- Details
- Category: การแพทย์-สธ
- Published: Saturday, 24 July 2021 21:35
- Hits: 2913
สธ.จัดหาวัคซีน 100 ล้านโดส ฉีดให้ประชาชนภายในปี 2564
กระทรวงสาธารณสุข จัดหาวัคซีนโควิด 19 ฉีดให้ประชาชน 100 ล้านโดสในปี 2564 ทั้งซิโนแวค แอสตร้าเซนเนก้าและไฟเซอร์ แจงวัคซีนไฟเซอร์ที่สหรัฐฯ บริจาคจะมาถึงปลาย ก.ค.นี้ เริ่มฉีดกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าเป็นบูสเตอร์โดสก่อนในช่วง ส.ค. อยู่ระหว่างสอบถามจำนวนในแต่ละจังหวัด และจะตรวจสอบให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย ขอทุกคนอยู่กับบ้าน งดการเดินทาง 14 วัน ลดการแพร่เชื้อจากครอบครัวหนึ่งไปอีกครอบครัวหนึ่ง
ที่ศูนย์แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค และนายแพทย์จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค แถลงข่าวการจัดหาวัคซีนโควิด 19 และมาตรการล็อคดาวน์เพื่อควบคุมโรคโควิด 19 โดยนายแพทย์โอภาสกล่าวว่า วันนี้กรมควบคุมโรคและบริษัทไฟเซอร์ จำกัด ได้ลงนามสัญญาจัดหาวัคซีน mRNA จำนวน 20 ล้านโดส หลังจาก ครม.อนุมัติให้ลงนาม จะส่งมอบตามแผนภายในไตรมาส 4 ปี 2564 ส่วนวัคซีนไฟเซอร์ที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกาบริจาคให้ประเทศไทย 1.5 ล้านโดสจะมาปลายเดือนกรกฎาคมนี้ คาดว่าจะเริ่มฉีดได้ช่วงเดือนสิงหาคมนี้ ซึ่ง ศบค.เห็นชอบกำหนดกลุ่มเป้าหมาย คือ 1.บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้าที่ดูแลผู้ป่วยโควิดที่ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว เพื่อกระตุ้นเป็นเข็ม 3 หรือบูสเตอร์โดส 2.กลุ่มผู้สูงอายุหรือกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่ระบาด และ 3.ชาวต่างชาติที่เป็นกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่ระบาด
“กระทรวงสาธารณสุขให้แต่ละจังหวัดแจ้งยอดกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้าในการรับวัคซีนเข็มกระตุ้น ซึ่งเป็นกลุ่มแรกที่จะดำเนินการฉีดก่อน ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการสอบถามข้อมูล ดังนั้น ข่าวที่ว่ามีโรงพยาบาลหลายแห่งส่งข้อมูลไม่ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดและคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร จะมีการสอบทานเพื่อให้ได้จำนวนที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายและแจ้งมายังส่วนกลางต่อไป”นายแพทย์โอภาสกล่าว
