดอนเมือง สายไหม
โดยปริมาณฝนสูงสุดในเวลา 12.30 น. ที่เขตวังทองหลาง 81.5 ม.ม. เขตยานนาวา 81 ม.ม. เขตพญาไท 73.5 ม.ม. เขตราชเทวี 59 ม.ม. เขตบางรัก 56 ม.ม. เขตดินแดง 51.5 ม.ม. ส่งผลให้มีน้ำท่วมขังรอระบายบนถนนความสูง 15-30 เซนติเมตร ดังนี้ ถนนประดิพัทธ์ บริเวณแยกสะพานควาย ถนนงามวงศ์วาน บริเวณแยกเกษตรถนนพญาไท บริเวณหน้ากรมปศุสัตว์และหน้าวังสวนผักกาด ถนนประชาสงเคราะห์ บริเวณตลาดห้วยขวาง ถนนดินแดง
บริเวณตลาดขวัญ ซอยเสนานิคม ถนนพระราม 6 ช่วงทางด่วน ถนนงามวงศ์วานบริเวณซอยชินเขต ถนนศรีอยุธยา บริเวณหน้าโรงเรียนสันติราษฎร์ ถนนวิภาวดีฯ บริเวณหน้าบริษัทปตท. ถนนสุทธิสาร บริเวณซอย 19 ถนนนครไชยศรี บริเวณตลาดศรีย่าน ถนนรัชดาภิเษก บริเวณหน้าโรบินสันและหน้าธนาคารกรุงเทพ ถนนพหลโยธิน บริเวณซอยสายลม ต่อเนื่องมาถึงเซ็นทรัลลาดพร้าว หน้าโรงภาพยนตร์เมเจอร์ ถนนลาดพร้าว หน้าปากซอยลาดพร้าว 112 ทั้ง สองฝั่ง ถนนสาธุประดิษฐ์ หน้าโรงเรียนยานนาเวศถึงแยกสาธุประดิษฐ์ตัดถนนจันทน์ ถนนสวนพลู
โดยเจ้าหน้าที่สำนักการระบายน้ำ สำนัก งานเขต และหน่วยเบสท์ อยู่ระหว่างเร่งระบายน้ำ เพื่อให้ถนนแห้งเป็นปกติโดยเร็วที่สุด ขณะเดียวกันที่บริเวณหน้าอุโมงค์ระบายน้ำ พระราม 9 ก็ต้องให้เจ้าหน้าที่คอยเก็บขยะตลอด 24 ชั่วโมง
รายงานข่าวจาก กทม. แจ้งว่า สำหรับข้าราชการระดับสูงที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านการระบายน้ำ ได้เกษียณอายุราชการไปเมื่อวันที่ 30 ก.ย. ที่ผ่านมา มีจำนวน 3 คน ได้แก่ นายสัญญา ชีนิมิตร ปลัดกทม. นายอดิศักดิ์ ขันตี รองปลัดกทม. และนายกังวาฬ ดีสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ ส่งผลให้สำนักการระบายน้ำมีเพียงรองผู้อำนวยการสำนัก 3 คนเท่านั้น โดยใน 3 คนนี้ เป็นลูกหม้อสำนักการระบายน้ำและมีความเชี่ยวชาญในพื้นที่ปฏิบัติงาน 2 คน ได้แก่ นายสมพงษ์ เวียงแก้ว นายณรงค์ เรืองศรี ส่วนนายเฉลิมพล โชตินุชิต เป็นรองสำนักที่ดูแลด้านการบริหารบุคคลเท่านั้น
ท่วมหนัก- สภาพน้ำท่วมมิดฟุตปาธถนนงามวงศ์วาน บริเวณแยกเกษตร หลังเกิดฝนถล่มกรุงเทพฯ อย่างหนัก รวมถึงถนนหลักหลายสาย จุดหนักสุดถนนรัชดาฯ บริเวณหน้าศาลอาญา ระดับน้ำท่วมสูงกว่าครึ่งเมตร เมื่อวันที่ 2 ต.ค. |
ขณะเดียวกัน มีกระแสข่าวว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. จะทาบทามนายสัญญาและนายอดิศักดิ์ เข้ามาช่วยงานด้านการระบายน้ำในอนาคตด้วย เนื่องจากคณะ ผู้บริหารกทม.ชุดนี้ไม่มีความเชี่ยวชาญและชำนาญงานด้านการระบายน้ำ
