นายสัญญา ชีนิมิตร

     ตามที่ ศาลปกครองสูงสุดพิพากษายืนตามศาลปกครองกลาง ให้ กทม. และเขตปทุมวัน ออกคำสั่งทุบโรงแรมดิเอทัส กลางซอยร่วมฤดี ภายใน 60 วัน เนื่องจากก่อสร้างสูงเกินกว่ากฎหมายกำหนด และผิด พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร

วันที่ 3 ธันวาคม นายเฉลิมพงษ์ กลับดี หัวหน้าศูนย์ทนายความอาสา มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคและทนายความของผู้ฟ้องคดี กล่าวว่า ประชาชนผู้ฟ้องคดีจะติดตามในการที่กทม.และสำนักงานเขตปทุมวัน จะออกคำสั่งให้เจ้าของอาคารรื้อถอนอาคารให้ถูกต้องตามกฎหมาย คาดว่ากทม.จะปฏิบัติตามคำสั่งศาลในการออกคำสั่ง

     แต่ทางเจ้าของอาคารอาจจะยื่นอุทธรณ์คำสั่งไปยังคณะกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์ อย่างไรก็ตามแม้เจ้าของอาคารยืนยันว่าก่อสร้างถูกต้องตามกฎหมาย แต่การที่ศาลปกครองได้ตัดสินในครั้งนี้ เป็นการยืนยันว่าการก่อสร้างอาคารไม่ถูกต้อง

     นายเฉลิมพงษ์ กล่าวว่า หากกทม.ออกคำสั่งให้รื้อถอนอาคารแล้ว แต่เจ้าของอาคารไม่ดำเนินการภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด จะมีความผิดฐานขัดขืนคำสั่งเจ้าพนักงาน มีโทษทั้งจำคุกและปรับ และพ.ร.บ.ควบคุมอาคารยังให้อำนาจเจ้าพนักงานสามารถรื้อถอนอาคารและเรียกค่ารื้อถอนจากเจ้าของอาคาร หากเจ้าของอาคารไม่ดำเนินการตามคำสั่ง

      ด้านนายสัญญา ชีนิมิตร ปลัดกทม. กล่าวว่า ได้มีการหารือกับสำนักงานกฎหมายและคดี กทม. เห็นตรงกันว่าต้องรอดูคำพิพากษาอย่างเป็นทางการ ว่ามีการฟ้องร้องในประเด็นใด เพื่อมาพิจารณาว่าควรทำอย่างไรต่อไป ซึ่งขณะนี้กทม.ยังไม่ได้รับคำพิพากษา จึงไม่สามารถบอกรายละเอียดได้ อย่างไรก็ตาม กทม.พร้อมปฏิบัติตามคำสั่งศาล ในส่วนที่มีประเด็นอื่นๆ ก็ต้องนำมาพิจารณากันอีกครั้ง