- Details
- Category: ไอที-เทคโนฯ
- Published: Friday, 28 June 2024 19:47
- Hits: 11872
Gulf Edge และ Google Cloud จับมือเปิดให้บริการ Sovereign Cloud ที่ใช้งาน AI สำหรับประเทศไทย
ความร่วมมือนี้ช่วยให้อุตสาหกรรมที่สำคัญของประเทศไทยสามารถใช้ประโยชน์จาก Google Cloud AI ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและเป็นเอกเทศ ตามการปฏิบัติข้อกำหนดด้านการจัดเก็บข้อมูลภายในและการป้องกันข้อมูล
บริษัท กัลฟ์ เอดจ์ จำกัด (“Gulf Edge”) ในเครือของบริษัทกัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (“Gulf”) และ Google Cloud ได้ประกาศข้อตกลงระยะเวลายาวสำหรับการให้บริการ Sovereign Cloud ในประเทศไทยตามข้อกำหนดที่เข้มงวด ด้านถิ่นที่อยู่ของข้อมูล ความปลอดภัย และความเป็นส่วนตัว ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์นี้มุ่งเพิ่มขีดความสามารถให้กับองค์กรต่างๆ ในอุตสาหกรรมที่สำคัญของประเทศไทย โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมที่ต้องจัดเก็บและประมวลผลข้อมูลที่มีความสำคัญหรือเป็นความลับ เช่น การให้บริการทางการแพทย์ ความปลอดภัยสาธารณะ พลังงาน และสาธารณูปโภค ทั้งนี้ความร่วมมือดังกล่าวจะช่วยส่งเสริมและสนับสนุนเพื่อเร่งการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล (Digital Transformation) ด้วยนวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) ชั้นนำของโลก และการวิเคราะห์ที่มีประสิทธิภาพสูง ควบคู่ไปกับอธิปไตยในการดำเนินงาน (Operational Sovereignty) อธิปไตยในการการจัดเก็บข้อมูล (Data Sovereignty) และอธิปไตยในการใช้งานซอฟต์แวร์ (Software Sovereignty) ที่อยู่ภายใต้ขอบเขตข้อบังคับของประเทศ
จากข้อตกลงดังกล่าว Gulf Edge จะได้รับสิทธิ์จาก Google Cloud เพื่อดำเนินธุรกิจระบบคลาวด์ Google Distributed Cloud (GDC) ในฐานะผู้ให้บริการ Managed GDC Provider (MGP) สำหรับองค์กรต่างๆ ในประเทศไทย โดยมุ่งเน้นไปที่การให้บริการคลาวด์ประเภท Google Distributed Cloud air-gapped (“GDC air-gapped”) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ Google Sovereign Cloud ที่ทำงานภายใต้สภาพแวดล้อมตามความต้องการของผู้ใช้งานคลาวด์และตัดขาดจากการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตสาธารณะโดยสิ้นเชิง ซึ่ง MGP เป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ที่ร่วมมือกับทาง Google Cloud เพื่อขับเคลื่อนการนำ GDC air-gapped ผ่านการให้คำปรึกษาและบริการจากผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงการจัดการดูแลระบบอย่างครบวงจร
ในส่วนของการให้บริการ Gulf Edge เปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานเลือกได้ว่าจะทำการติดตั้งผลิตภัณฑ์ GDC air-gapped ในพื้นที่ของผู้ใช้งานหรือภายในศูนย์ข้อมูล (Data Center) ของกลุ่มบริษัท Gulf พร้อมด้วยตัวเลือกฮาร์ดแวร์ที่หลากหลายตอบโจทย์ตามความต้องการของผู้ใช้งาน เช่นหน่วยประมวลผลกลาง (CPU) และหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) สำหรับใช้งานทั่วไป การให้บริการดังกล่าวมีจุดมุ่งหมายเพื่อจัดการกับปัญหาเฉพาะขององค์กรและข้อกำหนดด้านปริมาณงาน ทำให้มั่นใจได้ว่าข้อมูล การดำเนินงาน