- Details
- Category: การแพทย์-สธ
- Published: Monday, 22 June 2015 22:12
- Hits: 4788
ก.สาธารณสุข เตรียมประสานโรงพยาบาลเอกชน คัดกรองผู้ป่วยป้องกันเมอร์สตามกฏหมายโรคติดต่อ
นพ.วชิระ เพ็งจันทร์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในวันนี้ได้มีการประชุมโรงพยาบาลเอกชน และคลินิกเอกชน เพื่อขอความร่วมมือในการคัดกรองผู้ป่วย และปรับระบบการดูแลผู้ป่วยในสถานพยาบาลให้มีการป้องกันควบคุมการติดเชื้อไวรัสเมอร์ส ตามแนวทางของกระทรวงสาธารณสุข และปฏิบัติตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2523 อย่างเคร่งครัด หากพบผู้สงสัยป่วย หรือจำเป็นต้องส่งต่อผู้ป่วย ขอให้แจ้งกระทรวงสาธารณสุขทันที ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 ตลอด 24 ชั่วโมง ห้ามผู้ป่วยที่สงสัยนั่งรถสาธารณะมาเอง
"ประเทศไทยยังมีความเสี่ยงในการพบผู้ป่วยโรคเมอร์ส จึงจำเป็นต้องเข้มมาตรการควบคุมป้องกันโรค เพราะมีผู้เดินทางเข้าประเทศที่มาจากพื้นที่เสี่ยงทั้งจากตะวันออกกลาง และเกาหลีใต้ ที่เข้ามาเพื่อท่องเที่ยว และรักษาพยาบาล กระทรวงสาธารณสุข เตรียมประสานโรงพยาบาลเอกชน รวมทั้งผู้ประกอบการที่ประสานการรับผู้ป่วยเข้ามารักษาที่โรงพยาบาลในไทย หากมาจากพื้นที่เสี่ยง ขอให้ร่วมมือคัดกรองผู้ป่วยก่อนเดินทางเข้าประเทศไทย ให้แน่ใจว่าไม่มีการติดเชื้อเมอร์ส ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้มีผู้ติดเชื้อเข้ามาในประเทศไทย"นพ.วชิระ กล่าว
สำหรับ อาการผู้ป่วยยืนยันโรคเมอร์ส 1 รายที่รักษาตัวในห้องแยกโรคสถาบันบำราศนราดูรนั้น วันนี้อาการโดยรวมดีขึ้น รับประทานอาหารได้ ไม่มีไข้ ส่วนผู้สัมผัสผู้ป่วยที่เป็นญาติ 3 คน อาการปกติ และผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการไม่ยืนยันการติดเชื้อ และทุกคนได้รับการดูแลในห้องแยก ควบคุมการติดเชื้อตามมาตรฐาน
ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข รายงานข่าวโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง หรือ เมอร์ส (Middle East Respiratory Syndrome: MERS)ว่าสถานการณ์วันที่ 21 มิ.ย.58 พบผู้ป่วยยืนยันในประเทศ 1 รายและพบผู้สัมผัสโรค 163 คน
ส่วนสถานการณ์ทั่วโลก ณ วันที่ 19 มิ.ย.58 พบผู้ป่วย 1,338 ราย เสียชีวิต 475 ราย เฉพาะประเทศเกาหลีใต้ พบผู้ป่วย 169 ราย เสียชีวิต 25 ราย กระทรวงสาธารณสุขมีระบบการแยกกักผู้ป่วย และแยกดูแลผู้สัมผัสโรคอย่างเข้มงวด ขณะนี้ไม่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น ในประเทศไทยมีมาตรการดูแลผู้เดินทางจากประเทศกลุ่มเสี่ยงอย่างละเอียด ตามมาตรฐานองค์การอนามัยโลก หากมีข้อสงสัย โทรสายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 ตลอด 24 ชั่วโมง
สำหรับผู้เดินทางกลับจากตะวันออกกลางและเกาหลีใต้ที่อยู่ในเกณฑ์สอบสวนโรค ตั้งแต่ 1 ม.ค.-21 มิ.ย.58 มีผู้เดินทางเข้ามาประเทศไทยรวม 53 ราย ในจำนวนนี้กลับจากเกาหลีใต้ 32 ราย จากตะวันออกกลาง 21 ราย ทุกรายผลการตรวจเป็นลบ เฉพาะวันที่ 21 มิ.ย.58 กลับจากเกาหลีใต้ 5 ราย จากตะวันออกกลาง 4 ราย
ส่วนด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ได้ตรวจคัดกรองผู้เดินทางเข้าประเทศด้วยเครื่องวัดอุณหภูมิร่างกายแบบอัตโนมัติ ในวันที่ 21 มิ.ย.58 จำนวน 29,339 คน ไม่พบผู้มีไข้ พร้อมทั้งได้ขอความร่วมมือสายการบิน 37 เที่ยวบินที่บินตรงจากพื้นที่เสี่ยงประกาศเตือนมาตรการคัดกรองที่สนามบิน/แจกคำแนะนำ(health beware card)แก่ผู้โดยสาร
รวมทั้งแนะนำเข้มงวดการทำความสะอาดเครื่องบิน ประสานตรวจการเข้าเมือง ส่งผู้เดินทางจากพื้นที่เสี่ยงให้ด่านควบคุมโรคฯตรวจวัดไข้ทุกรายก่อนอนุญาตให้เข้าเมือง รวมทั้งติดตั้งเครื่องวัดอุณหภูมิอัตโนมัติ(Thermoscan)4 จุด / ติดตั้งแอลกอฮอล์เจลกว่า 200 จุด ทั่วสนามบินแจกหน้ากากอนามัยให้ที่จุดประชาสัมพันธ์