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณหน้าศาลอาญารัชดา ถนนรัชดาภิเษก แขวงจอมพล เขตจตุจักร มีน้ำท่วมสูงถึง 50 ซ.ม. เนื่องจากมีปริมาณฝนตกลงมาเป็นจำนวนมากทั่วกรุงเทพฯ โดยเฉพาะย่านรัชดาฯและลาดพร้าว จึงไม่สามารถระบายน้ำได้ทัน ส่งผลให้มีน้ำขังตั้งแต่สะพานข้ามแยกรัชดา-ลาดพร้าว จนถึงสะพานข้ามแยกรัชโยธินทั้งสองฝั่งรถยนต์เล็กไม่สามารถผ่านได้ ทำให้มีรถติดสะสมเป็นจำนวนมาก และมีรถหลายคันจอดเสียอยู่ตลอดทาง เจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลาระบายน้ำกว่า 3 ช.ม. จึงสามารถเปิดทางให้รถเล็กค่อยๆ ผ่านไปได้
ด้านนายจักรพันธุ์ ผิวงาม รองปลัดกทม. กล่าวภายหลังลงพื้นที่ตรวจการระบายน้ำ บริเวณถนนรัชดาฯ ว่า ในช่วงเวลา 12.00 น. บริเวณหน้าศาลอาญารัชดา มีน้ำท่วมขังสูง 50 เซนติเมตร แต่ขณะนี้น้ำได้เริ่มลดลงเหลือ 15 เซนติเมตร คาดว่าจะใช้เวลาในการระบายน้ำให้แห้งเป็นปกติในเวลา 20.00 น. อย่างไรก็ตามระบบระบายน้ำสามารถรองรับน้ำได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น จำเป็นต้องทำระบบป้องกันน้ำท่วมเพิ่มขึ้น เพื่อให้การระบายน้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ แต่ภาพรวมในวันนี้อยู่ในระดับที่ดี น้ำท่วมขังในจุดต่างๆ เริ่มลดระดับลงและแห้งกลับสู่ปกติแล้ว
ด้านนายณรงค์ เรืองศรี รองผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ กล่าวภายหลังลงพื้นที่ตรวจการระบายน้ำ บริเวณถนนลาดพร้าวว่า ปริมาณฝนตกหนักมากตั้งแต่เวลา 11.00 น. ส่งผลให้เกิดปัญหาน้ำท่วม ถนนสายหลัก ได้แก่ ถนนรัชดาภิเษก ถนนลาดพร้าว ถนนพหลโยธิน ถนนงามวงศ์วาน โดยขณะนี้เหลือถนนสายหลักเพียงจุดเดียว ที่มีน้ำท่วมสูงคือบริเวณแยกรัชดา-ลาดพร้าว ประมาณ 30 เซนติเมตร เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเร่งสูบระบายน้ำคาดว่าจะให้แห้งเป็นปกติภายใน 2 ชั่วโมง โดยขณะนี้ได้เปิดการจราจร 2 เลน จาก 4 เลน
ขณะเดียวกันปริมาณฝนตกหนักทำให้ระดับน้ำในคลองบางซื่อ และคลองลาดพร้าวสูงขึ้น เจ้าหน้าที่เร่งผันน้ำในคลองลงอุโมงค์พระราม 9 และบึงมักกะสัน คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมง ระดับน้ำจะกลับมาสู่ภาวะปกติ อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าฯ กทม. ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และสั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งระบายน้ำให้แห้งโดยเร็วที่สุด
