- Details
- Category: การแพทย์-สธ
- Published: Thursday, 09 June 2016 11:33
- Hits: 6492
สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่า'เหา'ก่อความรำคาญใจ ให้กับพ่อแม่ในช่วงเปิดภาคเรียน
คุณพ่อบ้านแม่บ้านยุคใหม่จะทำอย่างไรถ้าเกิดวันดีคืนดี บนศีรษะมีสิ่งมีชีวิตตัวน้อยอันไม่พึงประสงค์อย่าง 'เหา' มาอาศัยร่วมอยู่กับคุณ หรือลูกๆที่คุณรัก หลายท่านอาจจะมีตำรับตำราแบบโบราณที่บอกต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ทั้งใช้น้ำมันก๊าดชโลมผม หรือจะตำใบน้อยหน่าหมักผม หรืออาจจะตัดปัญหาแบบเด็ดขาดด้วยการโกนผมทิ้งกันไปแบบให้ต้องเจ็บช้ำน้ำใจเล่น
'เหา'ถือเป็นตัวการปัญหาที่สร้างความหนักใจให้กับพ่อบ้านแม่บ้านมาทุกยุคทุกสมัย โดยเฉพาะในบ้านที่มีเด็กในวัยกำลังซน เพิ่งจะเข้าโรงเรียนใหม่ๆ ยิ่งช่วงเปิดภาคเรียนแล้ว มีโอกาสที่จะติดเหาจากความซุกซน หรือติดมาจากเพื่อนใหม่เพื่อนเก่าที่โรงเรียน ที่นอกจากจะทำให้เด็กๆเองเกิดอาการคันไม่มีสมาธิในการเรียน เกาจนเสียบุคลิกภาพ เพื่อนๆรังเกียติ พ่อแม่ก็คงต้องระวังตัวเองเพิ่มขึ้น เพราะเหาตัวร้ายนี้พบได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่เช่นกัน
ก่อนจะเรียนรู้วิธีที่ทำให้ห่างไกลปลอดภัยจากเหา มาทำความเข้าใจเกี่ยวกับสัตว์ชนิดนี้เสียก่อน สำหรับ 'เหา'เจ้าปัญหานี้ ไม่ได้มีเฉพาะประเภทที่ขึ้นบนศีรษะของเราเท่านั้น ยังมีประเภทที่อยู่บนตัวของเรา ที่อยู่ในจุดซ่อนเร้น ที่เรานิยมเรียกกันว่า 'โลน'นั่นเอง สำหรับวงจรชีวิตของเหานั้นจะแบ่งออกเป็น 4 ช่วงเริ่มตั้งแต่ไข่เห่า ซึ่งจะเกิดจากแม่ตัวเต็มวัย ซึ่งแม่เหาตัวหนึ่งจะสามารถวางไข่ได้ 50–150 ฟอง หลังจากนั้นก็จะฟักเป็นตัวในเวลา8-9วันเป็นตัวอ่อนสีขาวขุ่น ที่มักจะพบตามโคนเส้นผมนั่นเอง หลังจากนั้นจะมีระยะการเจริญเติบโต 9–12 วัน ก่อนจะพัฒนาเป็นตัวเต็มวัยพร้อมสืบพันธุ์รวมตลอดวงจรชีวิตจะอยู่ประมาณ 4 สัปดาห์
ถึงแม้เจ้าตัวปัญหานี้จะมีระยะเวลาชีวิตที่ไม่ยาวมาก แต่ก็สามารถสร้างปัญหาได้ไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะ'เหา'มีความสามารถในการแพร่พันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว โดยการอาศัยการดูดเลือดเป็นอาหาร ซึ่งน้ำลายของมันจะทำให้เกิดอาการระคายเคือง คัน และอักเสบได้ นอกจากนี้จะทำให้เกิดบุคลิกขาดความมั่นใจ เด็กอาจจะไม่อยากไปโรงเรียน จนส่งผลกระทบต่อผลการเรียนได้
