- Details
- Category: การแพทย์-สธ
- Published: Monday, 09 August 2021 21:05
- Hits: 249
อนุทิน แจงเตรียมออก พ.ร.ก.จำกัดความรับผิดฯ สร้างความมั่นใจผู้ปฏิบัติงานโควิดไม่ถูกฟ้องร้อง
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขแจงเตรียมออก พ.ร.ก.จำกัดความรับผิดบุคลากรสาธารณสุขในการรักษาผู้ป่วยโควิด 19 เพื่อสร้างความมั่นใจแก่บุคลากรทางการแพทย์และผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการโควิด 19
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขแจงเตรียมออก พ.ร.ก.จำกัดความรับผิดบุคลากรสาธารณสุขในการรักษาผู้ป่วยโควิด 19 เพื่อสร้างความมั่นใจแก่บุคลากรทางการแพทย์และผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการโควิด 19 ภายใต้สถานการณ์แพร่ระบาดและมีทรัพยากรจำกัด ให้ได้รับการดูแล ปฏิบัติงานได้เต็มที่ ไม่ต้องกังวลถูกฟ้องร้อง
วันนี้ (9 สิงหาคม 2564) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการวิพากษ์วิจารณ์การเตรียมออก พ.ร.ก.จำกัดความรับผิดสำหรับบุคลากรสาธารณสุขในการรักษาผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เป็นการนิรโทษกรรมแบบเหมาเข่งให้คณะบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการจัดหาและบริหารวัคซีนโควิด 19 ว่า ปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 มีความรุนแรงและแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วทั่วประเทศและทั่วโลก มีผู้ติดเชื้อจำนวนมากขึ้น ส่งผลต่อการให้บริการด้านการแพทย์และสาธารณสุขของประเทศ ในการดูแลผู้ป่วยภายใต้ทรัพยากรที่มีอย่างจำกัด ทั้งคน งบประมาณ ยาและเวชภัณฑ์ รวมถึงการบริหารจัดการ การจัดซื้อจัดหายา เวชภัณฑ์ อุปกรณ์ทางการแพทย์ เครื่องมือแพทย์และวัคซีนเพื่อสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ซึ่งสภาพความเป็นจริงมีข้อจำกัดและเงื่อนไขต่างๆ ส่งผลให้ไม่เป็นไปตามที่วางแผนไว้ เนื่องจากปัจจัยในการผลิตวัคซีนและเงื่อนไขในขณะการเจรจาในขณะนั้น
นายอนุทินกล่าวต่อว่า กฎหมายดังกล่าวมีเจตนารมณ์ที่จะให้ผู้รับผิดชอบเรื่องการบริหารจัดการ การจัดบริการทางแพทย์ และผู้ที่เกี่ยวข้องกับงานโควิด 19 ทั้งหมด ได้ปฏิบัติงานอย่างเต็มที่ในภาวะวิกฤตด้านสาธารณสุขของประเทศ โดยไม่ต้องกังวลกับความรับผิดต่างๆ ที่เกิดขึ้นโดยเจตนาดีของผู้ปฏิบัติงาน หากเป็นการกระทำโดยสุจริต ไม่ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง หรือการเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม บุคลากรดังกล่าวก็ไม่ต้องรับผิด