- Details
- Category: การแพทย์-สธ
- Published: Wednesday, 24 June 2015 14:37
- Hits: 3342
สธ.เร่งตาม 8 คน 3 ชาติ ร่วมไฟลต์ผู้ป่วย มาตรวจ'เมอร์ส' กักอีกดญ. 4 ขวบ
รมว.สธ.ยันไทยมีผู้ป่วยรายเดียว ล่าสุดอาการดีขึ้น ขณะสธ.เร่งตามผู้สัมผัสอีก 163 คนตรวจตามมาตรการเฝ้าระวัง
พร้อมประสานสถานทูตตาม 8 ชาวต่างชาติร่วมไฟลต์ชาวโอมาน เป็นอังกฤษ 6 คน อิตาลี 1 และสวิตเซอร์แลนด์ 1 ผลตรวจด.ญ.เมืองชัยภูมิเป็นลบ หลังกลับจากเกาหลีแล้วเป็นไข้ หมอเรียกตรวจซ้ำตามมาตรการป้องกัน ล่าสุดกักตัวไว้ดูอาการ ส่วนที่บุรีรัมย์-พะเยา-ปทุมธานี ผู้ต้องสงสัยทุกรายไร้เชื้อไวรัส เมอร์ส
วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 8974 ข่าวสดรายวัน
เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. ที่กรุงเนปิดอว์ สาธารณ รัฐแห่งสหภาพเมียนมา พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ ให้สัมภาษณ์ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้หยิบยกประเด็นการแพร่ระบาดโรคทางเดินหายใจตะวันออก กลางหรือโรคเมอร์ส ขึ้นหารือในระหว่างการประชุมผู้นำ ACMECS ครั้งที่ 6 ว่า ไทยพร้อมให้ความร่วมมือในการป้องกันการแพร่ระบาด โดยจะมอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และกระทรวงการต่างประเทศ ร่วมกันหารือในรายละเอียดพร้อมจะประสานประเทศสมาชิก ACMECS เพื่อร่วมมือกันเฝ้าระวังร่วมกันต่อไป
พล.ต.วีรชนกล่าวอีกว่า โอกาสนี้สมเด็จฮุนเซน นายกฯกัมพูชา ยังเสนอให้ไทยช่วยสนับสนุน ให้ความรู้กับเจ้าหน้าที่สาธารณ สุขของประเทศสมาชิก เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดอีกด้วย โดยเห็นไทยมีศักยภาพและประสบการณ์การจัดการกับการแพร่ระบาดของโรคในช่วงที่ผ่านมา
ที่ทำเนียบรัฐบาล นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รมว.สาธารณสุข รายงานสถานการณ์และมาตร การดูแลและเฝ้าระวังรวมทั้งผลการปฏิบัติให้ครม.รับทราบ ซึ่งครม.ชื่นชมการทำงานของหน่วยงานต่างๆ ที่ประสานงานกันได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม กำชับว่ายังประมาทไม่ได้เพราะยังมีประเด็นเรื่องนี้อยู่ เมื่อทำได้ดีและได้รับคำชื่นชมจากต่างประเทศแต่ยังต้องดูแลให้เข้มข้น
นางกอบกาญจน์ กล่าวด้วยว่า ส่วนสถาน การณ์ท่องเที่ยวยังเหมือนเดิม และในปี 2558 มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นและไม่มีการยกเลิกการจองที่พัก เป็นเพราะเชื่อมั่นการทำงานด้านสาธารณสุขของไทยที่มีประวัติดำเนินการได้ดี ตั้งแต่ครั้งมาตรการเฝ้าระวังไข้หวัดนกอีโบลา ซึ่งการทำงานของเราเป็นระดับนานาชาติ ส่วนสมาคมท่องเที่ยวได้พูดคุยกันอย่างต่อเนื่อง และในวันที่ 24 มิ.ย.จะหารือกันอีก
นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ ว่า เช้าวันเดียวกันนี้ผู้ป่วยชาวโอมานที่ติดเชื้อไข้หวัดเมอร์สมีอาการดีขึ้นสามารถเคลื่อนไหวได้บ้าง หากทีมแพทย์ของเราตรวจเชื้อของผู้ป่วยชาวโอมานพบเป็นผลลบอีก 2 ครั้งภายใน 14 วัน ก็จะยืนยันได้ว่าผู้ป่วยอยู่ในอาการปลอดภัยแล้ว ส่วนญาติของผู้ป่วย 3 คนยังแข็งแรงดี ขณะที่ผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อและเฝ้าระวังซึ่งเดิมมี 176 คน ก็ลดลงเรื่อยๆ และบางคนออกนอกประเทศไทยไปบ้างแล้ว
รมว.สธ. กล่าวว่า ส่วนกรณีกระทรวงการท่องเที่ยวฯหวังให้ควบคุมสถานการณ์ได้ก่อนฤดูกาลท่องเที่ยวของไทยจะมาถึงนั้น ทางสธ.พยายามสร้างระบบและมาตรการป้องกันพร้อมกับเฝ้าระวังผู้ป่วยรายใหม่อย่างเต็มที่ และไม่ได้ปิดกั้นการเดินทางมาท่องเที่ยวในไทย และการเดินทางออกไปยังประเทศแถบตะวันออกกลางและเกาหลีใต้ หน้าที่ของเราคือสร้างเกราะกำบังภูมิคุ้มกันประชากรไทยให้เข้มแข็งพอ และคัดกรองตลอดเวลาว่าผู้ใดมีความเสี่ยงติดเชื้อโรคก่อนเข้าภายในประเทศไทย โดยแจกแผ่นพับให้ ผู้โดยสารขาเข้าประเทศว่าทุกคนมีความเสี่ยง และหากระหว่างเดินทางหรือเมื่อเดินทางมาถึงแล้วมีไข้ต้องแจ้งสายด่วน 1669 โดย ไม่ต้องเดินทางไปโรงพยาบาลเพราะเราจะส่งทีมแพทย์ไปรับถึงสนามบินทันที
"นักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศขอให้มีความเชื่อมั่นว่า เรามีมาตรการเฝ้าระวังและเกราะป้องกันที่เข้มแข็งพอในการเฝ้าระวังโรคชนิดนี้ ตั้งแต่เครื่องบินก่อนลงจอดและขึ้นบิน รวมถึงระหว่างเดินทาง นอกจากนั้นโรงพยาบาลทุกแห่งทั้งรัฐและเอกชนที่มีความพร้อมในการรับผู้ป่วยอยู่แล้ว" รมว.สธ.กล่าว
เมื่อถามกรณีมีข่าวว่าโรงพยาบาลเอกชน 2 แห่ง ปฏิเสธการรับผู้ป่วยที่อาจเสี่ยงติดเชื้อและขอให้ส่งต่อสถาบันบำราศนราดูรแทน นพ.รัชตะกล่าวว่า ได้นัดประชุมเพื่อทำความเข้าใจกับโรงพยาบาลเอกชนกว่า 100 แห่งเรื่องการขอให้ความร่วมมือ และยืนยันว่าโรงพยาบาลเอกชนไม่สามารถปฏิเสธผู้ป่วยแต่กระแสข่าวที่ออกมาทางโรงพยาบาลเอกชนได้ประสานกับสธ.ว่าหากมีความกังวลว่าผู้ป่วยอาจติดเชื้อก็ให้ประสานส่งตัวไปยังสถาบันบำราศนราดูรได้
เมื่อถามว่าหากประชาชนที่เดินทางกลับมาจากพื้นที่เสี่ยงต้องนอนโรงพยาบาลเพื่อเฝ้าดูอาการถึง 14 วันทางกระทรวงจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายอย่างไรบ้าง นพ.รัชตะกล่าวว่า คนไทยทุกคนมีหลักประกันสุขภาพอยู่แล้ว ถึงแม้จะเดินทางไปโรงพยาบาลเอกชน ทางกระทรวงสาธารณสุขจะดูแลค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมดในส่วนการเฝ้าระวัง
ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.สุรเชษฐ์ สถิตนิรามัย รักษาการปลัด สธ. เปิดเผยภายหลังการประชุมศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและแก้ปัญหาสาธารณภัยด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีโรคเมอร์ส ว่า สำหรับผู้ป่วยเมอร์สอาการดีขึ้นเล็กน้อย แต่ยังมีภาวะการเต้นหัวใจผิดปกติ เนื่องมาจากโรคประจำตัวเดิม ซึ่งต้องให้การรักษาภาวะหัวใจควบคู่ไปด้วย ซึ่งยังถือว่าผู้ป่วยมีความเสี่ยงสูงอยู่ ส่วนญาติทั้ง 3 คนอาการปกติไม่มีไข้ แต่ยังให้อยู่ในห้องแยกเพราะถือว่าสัมผัสใกล้ชิด โดยมีสถานทูตให้การดูแลทั้ง 3 คนอยู่
นพ.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า สำหรับเงื่อนไขที่จะให้ออกจากโรงพยาบาลได้ จะขึ้นอยู่กับ 1.ระยะเวลา 14 วัน เท่ากับจะถึงวันที่ 2 ก.ค.นี้ 2.ไม่มีไข้ 3.ไม่ไอ และ 4.ผลการตรวจเชื้อทางห้องปฏิบัติการเป็นลบ ติดกัน 2 ครั้ง โดยต้องครบทั้ง 4 เงื่อนไข ซึ่งแม้ว่าขณะนี้จะไม่มีไข้ ไอ แต่หากก่อนออกจากโรงพยาบาลมีไข้ ไอ ก็ต้องตรวจอย่างละเอียดและให้ออกจากโรงพยาบาลไม่ได้
นพ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า สำหรับผู้สัมผัสกับ ผู้ป่วยคนแรก 163 คน ในกลุ่มนี้พบว่ายังต้องหาตัวผู้ที่เดินทางมาเครื่องบินเดียวกันอีก 8 คน เป็นชาวอังกฤษ 6 คน ชาวอิตาลี 1 คน และ สวิตเซอร์แลนด์ 1 คน โดยได้ประสานกับสถานทูตของบุคคลดังกล่าวเพื่อให้ช่วยติดตามแล้ว และผู้ขับแท็กซี่จากโรงแรมไปโรงพยาบาลอีก 1 ราย ได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยติดตามแล้ว
"แม้ว่าทั้ง 9 คนจะถือว่ามีความเสี่ยงต่ำแต่เพื่อเป็นไปตามมาตรการเฝ้าระวังจะพยายามติดตามให้ได้ในช่วงเวลา 14 วัน หรือจนกว่าจะเดินทางออกนอกประเทศไทย ตามทฤษฎีหากสถานการณ์เป็นไปตามขณะนี้ เชื่อว่าจะสามารถควบคุมได้" นพ.สุรเชษฐ์กล่าว
นพ.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ในรอบ 24 ชั่วโมง พบว่ามีผู้ที่เข้าข่ายต้องสอบสวนโรค 5 คน เดินทางกลับมาจากเกาหลีใต้ 3 คน และเดินทางกลับมาจากตะวันออกกลาง 2 คน ซึ่งจากการที่ประเทศเกาหลีใต้ กลายเป็นพื้นที่เสี่ยงทำให้พบผู้ที่ต้องสอบสวนโรคเพิ่มขึ้นด้วย แต่จนถึงปัจจุบันผลการตรวจเชื้อยังเป็นลบทั้งหมด และถือเป็นเรื่องปกติที่จะพบผู้เข้าข่ายสอบสวนโรคเพิ่มเติม
นพ.สุรเชษฐ์กล่าวด้วยว่า ส่วนกรณีร.พ. เอกชนที่ปฏิเสธการรับผู้ป่วยเข้าข่ายต้องสอบ สวนโรคจากประเทศที่มีโรคเมอร์สระบาด อาจกระทำไปด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แต่หากไม่แจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขกรณีเจอ ผู้ป่วยโรคเมอร์สรวมทั้งผู้เข้าข่ายต้องสอบ สวนโรคเมอร์ส จะมีความผิดตามพ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2523 ปรับไม่เกิน 2,000 -10,000 บาท จำคุกไม่เกิน 6 เดือน และพ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541 หากผิดมาตรฐานมีตั้งแต่ตักเตือน สูงสุดถึงขั้นปิดสถานพยาบาลและไม่ต่อใบอนุญาต