ยิ่งไปกว่านั้น'เหา' ยังสามารถมีชีวิตอยู่โดยไม่ต้องอาศัยกับมนุษย์ได้นานถึง 2 วัน ดังนั้นต่อให้เราไม่ได้สัมผัสกับผู้ที่ติดเหาโดยตรง เราก็สามารถจะติดเหาได้จากการใช้ของที่สัมผัสกับบริเวณที่มีเหาเช่นกัน
แต่อย่าเพิ่งตื่นตกใจจนไม่เป็นอันทำอะไร เพราะการหลีกเลี่ยงให้ไกลจากเจ้าตัวร้ายนี้ง่ายนิดเดียว เพียงแค่ทำความสะอาดหนังศีรษะทุกวัน และไม่ใช้ของใช้ร่วมกับผู้ที่มีเหาอยู่ ก็เพิ่มความปลอดภัย ห่างไกลเหาได้ แต่ถ้าบังเอิญติดเหามาแล้วเป็นที่เรียบร้อย ก็อย่าเพิ่งวิ่งไปหาน้ำมันก๊าด หรือไปร้านตัดผมเพื่อโกนผมทิ้งกันซะก่อน
เภสัชกร วีระพงษ์ เชาว์กิจค้าแนะนำว่าในการกำจัดเหาในปัจจุบันมีนวัตกรรมใหม่ที่มีชื่อสามัญว่า “เพอร์เมทริน (Permethrin)ที่ช่วยทำให้ปัญหาเหล่านี้หมดไปการขจัดเหาด้วยตัวยา “Permethrin1% โดยเฉพาะชนิดที่เป็นโลชั่น”จะทำให้คุณลืมตำรับยาโบราณที่ยุ่งยากซับซ้อนไปได้เลย เพราะแค่ 10 นาที ก็สามารถขจัดเหาให้สิ้นซาก และไม่ต้องใช้บ่อย เพียงแค่ใช้ครั้งแรก และนับต่อไปอีก 10 วัน ก็ใช้ผลิตภัณฑ์อีกหนึ่งครั้ง ก็จะสามารถขจัดเหาได้แบบสิ้นซาก ตัดสายวงจรชีวิตของเหา ไม่ให้กลับมากวนใจอีกต่อไป เพราะจะจัดการทั้งเหาที่อยู่ในวัยเจริญพันธุ์ และตัวอ่อน เรียกได้ว่ากำจัดแบบถอนรากถอนโคนเลยทีเดียว
ด้วยตัวยา Permethrin1%โลชั่นที่จะมาช่วยจัดการปัญหาเหาให้หมดไป ตัวยานี้จะดูดซึมผ่านผิวหนังชั้นนอกของเหา ซึ่งจะส่งผลต่อเยื่อหุ้มเซลล์ประสาทของเหา ทำให้เหาเกิดอัมพาตในส่วนของเส้นประสาท ซึ่งส่งผลให้เกิดการเคลื่อนไหวไม่ประสานกันและตายในที่สุด ที่ร้านจึงเลือกที่จะแนะนำตัวยา เอสกาวป์(Ascalp 1% Permethrin Lotion)ให้คนไข้ เพราะ สะดวก ปลอดภัย ไม่เหม็น ไม่ระคายเคืองหนังศีรษะ
ถึงแม้การออกฤทธิ์จะดูรุนแรงจนน่าตกใจ แต่ตัวยานี้ไม่มีผลอะไรต่อมนุษย์ โดยความเข้มข้นอัตรา 1% นี้ได้รับการรับรองจาก US--FDA ให้สามารถใช้ได้โดยปลอดภัย และไม่มีการซึมเข้าสู่กระแสเลือดของมนุษย์ที่จะทำให้เป็นอันตรายจึงปลอดภัยใช้ได้กับเด็กตั้งแต่อายุ 2 เดือนขึ้นไปก็สามารถใช้ได้ ด้วยวิธีการใช้ก็แสนง่าย เพียงแค่หมักทิ้งไว้หลังทำความสะอาดผมเพียงแค่ 10 นาทีแล้วล้างออก ก็สามารถขจัดศัตรูตัวร้ายที่คอยกวนใจได้แล้ว