นายแพทย์โอภาสกล่าวต่อว่า การจัดหาวัคซีนโควิด 19 มีการลงนามจองซื้อและจะส่งมอบตามสัญญาจำนวน 100 ล้านโดสในปี 2564 ได้แก่ แอสตร้าเซนเนก้า 61 ล้านโดส ซิโนแวค 19 ล้านโดส และไฟเซอร์ 20 ล้านโดสแต่ความต้องการฉีดวัคซีนของประชาชนมีจำนวนมาก กระทรวงสาธารณสุขจะจัดหาเพิ่มเติมและแจ้งความคืบหน้าต่อไป สำหรับการลงนาม 3 ฝ่ายระหว่างกรมควบคุมโรค แอสตร้าเซนเนก้า และสถาบันวัคซีนแห่งชาติ เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2563 มีข้อตกลงว่าจะไม่เปิดเผยความลับในสัญญา ถ้าจะเปิดเผยต้องได้รับความยินยอม 3 ฝ่าย มิเช่นนั้นถือว่าทำผิดสัญญาและอาจถูกยกเลิกไม่มีการส่งวัคซีนให้ประเทศไทยได้ ทั้งนี้ ในสัญญาไม่ได้มีประเด็นอะไรซับซ้อน แต่ภาคเอกชนคำนึงถึงความลับทางการค้าที่อาจมีผลกับการทำสัญญากับอีกหลายประเทศ
“การทำสัญญากับแอสตร้าเซนเนก้าเป็นช่วงที่ยังไม่มีการผลิต จึงไม่สามารถกำหนดจำนวนที่ผลิตและจัดส่งให้ได้ ต้องเจรจากันล่วงหน้าในแต่ละเดือน สำหรับข่าวที่บอกว่าเราต้องการ 3 ล้านโดสต่อเดือนนั้น ไม่เป็นความจริงความต้องการแต่ละเดือนอยู่ที่ 10 ล้านโดส จากการเจรจาล่าสุดทางบริษัทจะส่งให้เราได้อย่างน้อยประมาณ 5-6 ล้านโดสต่อเดือน ทั้งนี้ ขึ้นกับกำลังการผลิต หากผลิตได้เพิ่มขึ้นก็จะส่งมอบให้ได้มากขึ้น”นายแพทย์โอภาสกล่าว
นายแพทย์โอภาสกล่าวว่า สำหรับผลการศึกษาประสิทธิผลการใช้วัคซีน'ซิโนแวค' ในสถานการณ์จริงของประเทศไทย โดยติดตามกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูงและบุคลากรทางการแพทย์ พบว่า จ.ภูเก็ตป้องกันการติดเชื้อ 90% จ.สมุทรสาคร ป้องกันการติดเชื้อประมาณ 90% แต่เป็นช่วงของสายพันธุ์อัลฟา ส่วนเดือนมิถุนายน 2564 มีการระบาดในบุคลากรทางการแพทย์ จ.เชียงราย ผลการศึกษาพบว่าประสิทธิผลอยู่ที่ 82.8% แม้จะลดลงแต่อยู่ในระดับที่น่าพอใจ ส่วนการติดเชื้อในบุคลากรทางการแพทย์ทั้งประเทศรวบรวมโดยกรมควบคุมโรค ช่วงเดือนพฤษภาคมพบว่าป้องกันการติดเชื้อ 70.9% ข้อสังเกตคือประสิทธิผลป้องกันการติดเชื้อเริ่มลดลง เนื่องจากเชื้อกลายพันธุ์ จึงต้องหาวิธีเพิ่มประสิทธิผลป้องกันการติดเชื้อให้ดีขึ้น เป็นที่มาของการปรับสูตรการฉีดวัคซีนเป็นเข็ม 1 ซิโนแวค เว้น 3-4 สัปดาห์ฉีดเข็มสองเป็นแอสตร้าเซนเนก้า ประสิทธิผลการป้องกันโรคสูงขึ้นหลายเท่าเมื่อเทียบกับการฉีดซิโนแวค 2 เข็ม รวมถึงฉีดวัคซีนได้ครอบคลุมรวดเร็วยิ่งขึ้น เนื่องจากใช้เวลา 4 สัปดาห์ จากเดิมฉีดแอสตร้าเซนเนก้า 2 เข็มต้องเว้นช่วง 12 สัปดาห์ ทำให้รองรับสถานการณ์การระบาดได้ดียิ่งขึ้น
นายแพทย์โอภาสกล่าวว่า มาตรการล็อคดาวน์ในขณะนี้ การจะควบคุมสถานการณ์การระบาดต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจจากประชาชน อยู่บ้านให้มากที่สุด Work From Home หากมีผู้สูงอายุที่บ้านให้รีบพาไปรับวัคซีน ส่วนการปิดร้านอาหารภายในห้างสรรพสินค้า 14 วันนั้น จะมีการประเมินตามสถานการณ์ หากแนวโน้มดีขึ้นก็อาจผ่อนคลายให้กลับมาเปิดได้ อย่างไรก็ตาม ร้านอาหารนอกห้างสรรพสินค้ายังเปิดได้ถึง 20.00 น. โดยให้ซื้อกลับบ้าน