รวมถึงหากผู้ที่ได้รับมอบหมายในการเจรจาหรือจัดหาวัคซีน มีเจตนาสุจริต การตัดสินใจดำเนินการเป็นไปตามหลักวิชาการที่สนับสนุนในขณะนั้น กฎหมายนี้จึงเห็นควรให้ความคุ้มครองบุคคลหรือคณะบุคคลเหล่านั้นด้วย ซึ่งเป็นขวัญกำลังใจให้ผู้ปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับโรคโควิด 19 ทั้งนี้ ร่างกฎหมายดังกล่าวอยู่ในขั้นตอนที่เตรียมรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องต่างๆ ยังไม่ได้มีการเสนอต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแต่อย่างใด
“ร่างกฎหมายนี้เป็นการให้ความมั่นใจกับผู้ปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับโรคโควิด 19 ให้คลายความกังวล เช่นการวินิจฉัยโรคและรักษาพยาบาล ก็ต้องทำความมั่นใจว่าเขาจะได้รับความเป็นธรรม โดยเฉพาะเรื่องของการฟ้องร้อง หากทำโดยเจตนาสุจริต ศาลก็ไม่เคยลงโทษ เราไม่ต้องการให้บรรดาแพทย์ พยาบาล มีความวิตกกังวลหากถูกฟ้องร้อง แม้จะมั่นใจว่าชนะก็ยังมีความวิตกกังวลระดับหนึ่ง เราต้องการให้แพทย์ พยาบาล มีขวัญกำลังใจเต็มที่จะได้ทุ่มเทในการรักษาพยาบาล วัคซีนก็ต้องจัดหาเข็มสาม เพื่อความปลอดภัยในการไปรักษาคนไข้ มีความกังวลให้น้อยที่สุด สุดท้ายประชาชน คนไข้ก็ได้ประโยชน์” นายอนุทินกล่าว
สธ.เผยทุกวิชาชีพเห็นพ้องมี ร่าง กม.คุ้มครองคนทำงานโควิดในสถานการณ์ฉุกเฉิน พร้อมรับฟังทุกความเห็น
กระทรวงสาธารณสุขเผยทุกวิชาชีพเห็นพ้องจัดทำร่างกฎหมายคุ้มครองคนทำงานโควิด ภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉินที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และมีข้อจำกัดด้านทรัพยากร พร้อมรับฟังทุกความคิดเห็นเพื่อปรับปรุงให้เหมาะสม
กระทรวงสาธารณสุขเผยทุกวิชาชีพเห็นพ้องจัดทำร่างกฎหมายคุ้มครองคนทำงานโควิด ภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉินที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และมีข้อจำกัดด้านทรัพยากร พร้อมรับฟังทุกความคิดเห็นเพื่อปรับปรุงให้เหมาะสม เผยร่างกฎหมายครอบคลุมทั้งผู้ประกอบวิชาชีพ อาสาสมัคร บุคคลหรือคณะบุคคลในการจัดการวัสดุอุปกรณ์การแพทย์และวัคซีน ที่ดำเนินการโดยสุจริต ไม่มีการตัดสิทธิเยียวยาประชาชน
วันนี้ (9 สิงหาคม 2564) ที่ศูนย์แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และ พลอากาศตรี นายแพทย์อิทธพร คณะเจริญ เลขาธิการแพทยสภา แถลงข่าวกรณีร่าง พ.ร.ก.จำกัดความรับผิดสำหรับบุคลากรสาธารณสุขในการรักษาพยาบาลผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. ...