นพ.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ขอให้ประชาชนที่เดินทางกลับจากประเทศที่มีโรคระบาดแล้วมีไข้และไอภายใน 14 วันอย่าโดยสารรถสาธารณะไป ร.พ.ให้โทร.แจ้ง 1669 หรือ 1422 เพื่อจัดส่งรถพยาบาลที่ได้มาตรฐานไปรับ โดยในต่างจังหวัดจะมีสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด(สสจ.)รับผิดชอบ พื้นที่กรุงเทพฯมีกรมการแพทย์และร.พ.เอกชนบางแห่งรับผิดชอบ
นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค(คร.) กล่าวว่า ตนได้ลงนามในประกาศ เจ้าพนักงานสาธารณสุข เรื่อง ให้เจ้าของหรือผู้รับผิดชอบสถานพยาบาลดำเนินการตาม พระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2523 สาระสำคัญของประกาศ คือ 1. ให้แยกผู้ป่วยหรือผู้มีเหตุสงสัยว่าป่วย ออกมาไว้ต่างหากจาก ผู้อื่นทันทีที่ทราบว่ามีการป่วยหรือมีเหตุสงสัยว่ามีการป่วยเกิดขึ้นในสถานพยาบาล 2.แยกผู้สัมผัสโรค เช่น ญาติ คนที่ได้ใกล้ชิด ให้อยู่ในสถานที่ที่ไม่ปะปนกับผู้อื่น 3.ให้แจ้งข้อมูลของบุคคลตามข้อ 1 และข้อ 2 ให้เจ้าพนักงานสาธารณสุขทราบทันที ต้องไม่เกิน 24 ชั่วโมง 4.กรณีที่จะต้องมีการเคลื่อนย้ายหรือเปลี่ยนสถานพยาบาลของผู้ป่วย ผู้มีเหตุสงสัย หรือผู้สัมผัสโรค ต้องแจ้งเจ้าพนักงานสาธารณสุขก่อนทุกครั้ง 5.ต้องปฏิบัติตามวิธีการและเงื่อนไขเพื่อการป้อง กันและควบคุมโรคที่เจ้าพนักงานสาธารณ สุขได้มีคำสั่งให้สถานพยาบาลดำเนินการอย่างเคร่งครัด 6. ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมีโทษสูงสุด จำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ที่ศาลาว่าการกทม. นายวงวัฒน์ ลิ่วลักษณ์ ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคติดต่อ สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวว่า ในวันที่ 25-56 มิ.ย.นี้ กทม.จะเรียกประชุมกับผู้ประกอบการโรงแรม และที่พักในเขตคลองเตยและวัฒนา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ชาวต่างประเทศในกลุ่มประเทศเสี่ยงอาศัยอยู่จำนวนมาก เพื่อให้ความรู้และทำความเข้าใจถึงสถานการณ์ของไวรัสเมอร์ส เพราะโรคนี้ติดต่อทางเดินหายใจ ทางน้ำมูก ทางน้ำลาย ทำให้การแพร่ระบาดหรือความเสี่ยงจะง่ายกว่าการแพร่ระบาดของไวรัสอีโบลา ถึงแม้อาการผู้ป่วยไวรัสอีโบลาจะรุนแรงมากกว่าไวรัสเมอร์ส แต่การติดเชื้ออีโบลาจะยากกว่าเพราะต้องติดต่อทางเลือดหรือน้ำเหลือง อย่างไรก็ตามสถานการณ์ขณะนี้น่าจะควบคุมได้ แต่กทม.ก็ไม่ประมาทเพราะต้องเร่งค้นหา ผู้ป่วยให้เร็วที่สุด เพื่อที่จะแยกผู้ป่วยเอาไว้