ด้านนายแพทย์จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กล่าวว่า วันนี้เป็นอีกวันในรอบ 4 วันที่มียอดผู้ป่วยรายใหม่เกิน 1 หมื่นราย เสียชีวิต 80 ราย สถานการณ์ช่วงนี้ติดเชื้อรุนแรง ทั้ง กทม. ปริมณฑล และต่างจังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อเดินทางกลับไปรักษาในภูมิลำเนา เกิดการระบาดต่อเนื่องในหลายจังหวัด ในครอบครัวและชุมชน เพราะไม่ได้กักตัวเองจนครบ 14 วัน ขณะที่เชื้อสายพันธุ์เดลตาแพร่รวดเร็ว หากติดในผู้สูงอายุและผู้ป่วยโรคเรื้อรังมีโอกาสอาการรุนแรงได้ สิ่งที่จะช่วยป้องกันอาการรุนแรงของโรค คือ วัคซีน ซึ่งวันที่ 19 ก.ค. 2564ฉีดเพิ่มขึ้น 2.5 แสนโดส โดยช่วงนี้จะเน้นการฉีดในผู้สูงอายุ กลุ่ม 7 โรคเรื้อรัง และหญิงตั้งครรภ์ ซึ่ง กทม.ฉีดสะสมกลุ่มผู้สูงอายุเกือบ 60% แล้ว ขอให้ช่วยกันในการฉีดวัคซีนผู้สูงอายุอีก 40% ให้ครบใน 2 สัปดาห์นี้
สำหรับมาตรการล็อกดาวน์ตามมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 28) ยังไม่ใช่ล็อกดาวน์ 100% แต่มาตรการที่ออกมาต้องการให้งดการเดินทาง อยู่กับบ้าน ลดการแพร่เชื้อจากครอบครัวหนึ่งไปอีกครอบครัวหนึ่ง เพราะการทำกิจกรรมทั้งในที่ทำงาน ภายนอกบ้านและขนส่งสาธารณะ ทำให้แพร่เชื้อต่อเนื่องได้ รวมถึงคนที่ฉีดวัคซีนแล้ว เนื่องจากวัคซีนทุกตัวแม้จะฉีดครบแล้วก็มีโอกาสติดเชื้อและแพร่เชื้อได้ต้องช่วยกันอยู่บ้านด้วย ทั้งนี้ มาตรการด้านสาธารณสุขช่วง 14 วันนี้ ขอให้เริ่มวันนี้เป็นวันแรกอย่างจริงจัง คือ 1.ขอให้ทุกคนงดออกจากบ้าน 2.ป้องกันการติดเชื้อคนในบ้าน โดยสวมหน้ากาก แยกกันรับประทานอาหาร แยกที่นอนทำความสะอาดบริเวณที่จับร่วมกันบ่อยๆ เช่น ลูกบิด ราวบันได โต๊ะอาหาร พัดลม รีโมท งดกิจกรรมหรือการสัมผัสที่ใกล้ชิดกันมากๆ
3.ตรวจความเสี่ยงของทุกคนในบ้าน ถ้าเคยใกล้ชิดผู้ติดเชื้อ ไปสถานที่แออัด ที่ทำงานมีผู้ติดเชื้อหรือพบลูกค้าจำนวนมาก ให้ไปตรวจด้วยชุดตรวจ Antigen Test Kit ใกล้บ้านฟรี โดย กทม.มี 4 จุด คือ สนามกีฬาธูปะเตมีย์ กองทัพอากาศ สนามราชมังคลากีฬาสถาน (หัวหมาก) ลานจอดรถชั้น 1 อาคารบี ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ และสถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี (สบยช.) รวมถึงคลินิกชุมชนอบอุ่น 4.ถ้าผลเป็นลบไม่ได้หมายความว่าไม่ติดเชื้อ อาจติดเชื้อแต่อยู่ในช่วงฟักตัว ต้องป้องกันตนเองตลอด โดยตรวจซ้ำใน 3-5 วัน ถ้าผลติดเชื้อแต่ไม่มีอาการ ประสาน CCR Team ดูแล หรือติดต่อประสานงาน 1330 สปสช.
ถ้าเริ่มมีอาการขอคำแนะนำ CCR Team ประเมินความเสี่ยงคนในบ้าน ผู้สูงอายุ โรคเรื้อรัง อาการป่วย ประวัติการรับวัคซีน เพื่อรับอุปกรณ์วัดไข้ วัดค่าออกซิเจนในเลือด บางรายอาจเริ่มให้ฟาวิพิราเวียร์ ฟ้าทะลายโจร ผู้สูงอายุในบ้านที่ยังไม่ฉีดก็ประสานฉีดวัคซีน สำหรับวิธีตรวจสอบสัญญาณเชื้อลงปอดด้วยตนเอง เช่น เดินรอบเตียงแล้วเหนื่อย ยกขาขึ้นลงหลายครั้งหายใจเหนื่อยมาก วัดออกซิเจนน้อยกว่า 96 หรือเดินแล้วค่าลดน้อยลงกว่า 92 หากมีอาการรุนแรงรีบแจ้ง CCR Team เข้าสู่การรักษาขั้นถัดไป และ 5.พาผู้สูงอายุ โรคเรื้อรัง และหญิงตั้งครรภ์ไปฉีดวัคซีน
“ข้อยกเว้นการออกจากบ้าน คือ ซื้ออาหาร เครื่องใช้จำเป็น ยา ไปพบแพทย์ หรือไปฉีดวัคซีน รวมถึงคนทำงานด้านการแพทย์และสาธารณสุข และผู้ปฏิบัติหน้าที่สาธารณะ เช่น ทหาร ตำรวจ จิตอาสาที่มาช่วยเรื่องอาหารในกลุ่มเปราะบาง การออกจากบ้านถ้าไม่ระวังตัวอาจรับเชื้อและแพร่ต่อคนในบ้านหรือครอบครัวอื่น สิ่งที่ต้องทำเป็นประจำ คือ ออกจากบ้านต้องเว้นระยะห่าง คนซื้อของเยอะอย่าเข้าไปเบียดหรือแออัด สวมหน้ากากตลอดเวลา ล้างมือบ่อยๆ พกเจลแอลกฮออล์ และงดรับประทานอาหารร่วมกัน” นายแพทย์จักรรัฐกล่าว
นายแพทย์จักรรัฐกล่าวต่อว่า หากร่วมมือกันดำเนินการอยู่บ้าน ป้องกันคนในบ้าน และสวมหน้ากากตลอดเวลา มาตรการล็อกดาวน์จะสัมฤทธิ์ผลมากขึ้น คาดว่ายอดติดเชื้อรายใหม่จะลดลงใน 1-2 เดือน ซึ่งมาตรการจะได้ผลหรือไม่อยู่ที่ทุกคนช่วยกัน ถ้ายังออกจากบ้านแพร่เชื้อไปอีกบ้านโอกาสได้ผลก็ลดลง ส่วนจำนวนผู้ติดเชื้อต้องการให้ลดลงจนเพียงพอกับขีดความสามารถทางการแพทย์ เตียงรองรับได้ อย่าง กทม.ต้องต่ำกว่า 1 พันราย หรือถ้าต่ำกว่า 500 ราย การล็อกดาวน์ถือว่าได้ผลมาก
สธ.หารือ 6 ผู้นำเข้าวัคซีนโควิดวางแผนจัดหา 120 ล้านโดสรองรับการกลายพันธุ์ปีหน้า
กระทรวงสาธารณสุขหารือผู้นำเข้าวัคซีนโควิด 6 ราย ทั้งชนิด mRNA ไวรัลเวคเตอร์ และเชื้อตาย วางแผนจัดหาวัคซีนปี 2565 จำนวน 120 ล้านโดส รองรับการกลายพันธุ์ จะจัดหาให้ประเทศไทยทั้งจำนวนและช่วงเวลาส่งของ ส่วนวัคซีนแพลตฟอร์มอื่นจะมีการหารือเพิ่มเติม
กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค หารือร่วมกับผู้แทนนำเข้าวัคซีนโควิด 19 จำนวน 6 ราย ได้แก่ บริษัท แอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า, บริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัดผู้นำเข้าวัคซีนไฟเซอร์ บริษัท ซิลลิค ฟาร์มา จำกัด ผู้นำเข้าวัคซีนโมเดอร์นา, บริษัท แจนเซ่น-ซีแลก จำกัด ผู้นำเข้าวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน, บริษัท ไบโอจีนีเทค จำกัด ผู้นำเข้าวัคซีนซิโนฟาร์มและวัคซีนของบารัต และองค์การเภสัชกรรม (อภ.) ผู้นำเข้าวัคซีนซิโนแวค