และซอฟต์แวร์ยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมของลูกค้าและอยู่ภายในขอบเขตของประเทศไทยโดยสมบูรณ์ โดยเป็นไปตามกรอบกฎหมายและข้อบังคับ อาทิ พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ด้วยความสามารถในการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี AI และการวิเคราะห์ขั้นสูงของ Google Cloud ในผลิตภัณฑ์ GDC ทำให้องค์กรในอุตสาหกรรมต่างๆ ในไทย สามารถใช้เทคโนโลยี เพื่อนำเสนอการให้บริการและองค์ความรู้แบบใหม่ ในยุคที่พลวัตของเทคโนโลยีดำเนินไปอย่างรวดเร็ว เช่น
● พัฒนาการรักษาแบบเฉพาะบุคคลสำหรับภาวะสุขภาพเรื้อรัง
● ยกระดับการสร้างแบบจำลองทางเศรษฐกิจและการพัฒนาบริการสาธารณะที่ปรับเปลี่ยนได้และมีพลเมืองเป็นศูนย์กลาง
● ตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉินและภัยพิบัติที่รวดเร็วยิ่งขึ้น
● เพิ่มการผลิตพลังงานสูงสุดในโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ลม พลังน้ำ หรือโรงไฟฟ้าชีวมวล
นายสารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ความร่วมมือของเรากับ Google Cloud บนผลิตภัณฑ์ Sovereign Cloud แห่งแรกในไทยที่มีเทคโนโลยี AI ภายในผลิตภัณฑ์และการวิเคราะห์ในตัวนั้น เป็นสิ่งเน้นย้ำความมุ่งมั่นของ Gulf ในการเป็นผู้นำทางเทคโนโลยีและการพัฒนาที่ยั่งยืน ความร่วมมือกับ Google ในผลิตภัณฑ์ GDC air-gapped เกิดจากการที่เราเล็งเห็นุถึงความสามารถที่โดดเด่นของผลิตภัณฑ์ ที่สามารถแยกการทำงานออกจากอินเทอร์เน็ตสาธารณะโดยสิ้นเชิง ในขณะที่ยังสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี AI ทำให้เราสามารถจัดการกับงานที่ต้องใช้ข้อมูลจำนวนมากที่เกี่ยวกับข้องกับธุรกิจด้านพลังงานและสาธารณูปโภคที่สำคัญ อีกทั้งยังสามารถรักษาความปลอดภัยและตอบสนองความต้องการและปริมาณการใช้งานของคลาวด์ที่ยืดหยุ่นอย่างมีประสิทธิภาพ ความสำเร็จในการให้บริการ GDC air-gapped ในประเทศไทยถือเป็นบันไดก้าวสำคัญของประเทศ เพราะเป็นการเพิ่มขีดความสามารถทางดิจิทัลให้กับอุตสาหกรรมต่างๆ ในประเทศ รวมถึงในมุมของบริษัทยังเป็นการสร้างโอกาสที่สำคัญในการเติบโตทางธุรกิจได้อีกด้วย ความร่วมมือดังกล่าวจึงเปรียบเสมือนบันไดก้าวแรก ที่จะต่อยอดไปสู่ความร่วมมือด้านอื่นๆ กับทาง Google Cloud โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยี เพื่อผลักดันการเติบโตของธุรกิจในประเทศไทยและต่างประเทศในอนาคต”
การประกาศความร่วมมือในวันนี้เป็นการปูทางให้ Gulf Edge และ Google Cloud สามารถขยายการดำเนินงานทางธุรกิจไปยังบริการด้านอื่นๆ ในระบบนิเวศคลาวด์ในอนาคตได้ ทั้งด้าน AI และด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ (cybersecurity) เพื่อสอดรับกับการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลและการสนับสนุนธุรกิจสตาร์ทอัพ อันจะนำไปสู่การที่ประเทศไทยจะกลายเป็นผู้นำทางด้านนวัตกรรมดิจิทัลในระดับภูมิภาค ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์นี้จะรวมจุดแข็งของ Google Cloud ทางด้าน AI ที่ล้ำสมัยสำหรับองค์กร โครงสร้างพื้นฐาน นักพัฒนา ข้อมูล ความปลอดภัย และเครื่องมือการทำงานร่วมกันระดับองค์กร เข้ากับความเป็นผู้นำของ Gulf ในด้านการผลิตไฟฟ้าและโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลสำหรับประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านพลังงานสะอาด ศูนย์ข้อมูล และโทรคมนาคมผ่านบริษัทในเครือ