ที่จ.ชัยภูมิ นพ.สมควร หาญพัฒนชัยกูร นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ชัยภูมิ เปิดเผยถึงกรณีเด็กหญิงชาวชัยภูมิ อายุ 4 ขวบ ที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากประเทศเกาหลีใต้ ไปตรวจหาเชื้อเมอร์ส-โควี ที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์จังหวัดนครราชสีมา ว่า จากประวัติเบื้องต้นพบว่าเดินทางไปเยี่ยมพ่อที่ทำงานในประเทศเกาหลีเป็นระยะเวลา 1 เดือน กลับเข้ามาในประเทศไทยเมื่อวันที่ 9 มิ.ย.ที่ผ่านมา และเริ่มมีอาการไข้ ไอ น้ำมูกไหลเมื่อวันที่ 19 มิ.ย. ผู้ปกครองจึงได้พาตัวไปที่ร.พ.เอกชนแห่งหนึ่งในจังหวัด เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. ผลการตรวจพบว่าเป็นไข้หวัดธรรมดา แต่เนื่องจากกระทรวงมีมาตรการตรวจหาเชื้อเมอร์สผู้ที่เดินทางมาจากประเทศเสี่ยงแล้วมีไข้ จึงได้เชิญตัวเด็กหญิงเข้ามาเก็บตัวอย่างเชื้อและส่งตรวจที่ศูนย์วิทย์ จ.นครราชสีมา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผลการตรวจเลือดเด็กหญิง เบื้องต้นผลเป็นลบ และไม่พบเชื้อดังกล่าว โดยคนไข้ยังมีอาการปกติดี แต่ยังถูกกักตัวไว้ในห้องแยกคนไข้ ตึกพร้อมพันธุ์ โรงพยาบาลชัยภูมิ เพื่อรอดูอาการ และผลจากแล็บให้แน่นอนอีกครั้งหนึ่ง
ที่จ.ปทุมธานี น.พ.สุรัตน์ สุขประเสริฐ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลปทุมธานี กล่าวว่าตามที่มีโลกโซเชี่ยลอ้างว่าพบผู้ป่วยที่ ร.พ.ปทุมธานี จากการตรวจสอบผู้ป่วยเป็นชาย อายุ 61 ปี และเพิ่งกลับมาจากตะวัน ออกกลาง เป็นไข้และโรคภูมิแพ้ประจำตัว และจากการตรวจไม่ใช่ป่วยเชื้อไวรัสเมอร์ส และคนไข้ได้กลับบ้านไปนอนพักผ่อนหมอห้ามออกจากบ้านจนกว่าจะครบ 14 วัน ซึ่งทางโรงพยาบาลปทุมธานีได้ตรวจเข้มที่บ้านพักผู้ป่วยด้วย
ที่จ.บุรีรัมย์ นายเสรี ศรีหะไตร ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ เรียกประชุมผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข รวมถึงเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกำหนดมาตรการควบคุมเฝ้าระวังป้องกันการระบาดของโรคเมอร์ส หลังสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดรายงานข้อมูลล่าสุดว่า พบผู้เข้าข่ายเฝ้าระวังโรค เมอร์สเพิ่มอีก 1 ราย เป็นชายอายุ 33 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่ อ.ลำปลายมาศ เนื่องจากเพิ่งเดินทางกลับมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง รวมแล้วจ.บุรีรัมย์ มีผู้เข้าข่ายเฝ้าระวัง 2 ราย ซึ่งยังไม่พบอาการผิดปกติในผู้ป่วยทั้งคู่
ที่จ.พะเยา น.พ.ขจร วินัยพานิช สสจ.พะเยา เปิดเผยว่า ยังไม่พบผู้ป่วยในพื้นที่จังหวัดพะเยา มีเพียงผู้ต้องสงสัย เป็นหญิงอายุ 27 ปี ในอ.ภูกามยาว มีประวัติเดินทางไปที่ประเทศเกาหลีใต้กลับมาแล้ว 3 วัน มีอาการไข้ ผลการตรวจเลือดทั่วไปปกติ เอกซเรย์ปอดปกติ ล่าสุดมีอาการไอเล็กน้อย ผลตรวจสารคัดหลั่งเป็นผลลบ ทางโรงพยาบาลจะอนุญาตให้กลับบ้านในวันที่ 24 มิ.ย.นี้