นายแพทย์โอภาสกล่าวภายหลังการประชุมว่า กรอบการจัดหาวัคซีนโควิด 19 ในปี 2564 จำนวน 100 ล้านโดส ขณะนี้มีการเซ็นสัญญากับแอสตร้าเซนเนก้า 61 ล้านโดส วันนี้ลงนามสัญญาซื้อวัคซีนไฟเซอร์ 20 ล้านโดส และสั่งซื้อวัคซีนซิโนแวคมีแผนนำเข้าเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม อีกราว 19 ล้านโดส ถือว่านำเข้าได้แล้ว 100 ล้านโดส แต่ยังมีวัคซีนจากหน่วยงานอื่นๆ ร่วมกันนำเข้า เช่น วัคซีนซิโนฟาร์มโดยราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ หรือวัคซีนทางเลือกโมเดอร์นา ทำให้ประเทศไทยสามารถหาวัคซีนมาเพิ่มเติมในภาวะความต้องการฉีดวัคซีนของประชาชนที่มีจำนวนมาก สำหรับปี 2565 คณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติมีมติให้จัดหาเพิ่มเติมอีก 120 ล้านโดส จึงเป็นที่มาของการประชุมในวันนี้ โดยเชิญผู้แทนนำเข้าวัคซีนทั้ง 6 รายมาหารือ ซึ่งมีหลายเทคโนโลยี ทั้ง mRNA ไวรัลเวคเตอร์ และเชื้อตาย
ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้แจ้งความต้องการวัคซีน 120 ล้านโดส ในปี 2565 และเป็นวัคซีนรุ่นใหม่ที่รองรับการกลายพันธุ์ได้ ซึ่งผู้แทนวัคซีนทั้ง 6 ราย ได้รายงานความก้าวหน้าในวัคซีนที่ตัวเองรับผิดชอบ โดยเฉพาะการพัฒนาปรับปรุงวัคซีนรุ่นต่อไปให้มีประสิทธิภาพต่อเชื้อกลายพันธุ์ได้มากขึ้น และระบบการซัพพลายมีแนวโน้มเป็นอย่างไรจะจัดหาได้ในช่วงไหน จำนวนที่จะเจรจาซื้อขายได้ในปี 2565 รวมถึงทำความเข้าใจเรื่องการฉีดวัคซีนรูปแบบใหม่เช่น การกระตุ้นบูสเตอร์โดส ซึ่งแต่ละฝ่ายจะนำข้อมูลที่ได้ไปปรึกษาหารือและเจรจาเรื่องการจองวัคซีนต่อไปโดยจะรายงานความก้าวหน้าเป็นระยะ
นอกจากนี้ องค์การเภสัชกรรมยังได้นำผลการวิจัยวัคซีนโควิด 19 ชนิดเชื้อตายที่มีการปรับปรุงสายพันธุ์ผ่านการทดลองระยะที่ 1 ในมนุษย์แล้ว และกำลังจะเริ่มการทดลองระยะที่ 2 มารายงานความก้าวหน้า ซึ่งเป็นที่น่ายินดีถ้าจะพัฒนาวัคซีนที่ผลิตเองในประเทศเองได้ก็จะเป็นประโยชน์ต่อการควบคุมโรคในอนาคต ซึ่งเราหวังว่าจะสามารถต่อสู้กับเชื้อที่กลายพันธุ์ได้ โดยต้องรอการศึกษาประสิทธิภาพต่อเชื้อ กลายพันธุ์อีกครั้ง สำหรับการจัดหาวัคซีนรูปแบบอื่น เช่น โปรตีนซับยูนิต ยังไม่ได้เข้ามาหารือในวันนี้ แต่จะมีการติดต่อหารือเป็นลำดับถัดไป และย้ำว่าการถ่ายทอดเทคโนโลยียังเป็นส่วนหนึ่งของแผนงานหลักของไทยในปี 2565 ซึ่งมีสถาบันวัคซีนแห่งชาติดำเนินการ
ณรงค์ โชควัฒนา