ข้อแนะนำประจำวันในการป้องกันตนเองจากโรคติดต่อทางเดินหายใจ รวมทั้งโรคเมอร์ส 1. หลีกเลี่ยงการคลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ป่วยระบบทางเดินหายใจหรือผู้ที่มีอาการไอหรือจาม 2. ปฏิบัติตามสุขอนามัย กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือบ่อยๆด้วยน้ำสบู่ 3. ถ้ามีอาการไข้ ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสคลุกคลีกับบุคคลอื่น เมื่อไอหรือจามควรใช้กระดาษชำระปิดปากและจมูกทุกครั้ง และทิ้งกระดาษชำระที่ใช้แล้วลงในถังขยะที่ปิดมิดชิดและล้างมือให้สะอาด สวมหน้ากากอนามัย และรีบไปพบแพทย์หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ พร้อมแจ้งความเสี่ยงที่อาจสัมผัสโรค เช่น เดินทางมาจากประเทศที่มีการระบาดของโรค หรือสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่สงสัยโรคเมอร์ส
และ 4.ประชาชนที่ไม่ได้สัมผัสพื้นที่เสี่ยง หากมีไข้ ไอ ไม่ต้องกังวล ไปพบแพทย์เพื่อรักษาหรือโทรปรึกษา สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 ตลอด 24 ชั่วโมงหรือติดตามทางเฟสบุ๊ค"ไทยสู้เมอร์ส"
ก.สาธารณสุข ติดตามความพร้อมการรับมือโรคเมอร์สที่สุวรรณภูมิ ขณะที่ชายโอมานติดเชื้อเมอร์สอาการดีขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ ศาสตราจารย์ นายแพทย์รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์สุรเชษฐ์ สถิตนิรามัย รักษาราชการแทนปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค และคณะ ติดตามความพร้อมมาตรการรับมือโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลางหรือเมอร์ส พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ และให้สัมภาษณ์ว่า กระทรวงสาธารณสุขมีแนวทางในการควบคุมป้องกันโรคระบาดไม่ให้แพร่กระจาย เป็นไปตามมาตรฐานที่องค์การอนามัยโลกได้วางไว้ เนื่องจากมีประชาชนจำนวนมากเดินทางไปมา การผ่านเข้าออก ต้องร่วมมือกันเพื่อไม่ให้เกิดการแพร่กระจายของโรค ได้ร่วมมือกับสายการบิน การท่าอากาศยาน หน่วยแพทย์ท่าอากาศยาน ตรวจคนเข้าเมือง และร้านค้าภายในท่าอากาศยาน
ศาสตราจารย์ นายแพทย์รัชตะกล่าวว่า ขณะนี้มีเที่ยวบินจากตะวันออกกลาง เกาหลีใต้ เข้ามาประเทศไทย ประมาณ 37 สายการบิน ได้ประสานให้มีการดำเนินงานดังนี้ บนเครื่องจะมีประกาศวิธีการปฏิบัติตัว หากไม่สบาย มีไข้ ไอ ต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบทันที มีแผ่นพับคำแนะนำภาษาไทย เกาหลี อังกฤษ และอาหรับ เพื่อให้ผู้เดินทางทราบวิธีการปฏิบัติตัว กำหนดหลุมจอดเครื่องบิน พร้อมติดตั้งเครื่องวัดอุณหภูมิอัตโนมัติที่หน้าหลุมจอด ที่มาจากพื้นที่ระบาดและทางเข้าด่านตรวจคนเข้าเมือง เพื่อสะดวกในการคัดกรองผู้โดยสาร ถ้าพบการมีไข้ก็จะแยกตัวไว้และรับมาดูแลรักษา รวมถึงผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดด้วยเพื่อสังเกตอาการ ส่วนผู้ที่ยังไม่มีอาการของโรคเพราะระยะฟักตัวของโรคนี้คือ 14 วัน ก็จะมีการแจ้งให้ทราบถึงวิธีการปฏิบัติตัวตามแผ่นพับที่แจกไป
ทั้งนี้ ด่านตรวจคนเข้าเมือง ได้กำหนดช่องพิเศษสำหรับผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง ลงทะเบียน มีประวัติที่อยู่ที่จะไปพัก เบอร์โทรศัพท์ติดต่อ รถที่ใช้เดินทางจากสนามบินไปที่พัก หากเจ็บป่วยสามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ นอกจากนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้ประสานกับทางโรงแรม ถ้าผู้พักที่มาจากพื้นที่เสี่ยง มีไข้ ไอ ต้องการไปรักษาให้ติดต่อทางกระทรวงสาธารณสุขทันที จะมีทีมเข้าไปดูแล และนำส่งโรงพยาบาลด้วยรถพยาบาล ขอความร่วมมือผู้เกี่ยวข้อง ทั้งสายการบิน การท่าอากาศยาน ตรวจคนเข้าเมือง รถแท็กซี่สนามบินโรงแรม และตัวผู้เดินทางปฏิบัติตามแนวทางที่กำหนดไว้ จะช่วยให้การควบคุมโรคของประเทศไทยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย
