เมื่อวันที่ 12 กรกฏาคม น.พ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวว่ากระทรวงสาธารณสุขมีแนวคิดให้ประชาชนร่วมจ่ายค่ารักษาพยาบาลในระบบประกันสุขภาพร้อยละ30 - 50 นั้นไม่เป็นความจริง ขอยืนยันว่าไม่ใช่มติที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) แนวคิดดังกล่าวเป็นเพียงการเสนอความคิดเห็นในที่ประชุม เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมาในโอกาสที่หัวหน้าฝ่ายสังคมจิตวิทยา คสช.ตรวจเยี่ยมและรับฟังการดำเนินงานของกระทรวงสาธารณสุข โดยมีผู้บริหารของกระทรวงสาธารณสุข หน่วยงานในกำกับของกระทรวงสาธารณสุข เช่น สปสช. สวรส.สวพ.สพฉ. เป็นต้นเข้าร่วม โดยไม่ได้มีการพูดคุยรายละเอียดหรือมีข้อสรุปในประเด็นดังกล่าวแต่อย่างใด

   

ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวต่อว่า ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขอยู่ระหว่างการปฏิรูประบบการทำงาน โดยมีการกระจายอำนาจการบริหารไปที่เขตบริการสุขภาพซึ่งต้องมีการปรับระบบการทำงาน การบริหาร การจัดการในเรื่องต่างๆ ไปพร้อมกันอย่างเรื่องของงบประมาณ จากการระดมความคิดผู้ที่เกี่ยวข้องทั่วประเทศ จะเน้นการพัฒนาความสามารถเพื่อให้บริการประชาชนอย่างเบ็ดเสร็จภายในเขต ลดการส่งออกนอกเขตพื้นที่เพื่อความสะดวกของผู้รับบริการและจะดำเนินการในการปรับระบบการเงินการคลังดังนี้ 

    1.ขอให้มีการทำข้อตกลงกันระหว่างกระทรวงสาธารณสุข กับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ภายใต้ตัวชี้วัด (KPI) ระดับประเทศ โดย สปสช. ผู้ถือเงินทำหน้าที่จ่ายเงินและประเมินผลการดำเนินงาน ตามตัวชี้วัดที่ได้ตกลงกันไว้กับกระทรวงสาธารณสุข ส่วนกระทรวงสาธารณสุข จะจัดบริการตามตัวชี้วัดที่ได้ตกลงกัน 

   2.งบเหมาจ่ายรายหัวประชากร (งบ UC) ไม่ควรแยกหมวดรายการเป็นกองทุนย่อยเช่นที่ผ่านมา ควรจัดงบฯให้เหลือแค่ 4 ประเภทได้แก่ งบบริการผู้ป่วยนอก บริการผู้ป่วยใน บริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค และเงินช่วยเหลือเบื้องต้นตามมาตรา 41 

    3.การบริหารงบประมาณของกระทรวงสาธารณสุข จะบริหารในรูปแบบเขตบริการสุขภาพและบูรณาการงบประมาณจากทุกแหล่งเงิน ผ่านคณะกรรมการของแต่ละเขตบริการสุขภาพ ตามตัวชี้วัดระดับประเทศและตัวชี้วัดของพื้นที่

    ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ เว็บไซต์ประชาไท เผยแพร่เอกสารสรุปการตรวจเยี่ยมกระทรวงสาธารณสุข ของพลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม มีเนื้อหาดังนี้