นโยบายการคลังยังเป็นแรงขับเคลื่อนดัชนี
สถานการณ์ราคาน้ำมันที่ฟื้นตัว ส่งผลทำให้กลุ่มโอเปกพลัสปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันรวม 2 ล้านบาร์เรล/วัน โดยให้ทยอยปรับเพิ่มเฉลี่ย 400,000 บาร์เรล/วันตั้งแต่ส.ค.ไปจนถึงธ.ค.2564 รวมทั้งได้ขยายระยะเวลาของข้อตกลงการปรับลดกำลังการผลิตร่วมกันจากเดิมที่จะสิ้นสุด เม.ย. 2565 ไปเป็นสิ้นสุด ธ.ค. 2565
ในประเทศสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ระลอก3 เดือนที่ผ่านมา พบเป็นเชื้อสายพันธุ์เดลตาระบาดทั่วประเทศถึง 62.6% ตามด้วยสายพันธุ์อัลฟ่า (อังกฤษ) 34.1% และสายพันธุ์เบตา (แอฟริกาใต้) 3.3% ซึ่งสถานการณ์ในปัจจุบันยังไม่สามารถควบคุมได้ ขณะที่มาตรการ Lockdown ที่เข้มงวดขึ้น
หลังจากได้รับผลกระทบจากโรคระบาดโควิด-19 สายพันธุ์อินเดีย มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจำนวนมากเพิ่มขึ้นกว่า 1.3 หมื่นราย ทำให้นักลงทุนกลับมากังวลเรื่องเศรษฐกิจโลกจะได้รับผลกระทบ และเป็นอุปสรรคต่อการเปิดเมือง เพื่อเดินหน้าเศรษฐกิจ ซึ่งนักวิเคราะห์หลายสำนักได้ปรับลดคาดการณ์การฟื้นตัวในปีนี้และปีหน้าลงเหลือ 1.3% และ 3.0% แต้ล่าสุด ธปท.หวั่นรุนแรงกว่าคาด ทำจีดีพีหาย 0.8-2%
ดังนั้น ทุกฝ่ายหวังมาตรการรัฐช่วยพยุง เร่งหาวัคซีนมีประสิทธิภาพฉีดให้ประชาชน แทนมาตรการที่เข้มงวด ซึ่งแก้ได้แค่ระยะสั้น เพราะที่ผ่านมานโยบายการคลังยังเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในยามที่เครื่องยนต์เศรษฐกิจอื่นๆอ่อนแรงลง มีเพียงการใช้จ่ายของภาครัฐที่ช่วยประคับประคองเศรษฐกิจไม่ให้หดตัวรุนแรง
และจากสถานการณ์เศรษฐกิจเผชิญกับความผันผวนสูง ประเทศไทยจำเป็นต้องใช้เวลาในการฟื้นตัว รวมทั้ง ความเชื่อมั่นและผลกระทบต่อรายได้ครัวเรือน โดยปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ปัจจุบันอยู่ในระดับสูงถึงร้อยละ 90.5 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ(GDP)และวิกฤตโควิด-19 ได้ทำให้ครัวเรือนจำนวนมากมีปัญหาในการชำระหนี้ ซึ่งจะเป็นปัญหามากยิ่งขึ้น
ด้านนายกฯ เปิดเวทีหารือ 40 CEOs พลัส ร่วมกับ หอการค้าไทย รับข้อเสนอ 4 เรื่องเร่งด่วน แก้ปัญหาโควิด-19(1) การควบคุมการแพร่ระบาด (2) การเยียวยาผู้ประกอบการและประชาชน (3) การกระตุ้นเศรษฐกิจ (4) การฟื้นฟูประเทศไทย เร่งรัดหน่วยงานทางการเงินรัฐเร่งออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้กลุ่มเปราะบาง ทั้งพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย ให้กระทรวงการคลังเผยคนละครึ่งเฟส 3
