- Details
- Category: กทม.
- Published: Thursday, 11 June 2015 11:54
- Hits: 4572
ชายหมูมาแล้ว-แก้ท่วม บิ๊กป๊อกสั่งห้าม รถติดเกินช.ม.
'บิ๊กตู่' ฮึ่มขรก.ปลูกป่าไม่ได้ผล อดเลื่อนยศ-ขั้น ลั่นห้ามต้นไม้ที่ปลูกไว้ตาย ไฟเขียวทำท่อลอดคลองจากบางปะกง สั่งขุดทะเลสาบน้ำจืดเท่าบึงบอระเพ็ดหวังแก้แล้ง ให้ทำประกันปลูกข้าวพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยา ด้านชายหมูกลับถึงไทย-ถกด่วน สั่งลุยแก้ปัญหาขยะ ฮึ่มเอาผิดคนทิ้งด้วย ไม่สนกระแสให้ปลดจากผู้ว่าฯกทม. ชี้เป็นห่วงประชาชน แต่กทม.เป็นเมืองน้ำ-คงหนีไม่พ้น งงฝนชอบตกเวลาไม่อยู่ ด้านบิ๊กป๊อกถกชายหมู-กทม. สั่งลุยขยะขวางระบาย จัดตร.เสริมจุดท่วมแก้หนึบ ถ้าฝนถล่มห้ามรถติดเกินช.ม. ต้องแห้งก่อนตี 5 ด้วย ชี้ระบบป้องกันน้ำท่วมไม่สมบูรณ์บางส่วน ทั้งเขื่อน-พื้นที่รับน้ำ-ท่อระบายเล็ก ขณะที่ อุตุฯเตือนฝนถล่มกรุงยาวถึง 16 มิ.ย. ส่วนเขื่อนป่าสักแห้งขั้นวิกฤต เหลือน้ำแค่ 10 เปอร์เซ็นต์ สั่ง 22 จว.ลุ่มเจ้าพระยางดทำนา
วันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 8961 ข่าวสดรายวัน
มาแล้ว - ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. เรียกประชุมผู้บริหารกทม.ทันทีที่เดินทางกลับจากดูงานต่างประเทศ เพื่อแก้ปัญหา น้ำท่วม ที่สำนักการระบายน้ำ ย่านดินแดง เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.
'บิ๊กตู่'ฮึ่มขรก.ปลูกป่าไม่ได้ผล
เมื่อเวลา 09.10 น. วันที่ 10 มิ.ย. ที่ ต.คลองตะเกรา อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. เป็นประธานเปิดงานวันต้นไม้ประจำปีของชาติ พ.ศ.2558 "รวมพลังพลิกฟื้นผืนป่า ป่าไม้มั่นคง ประชาชนมั่งคั่ง อย่างยั่งยืน" บนพื้นที่ 160 ไร่ ของป่าสงวนแห่งชาติป่าแควระบมและป่าสียัด โดยมีพล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย และนายอำนวย ปะติเส รมช.เกษตรและสหกรณ์ พร้อมประชาชนให้การต้อนรับ
นายกฯ กล่าวว่า ตลอด 20 ปีที่ผ่านมาป่าถูกทำลายสูญหายกว่า 26 ล้านไร่ คนทั่วไปไม่รวย ไปรวยเฉพาะคนบางกลุ่ม แต่เราแก้ปัญหาไม่ได้ สิ่งที่ต้องทำวันนี้คือการปลูกป่าในใจคน ที่ผ่านมาตั้งแต่เป็นผบ.ทบ. เป็นประธานปลูกป่ามาไม่รู้กี่ร้อยครั้ง ก็ไม่รู้ว่าต้นไม้จะอยู่ถึงร้อยต้นหรือไม่ วันนี้ต้องตอบคำถามให้ได้ในระยะเวลาที่เหลืออยู่ว่าวันนี้ต้นไม้โตกี่ต้น ซ่อมได้กี่ต้นและใครดูแลและทำอย่างไรประชาชนจะมีส่วนร่วม อนาคตจะใช้ประโยชน์จากป่าอย่างไร ผู้บริหารต้องเอาใจใส่มากกว่านี้ ข้าราชการทุกคนต้องตอบคำถามเหล่านี้ได้ ถ้าไม่ได้ก็ไม่ต้องเลื่อนยศ สิ่งที่ตนพูดเหมือนกับการทำข้อสอบ ที่ต้องหาคำตอบให้ได้