ขณะเดียวกัน สถานีวิทยุพิทักษ์สันติราษฎร์ สวพ.เอฟเอ็ม 91 รายงานการประเมินสภาพสถานการณ์จราจร ภายหลังเกิดฝนตกหนัก ทั่วในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ตั้งแต่เวลา 11.00-13.30 น. หลายพื้นที่เกิดน้ำท่วมขัง ระดับน้ำสูงมากว่า 10 เซนติเมตร ขณะที่ซอยทางลัด หรือถนนสายรอง ที่ประชาชนเคยใช้เส้นทางสัญจร หลีกเลี่ยงปัญหารถติด พบว่ามีระดับน้ำท่วมสูงเช่นกัน โดยเฉพาะ ถนนพหลโยธิน แนวก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว บริเวณแยกเกษตรฯ
สรุปเส้นทาง ถนน ที่มีระดับน้ำท่วมขัง ตั้งแต่เวลา 11.30 น. หลังฝนตกหนักเพียง 30 นาที ประกอบด้วย ถนนพหลโยธิน ตั้งแต่แยกลาดพร้าวถึงหน้ากรมส่งเสริมการเกษตรฯ ระดับน้ำท่วมสูง 20-25 ซ.ม. ทั้งเข้า-ออก ถนนรัชดาภิเษก จากสะพานข้ามแยกรัชดา-ลาดพร้าว ถึงแยกรัชโยธิน โดยเฉพาะบริเวณหน้าศาลอาญารัชดา ระดับน้ำท่วมสูงเกือบ 30 ซ.ม. ถนนงามวงศ์วาน แยกพงษ์เพชร ปากซอยชินเขต ระดับน้ำ 20-30 ซ.ม. ซอยเสนานิคม 1 น้ำท่วมสูง 30 ซ.ม.
นอกจากนั้น กรณีที่ผู้รับเหมาก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว แยกเกษตร ปิดช่องจราจรเลนขวาสุดตลอดแนวใต้สะพานลอยข้ามแยกเกษตรฯ-เสนา เพื่อดำเนินการรื้อถอนโครงสร้างสะพาน ตั้งแต่เดือนก.ย.ที่ผ่านมา ส่งผลทำให้รถยนต์ที่ใช้เส้นทางผ่านต้องขับรถลุยน้ำท่วมบนถนนพหลโยธิน ทั้งเข้า-ออก บริเวณดังกล่าวที่มีระดับน้ำท่วมสูง และเสี่ยงต่อปัญหารถจอดเสีย เครื่องยนต์ขัดข้อง อีกทั้งซอยทางลัด พหลโยธิน 34, 30, 35 มีสภาพน้ำท่วมสูงเช่นกัน
ขณะที่กองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) รายงานข่าวการประเมินสภาพการจราจรทั่วกรุงเทพฯ ว่าบริเวณจุดที่มีน้ำท่วมขังค่อนข้างมากสูงสุดบริเวณถนนรัชดาฯ มุ่งหน้าไปถนนลาดพร้าวหน้าศาลอาญา น้ำท่วมสูงระดับเอวประมาณ 50 ซ.ม. ปิดช่องทาง 6 ช่องทาง ทำให้การจราจรติดขัดแนะนำให้หลีกเลี่ยงเส้นทางดังกล่าว
ต่อมาบริเวณปากทางลาดพร้าวหรือบริเวณลาดพร้าวซอย 1 ถึงซอยภาวนา หรือซอยลาดพร้าว 35 มีน้ำท่วมข้างริมทางเท้า ทำให้ช่องทางขาเข้าและขาออกวิ่งได้ 2 ช่อง การจราจรยังคงเคลื่อนตัวไปได้ บริเวณ เส้นทางแยกเกษตรฯเคลื่อนตัวไปถึงถนนแจ้งวัฒนะ แยกรัชดาจนถึงถนนพระราม 7 แยกสุทธิสารถึงแยกอโศก ถนนพระราม 4 การจราจรค่อนข้างติดขัด ถนนกำแพงเพชรน้ำท่วมเท่าริมทางเท้าทำให้การจราจรหยุดนิ่ง คาดว่าการจราจรจะติดขัดไปจนถึงช่วงค่ำหลังเวลาประมาณ 21.00 น.