ด้านข่าวดี สธ.จัดหาวัคซีนโควิด 19 ฉีดให้ประชาชน 100 ล้านโดสในปี 2564 ทั้งซิโนแวค แอสตร้าเซนเนก้าและไฟเซอร์ และวัคซีนไฟเซอร์ที่สหรัฐฯบริจาคจะมาถึงปลาย ก.ค.นี้ เริ่มฉีดกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าเป็นบูสเตอร์โดสก่อนในช่วง ส.ค. อยู่ระหว่างสอบถามจำนวนในแต่ละจังหวัด และจะตรวจสอบให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย ขอทุกคนอยู่กับบ้าน
ด้านครม. อนุมัติขยายกรอบวงเงินโครงการ 'เยียวยา' นายจ้างและผู้ประกันตน ม.33 ในพื้นที่สีแดงเข้ม 10 จังหวัด เป็น 13,505 ล้านบาท พร้อมเยียวยาเพิ่มเติมอีก 3 จังหวัด แนะผู้ประกันตนเร่งผูกพร้อมเพย์ล็อตแรก พร้อมปรับโครงการ'ยิ่งใช้ยิ่งได้' เพิ่มวงเงินคำนวณสิทธิ e-Voucher เป็น 10,000 บาท/คน/วัน ขยายระยะเวลาใช้จ่ายถึง 30 พ.ย.64
ด้านแบงก์รัฐ-เอกชนประกาศพักหนี้ 2 เดือน หนุนเอสเอ็มอี-รายย่อย 13 จังหวัด รัฐบาลผลักดันให้กลุ่มอาชีพอิสระสมัครประกันสังคม ม.40 เพื่อรับเยียวยาใน 10 จังหวัดพื้นที่สีแดงเข้ม สำหรับ 9 กลุ่มอาชีพไม่ยุ่งยาก ไม่เป็นภาระ สร้างความมั่นคงระยะยาว พร้อมยังออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบทางอ้อมอย่างตรงจุด
หันมาดูดัชนีตลาดหุ้นไทยเผชิญแรงกดดัน เนื่องจากตัวเลขผู้ติดเชื้อ COVID-19 ในประเทศยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง การประกาศใช้มาตรการ Lockdown ที่เข้มข้นมากขึ้น หลังการเร่งตัวขึ้นของผู้ติดเชื้อทะลุกว่า 1.3 หมื่นราย อีกทั้ง ผู้เสียชีวิตเร่งตัวขึ้นเป็นหลักร้อยราย เป็นแรงกดดันดัชนีระยะสั้น (ค่าความผันผวนของตลาดปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 13% เทียบกับค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 18%) มีแนวโน้มแกว่งตัวในช่วง 1500-1620 จุด
สำหรับ หุ้นแข็งแกร่งทนกับภาวะผันผวน ดูงบล่าสุดมีแนวโน้มกำไรกลุ่มแบงก์ดีเกินคาด สะท้อนจากประกาศกำไร งวด 6 เดือนแรกปี 64 ธนาคารพาณิชย์ 10 แห่ง ทำกำไรรวมอยู่ที่ 97,892 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.89% จากช่วงเดียวกันปีก่อน แม้ว่าทางธปท. จะมีมาตรการเรื่องการพักดอกเบี้ย พักหนี้ ซึ่งทำให้ธนาคารสามารถจัดชั้นลูกหนี้ได้ยืดหยุ่นขึ้น
ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนเลือกลงทุนเฟ้นหาหุ้นปันผลระหว่างกาลเด่น แถมด้วยปันผลที่สูง ADVANC, KCE, SAT, AMATA, BDMS, GPSC, GULF, CRC, TIDLOR, PM, ICHI, SAPPE
สนุกสนานกับการลงทุนอีกหนึ่งเดือนครับพ้ม....
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