ไฟเขียวทำท่อลอดบางปะกง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า การเป็นประธานปลูกต้นไม้ในวันนี้ขอเป็นครั้งสุดท้ายที่จะเป็นประธานที่ปลูกต้นไม้แล้วตาย ดังนั้น ไม่ว่าก่อนที่ตนจะไป ไม่ว่าจะปีนี้หรือปีไหนจะเช็กก่อนว่าต้นไม้ที่ปลูกไปยังอยู่อีกกี่ต้น คนปลูกคนดูแลคือใครและใครรับผิดชอบ เราต้องให้ประชาชนเข้ามาช่วยและมีส่วนร่วม รวมทั้งบริษัทเอกชน วันนี้ต้องเร่งแก้ปัญหาการบุกรุกที่ป่าและปลูกเกินความต้องการ การแก้ปัญหาเรื่องไร่ข้าวโพด รวมทั้งการดูแลสินค้าภาคการเกษตรโดยต้องแปรรูปสินค้า เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการล้นตลาด เช่น ข้าว ยางพารา มันสำปะหลังหรือข้าวโพด
โอกาสนี้นายกฯ อนุมัติงบประมาณ 180 ล้านบาท เพื่อทำท่อลอดคลองจากแม่น้ำบางปะกงเข้าสู่พื้นที่การเกษตร ต.สาวชะโงก ต.เสม็ดเหนือ และ ต.เสม็ดใต้ อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อแก้ไขปัญหาผลกระทบการขาดแคลนน้ำในพื้นที่การเกษตร โดยมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงไปศึกษาโครงการ
สั่งขุดทะเลสาบน้ำจืดแก้แล้ง
ต่อมาเวลา 12.40 น. พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมคณะ เดินทางมาที่โครงการอ่างเก็บกักน้ำประแสร์ บ้านแก่งหวาย หมู่ 6 ต.ชุมแสง อ.วังจันทร์ จ.ระยอง เพื่อรับฟังบรรยายสรุปโครงการเพิ่มประสิทธิภาพกักเก็บน้ำประแสร์ โดยมีพล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ ประธานกรรมการกำหนดนโยบายการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ รายงานวัตถุประสงค์และสรุปภาพรวมการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในภาคตะวันออก
จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์กล่าวกับประชาชนตอนหนึ่งว่า น้ำมีปัญหาทั้งประเทศ เพราะที่ผ่านมาการบริหารจัดการน้ำไม่ชัดเจน ต้องรื้อเขียนยุทธศาสตร์ใหม่ปี "57-69 อย่างการปลูกข้าวเริ่มมีปัญหาแล้ว จากที่ฝนตกไม่ต่อเนื่องและเก็บน้ำไม่ได้ ล่าสุดสั่งการให้ทำประกันการปลูกข้าวในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา จากเดิมประกันเฉพาะการปลูกข้าวในพื้นที่แล้งซ้ำซาก เพราะรัฐบาลไม่สามารถใช้เงินมาช่วยเหลือความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของการกักเก็บน้ำนั้นต้องการพื้นที่กักเก็บแห่งใหม่ สร้างให้เป็นทะเลสาบน้ำจืด เช่น บึง บอระเพ็ด กว๊านพะเยา โดยมอบหมายอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำไปสำรวจพื้นที่ราชพัสดุ หรือที่ดินของกรมทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึงที่ดินของประชาชนที่เป็นพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซากมาทำเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่แห่งใหม่ เพื่อกักเก็บน้ำและพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวต่อไป
ชายหมูถึงไทย-ถกด่วน