นายแพทย์ธเรศกล่าวว่า โรคโควิด 19 เป็นโรคติดต่ออันตราย มีการประกาศเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินถือเป็นภัยพิบัติต่อสาธารณะ ทำให้เกิดความเสียหายและการเจ็บป่วยจำนวนมาก จึงมีการระดมสรรพกำลังทั้งภาครัฐ เอกชน ประชาชน และประชาสังคมมาร่วมมือดูแลให้พ้นภัยพิบัติ อย่างไรก็ตาม โรคโควิด 19 เป็นโรคใหม่มีองค์ความรู้ใหม่เกิดขึ้นตลอดเวลา ทั้งการรักษา ไวรัสเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ แต่ทรัพยากรต่างๆ ไม่เพียงพอ ข้อจำกัดต่างๆ ทำให้ไม่สามารถดูแลได้ทั่วถึงทั้งหมด จึงจำเป็นต้องสร้างภูมิคุ้มกันให้บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข โดยเฉพาะการป้องกันการถูกฟ้องร้อง จะทำให้มีขวัญกำลังใจในการทำงาน ซึ่งองค์กรวิชาชีพสภาวิชาชีพต่างๆ และสมาคมโรงพยาบาลเอกชน ก็เสนอให้มีกฎหมายนี้ เบื้องต้นกระทรวงสาธารณสุขตั้งคณะทำงานยกร่าง โดยมอบหมายกรมสนับสนุนบริการสุขภาพเป็นหน่วยงานหลัก มีผู้แทนทั้งวิชาชีพและกฎหมายเข้าร่วม เพื่อให้มีกลไกคุ้มครองให้คนทำงานได้อย่างเต็มความสามารถ
นายแพทย์ธเรศกล่าวต่อว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวครอบคลุมบุคลากรสาธารณสุข ผู้ประกอบวิชาชีพผู้ประกอบโรคศิลปะแขนงต่างๆ อาสาสมัครสาธารณสุข อาสาสมัครต่างๆ ที่มาช่วยเหลือ บุคคลหรือคณะบุคคลที่มีส่วนในการช่วยจัดหาวัสดุอุปกรณ์ทางการแทพย์ ยา และวัคซีน เนื่องจากกระบวนการรักษาต้องคำนึงตั้งแต่ต้นทาง คือ การจัดหาเครื่องมือ การเตรียมสถานที่ บุคลากร ยา และเวชภัณฑ์ เป็นต้น ส่วนสถานที่คุ้มครอง
คือ สถานพยาบาลทั้งรัฐและเอกชน และการปฏิบัติงานนอกสถานที่ที่กำหนด เช่น โรงพยาบาลสนาม รถฉุกเฉินที่ออกไปรับผู้ป่วย การดูแลผู้ป่วยในพื้นที่เฉพาะ เป็นต้น เป็นการดูแลรักษาเพื่อประโยชน์สาธารณะ ภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉิน อย่างไรก็ตาม การดูแลคุ้มครองไม่ใช่ทุกกรณี โดยจะอยู่ภายใต้กรอบการกระทำโดยสุจริตไม่ประมาทเลินเล่อร้ายแรง สำหรับประชาชนที่เกิดความเสียหายไม่มีการตัดสิทธิรับการเยียวยาตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
“ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำร่างกฎหมาย พร้อมรับฟังความคิดเห็นเพื่อปรับปรุงให้เหมาะสมที่สุด มีเจตนารมณ์เพื่อให้ประชาชนได้รับการดูแลอย่างเต็มที่ที่สุด โดยยืนยันว่า บุคลากรทั้งรัฐ เอกชน ประชาสังคม และอาสาสมัคร ยึดมั่นดูแลประชาชนอย่างเต็มที่ ซึ่งหากมีกฎหมายฉบับนี้ก็จะมีขวัญกำลังใจ มีประโยชน์ทั้งประชาชน ผู้เจ็บป่วย และผู้ประกอบวิชาชีพด้านต่างๆ” นายแพทย์ธเรศกล่าว
ด้านพลอากาศตรี นายแพทย์อิทธพร คณะเจริญ เลขาธิการแพทยสภา กล่าวว่า สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด 19 เหมือนการเข้าสู่ภาวะสงคราม แต่ละวิชาชีพปฏิบัติงานอย่างเต็มที่ภายใต้ทรัพยากรที่จำกัด และมีภาระงานมากกว่าปกติ การมีกฎหมายคุ้มครองผู้ปฏิบัติงานให้ปลอดภัยและทำงานได้อย่างเต็มที่ในการดูแลชีวิตประชาชนได้มากที่สุด ก็ทำให้กาทำงานสะดวกขึ้นไม่ติดขัด ถือเป็นขวัญกำลังใจผู้ปฏิบัติงาน ซึ่งทุกวิชาชีพเห็นด้วย โดยยืนยันว่าแม้ร่างกฎหมายบอกว่าไม่ต้องรับผิด แต่บุคลากรทุกคนรับผิดชอบทุกชีวิต มาตรฐานการรักษาไม่ลดลง
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