ผลิตภัณฑ์ Cloud สำหรับข้อมูลที่เป็นความลับ
GDC air-gapped จะมีการรักษาความปลอดภัยหลายชั้นเพื่อให้ได้รับการควบคุมสูงสุด ซึ่งยังคงเป็นไปตามกฎระเบียบของไทย และปกป้องข้อมูลที่เป็นความลับ รวมถึงความปลอดภัยของฮาร์ดแวร์ ความปลอดภัยของผู้ให้บริการและผู้รับบริการ ความปลอดภัยของแอปพลิเคชัน ความปลอดภัยเครือข่าย การเข้ารหัส การระบุตัวตนและการจัดการการเข้าถึง การดำเนินการด้านความปลอดภัย การดำเนินการที่เชื่อถือได้ และการตรวจสอบและทดสอบการปฏิบัติตามข้อกำหนด
เทคโนโลยี AI และการทำงานที่อาศัยข้อมูลจำนวนมากในสภาพแวดล้อมแบบ air-gapped
GDC air-gapped จะช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์หลัก (เช่น Workbench, Pipelines, Predictions) ของ Vertex AI ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการพัฒนา AI แบบ end-to-end ของ Google Cloud ได้ เพื่อช่วยในการพัฒนาและปรับใช้การเรียนรู้ของเครื่องขั้นสูง (Machine Learning: ML) และแอปพลิเคชันสำหรับการค้นหาด้วย Generative AI อย่างรวดเร็วตามความต้องของผู้ใช้ โดยโมเดล ML ที่ผ่านการเรียนรู้ล่วงหน้า (Pre-trained) สำหรับ Speech-to-Text, การแปลภาษา และ optical character recognition (OCR) นั้นสามารถรองรับได้มากกว่า 100 ภาษา รวมถึงภาษาไทย เช่นเดียวกับ Gemma ซึ่งเป็นโมเดล AI แบบโอเพนซอร์สที่ล้ำสมัยของ Google ที่สามารถเข้าถึงได้อย่างอิสระเช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ องค์กรต่างๆ ยังสามารถเข้าถึงทรัพยากรฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ของ Google Cloud ได้หลากหลายมากขึ้น ซึ่งมีความสำคัญต่อนวัตกรรมที่ขับเคลื่อนด้วย AI ในสภาพแวดล้อม air-gapped ไม่ว่าจะเป็น Google Kubernetes Engine (GKE), NVIDIA Tensor Core GPU, ระบบจัดการฐานข้อมูล AlloyDB Omni แบบพกพา และ Dataproc สำหรับการเรียกใช้การวิเคราะห์ข้อมูลแบบโอเพนซอร์ส
Karan Bajwa รองประธาน Google Cloud ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า “จากความมุ่งมั่นตั้งใจของเราที่มีต่อรัฐบาลไทยในการจัดหาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่มีความยืดหยุ่นและขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมสำหรับประเทศ เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้นำ Gulf Edge เข้ามาสู่การเป็น MGP เจ้าแรกในประเทศไทยที่ให้บริการผลิตภัณฑ์ GDC air-gapped ให้กับองค์กรต่างๆ ในประเทศต่อไป โดยผลิตภัณฑ์ GDC air-gapped ของ Google Sovereign Cloud ที่มีเทคโนโลยี AI นี้จะช่วยให้ภาครัฐและภาคอุตสาหกรรมภายใต้การกำกับดูแล สามารถเร่งการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลตามความต้องการของแต่ละองค์กร ภายใต้ข้อกำหนดต่างๆ ของประเทศที่เข้มงวดได้อย่างดีเยี่ยม นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์ GDC air-gapped ยังสามารถช่วยให้องค์กรต่างๆ ขยายขีดความสามารถใหม่ๆ ในการวิเคราะห์ข้อมูล เปิดเผยข้อมูลเชิงลึก เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และสร้างแอปพลิเคชันตามความต้องการขององค์กร ในขณะเดียวกันก็ช่วยให้มั่นใจได้ว่าองค์กรจะสามารถควบคุมและปกป้องข้อมูลที่ละเอียดอ่อนได้อย่างสมบูรณ์ยิ่งขึ้น”
6878