ที่สำนักการระบายน้ำ กทม. 2 ดินแดง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. เป็นประธานประชุมร่วมกับสำนักการระบายน้ำ เพื่อหารือถึงการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในกรุงเทพฯ โดยนายกังวาฬ ดีสุวรรณ ผอ.สำนักการระบายน้ำ รายงานสถานการณ์ว่า กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่าในวันที่ 10-11 มิ.ย. กรุงเทพฯ จะมีฝนอยู่ที่ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนในวันที่ 12-13 มิ.ย.จะมีปริมาณฝนร้อยละ 40 ของพื้นที่ ขณะที่วันที่ 14-15 มิ.ย.จะมีปริมาณฝนร้อยละ 60 ของพื้นที่ จากนั้นปริมาณฝนอาจลดลงในวันที่ 16 มิ.ย. อยู่ที่ร้อยละ 40 ของพื้นที่
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ แถลงภายหลังการประชุมว่า ในช่วงเช้าวันจันทร์ที่ 8 มิ.ย.มีฝนตกหนักอยู่ที่ 140 ม.ม. เป็นปริมาณ 1 ใน 10 ของปริมาณฝนที่ตกทั้งปี ถือเป็นฝนตกครั้งใหญ่ในช่วงนั้น โดยตนไปปฏิบัติราชการในต่างประเทศ แต่ก็ได้ติดตามสถานการณ์ตลอดเวลา ซึ่งมีความชัดเจนว่าถนนในเส้นทางหลักสามารถระบายน้ำได้ในเวลาไม่นาน อาจมี ที่ถนนพระรามสี่ ที่ใช้เวลาระบายถึงเวลา 08.00 น. ส่วนถนนสุขุมวิทและอโศกมนตรีใช้เวลาถึง 09.00 น. แต่หากเปรียบเทียบกับฝนที่ตกเมื่อวันที่ 24 มี.ค. ปริมาณอยู่ที่ 63.5 ม.ม. และใช้เวลาระบาย 3 ช.ม. 25 นาที ถือว่าครั้งนี้กทม.ทำงานเร็วมาก อีกทั้งเมื่อได้รับรายงานก็รีบกลับมาทันที เพราะปัญหาน้ำท่วมอยู่ในใจของประชาชนมานานแล้ว
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวอีกว่า การเดินทางไปประเทศเนเธอร์แลนด์เนื่องจากนายกเทศมนตรีนครร็อตเตอร์ดัม ส่งหนังสือเชิญตนไปร่วมประชุมด้วยตนเอง ตั้งแต่เดือนมี.ค.ที่ ผ่านมา จึงใช้โอกาสนี้ดูเรื่องระบบระบายน้ำของเนเธอร์แลนด์ ซึ่งถือเป็นประเทศที่มีระบบระบายน้ำดีที่สุดในโลก แต่ปัญหาน้ำท่วมอยู่ในใจประชาชน แม้การเดินทางไปร่วมประชุมจะสำคัญ แต่ประชาชนสำคัญกว่า ที่ตนกลับมาไม่ได้มีข้อกังขาในการทำงานของเจ้าหน้าที่กทม. ไม่ได้กลับมาเพราะกังวลว่า กทม.ทำงานดีหรือยัง แต่กลับมาเพราะ คนกรุงเทพฯ รู้สึกกังวลกับปัญหาน้ำท่วม ซึ่งเป็นการกลับมาด้วยความเต็มใจ โดยใน วันที่ 11 มิ.ย.ตนจะลงพื้นที่ เพื่อดูโครงการระบบระบายน้ำของ กทม.ด้วย เพราะเชื่อมั่นว่าสิ่งที่ กทม.เคยดำเนินการมาทั้งก่อนและหลังตนเป็นผู้ว่าฯ กทม.เป็นแนวทางที่ถูกต้อง
ชี้ฝนชอบตกเวลาที่ไม่อยู่
ผู้ว่าฯ กทม.กล่าวต่อว่า ขอขอบคุณพล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ที่ระบุว่าถ้ามีปัญหาเรื่องนี้กองทัพพร้อมให้ความช่วยเหลือ จึงคิดว่าการแก้ปัญหาต้องทำงานแบบบูรณาการร่วมกับหน่วยงานของภาครัฐ ส่วนปัญหาขยะที่พล.อ. ประยุทธ์ พล.อ.ประวิตร และพล.อ.อนุพงษ์กังวลนั้น สั่งการให้เรื่องนี้ต้องทำงานเชิงบูรณา การเช่นกัน ตั้งแต่ประชาสัมพันธ์ถึงการลงโทษผู้ทิ้งขยะ โดยขอให้ปลัด กทม.สั่งการให้หน่วยงานร่วมกันทำงาน เพื่อแก้ปัญหาขยะ เพราะตั้งแต่ครึ่งปีพบปริมาณขยะสะสมถึง 3 แสนตัน จึงขอความร่วมมือประชาชนให้ทิ้งขยะให้ถูกที่ด้วย หากจะมีกฎหมายระดับชาติเพื่อช่วยป้องกัน กทม.ก็พร้อมจะทำ ส่วนเวลาจากนี้พยากรณ์อากาศล่วงหน้าคาดน่าจะมีฝนตกในวันเสาร์และวันอาทิตย์ จึงสั่งการให้ปลัด กทม.กำชับหน่วยงานให้ดำเนินการตามแผนที่เคยทำไปทุกครั้งในช่วงฤดูฝน
เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่อยากปลดผู้ว่าฯ กทม. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์กล่าวว่า "ผมเป็นคนทำงาน ไม่อยากมีเรื่องกับใคร"
เมื่อถามว่าเป็นห่วงกระแสสังคมที่วิพากษ์วิจารณ์ผู้ว่าฯ กทม.หรือไม่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์กล่าวว่า ไม่ได้ห่วงตัวเอง แต่เป็นห่วงประชาชนที่นอนไม่ค่อยหลับ ตนไม่สนใจเรื่องส่วนตัว เพราะขณะที่อยู่ต่างประเทศใช้เวลาตัดสินใจแค่ 1 นาทีในการกลับมา กระแสสังคมกังวล ตนก็กังวลด้วย เรากังวลได้แต่ต้องไปดูข้อเท็จจริงว่า กทม.สามารถระบายน้ำได้เร็วกว่าเดิม จึงขอทำงานเพื่อให้ประชาชนมีความสุข เราหนีน้ำไม่พ้น เพราะเราเป็นเมืองน้ำ แต่โครงการต่างๆ จะทำให้น้ำระบายเร็วขึ้น แต่ฝนชอบตกเวลาตนไม่อยู่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การแถลงข่าวของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ครั้งนี้แตกต่างจากการแถลงข่าวเรื่องสถานการณ์น้ำท่วมที่ผ่านมา โดย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์มีน้ำเสียงเรียบเฉย ตอบคำถาม ของสื่อมวลชนด้วยอาการนิ่ง ไม่มีอารมณ์เหมือนการแถลงข่าวที่ผ่านมา
'บิ๊กป๊อก'ชี้ห้ามรถติดเกินช.ม.
จากนั้นเวลา 18.00 น. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เข้าประชุมติดตามการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมร่วมกับม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผบ.ตร. พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต่อมาเวลา 19.20 น. พล.อ.อนุพงษ์กล่าวภายหลังการประชุมว่า ในการประชุมตนไม่ได้ตั้งใจมากล่าวโทษใคร แต่มาเพื่อรับฟังสถานการณ์และสอบถาม กทม.ถึงความต้องการความช่วยเหลือในด้านต่างๆ จากกระทรวงมหาดไทย ซึ่งปัญหาหลักที่ตนต้องการให้ กทม.เร่งแก้ไขคือ 1.ปัญหาขยะที่อุดตันระบบระบายน้ำ ซึ่งต้องแก้ไขให้ระยะเวลาการระบายน้ำลดลง 2.หากฝนตกจนเกิดน้ำท่วมขังบนผิวจราจร ต้องจัดกำลังตำรวจประจำการแก้ปัญหาและระบายรถตามจุดสำคัญ 300 แยก เพื่อให้การจราจรเคลื่อนตัว ส่วนในพื้นที่วิกฤตต้องจัดกำลังทหารเข้าช่วยเหลือ 3.หากเกิดอุบัติเหตุหรือรถเสีย จะประสานสถาบันอาชีวศึกษา จัดชุดเคลื่อน ที่เข้าช่วยเหลือ แก้ปัญหารถไม่ให้กีดขวางการจราจร
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า หากเกิดฝนตกหนักเหมือนวันที่ 8 มิ.ย.ที่ผ่านมา ประชาชนต้องไม่ประสบปัญหาการจราจรติดขัดบนท้องถนนเกิน 1 ช.ม. อีกทั้งถ้ามีฝนตกในช่วงกลางคืนน้ำต้องแห้งก่อนเวลา 05.00 น. หากพื้นที่ใดไม่แห้งตำรวจจะปิดถนนดังกล่าวเพื่อเร่งระบายน้ำ พร้อมแจ้งประชาชนให้หลีกเลี่ยงเส้นทางและประสานทหารจัดรถยกสูงรับส่งประชาชน ซึ่งปัญหานี้ส่วนหนึ่งมาจากกรุงเทพฯ เป็นเมืองที่อยู่ระดับต่ำกว่าน้ำทะเลปานกลาง เมื่อเกิดฝนตกต้องใช้เวลาในการระบายน้ำ แต่ปัญหาใหญ่ที่ทำให้ประสิทธิภาพการระบายน้ำลดลงคือปัญหาขยะ แต่เรื่องดังกล่าวจะให้มาบังคับใช้กฎหมายจับกุมก็ไม่เกิดผลสำเร็จ ต้องใช้วิธีการสร้างวัฒนธรรม ปลูกจิตสำนึกให้ประชาชนไม่ทิ้งขยะลงพื้นที่สาธารณะ
"จากการรับฟังรายงานระบบป้องกันน้ำท่วมของกทม. ยังมีบางส่วนไม่สมบูรณ์ อาทิ เขื่อนป้องกันน้ำท่วม พื้นที่รับน้ำที่ไม่เพียงพอ รวมถึงท่อระบายน้ำที่มีขนาดเล็ก จึงทำให้อุโมงค์ระบายน้ำทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ ซึ่ง กทม.ได้เตรียมแผนพัฒนาระบบต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยมั่นใจในการทำงานของ กทม. และเชื่อมั่นว่าสถานการณ์ที่ผ่านมาไม่ได้เลวร้าย" พล.อ.อนุพงษ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสสังคมเรียกร้องให้ ผู้ว่าฯ กทม.ลาออกจากตำแหน่ง พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า ตนทำงานร่วมกับผู้ว่าฯ กทม.มาตลอด ซึ่งมั่นใจว่าท่านทำงานด้วยความตั้งใจ และเรื่องที่เกิดขึ้นสังคมจะไปโทษคนคนเดียวไม่ได้ แต่ทุกฝ่ายควรช่วยเหลือกันเพื่อแก้ปัญหา
เขื่อนป่าสักแห้งขั้นวิกฤต
ส่วนสถานการณ์ภัยแล้ง นายอัตพร ปัญญาโฉม ผอ.จัดสรรน้ำสำนักงานชล ประทานที่ 10 จ.ลพบุรี เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำในหลายเขื่อนหลักขณะนี้มีปริมาณน้ำน้อยกว่าทุกปี เนื่องจากปีนี้ฝนตกลงมาน้อยและทิ้งช่วงนาน ทำให้มีน้ำไม่เพียงพอต่อการเพาะปลูกข้าวนาปี จึงขอความร่วมมือประชาชนใน จ.ลพบุรี และที่อยู่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาทั้งหมด 22 จังหวัด ชะลอการทำนาปีออกไปก่อน เนื่องจากปริมาณน้ำมีน้อยมาก หากเพาะปลูกแล้วอาจไม่มีน้ำหล่อเลี้ยงต้นข้าวถ้ายังคงไม่มีฝนตกลงมา
ขณะที่สถานการณ์ของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี มีปริมาณน้ำเหลือแค่เพียง 98 ล้านลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 10 ของความจุเขื่อน และการระบายช่วงนี้อยู่ที่ 40 ลบ.ม.ต่อวินาที หรือวันละ 35 ล้านลบ.ม. ซึ่งวันนี้มีแผนปรับลดการระบายน้ำลง เพื่อรักษาระดับน้ำเก็บไว้ในอ่างของเขื่อน จึงจะทำให้เกิดผลกระทบกับพื้นที่เกษตรท้ายเขื่อนพื้นที่ จ.สระบุรี จ.พระนครศรีอยุธยา และ จ.ปทุมธานี จึงขอเตือนชาวนาในลุ่มเจ้าพระยาและป่าสักขอให้ชะลอการทำนาช่วงนี้ก่อน รอจนกว่าจะมีฝนตกลงมาค่อยเริ่มทำนาปี เพื่อป้องกันความเสียหายของการเพาะปลูกข้าวนาปี