WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

4993 MU วิชญ์.มหิดล ระดมสมองผลักดันนโยบายสูงวัยอย่างมีพลัง

          38 ปีที่สถาบันพัฒนาสุขภาพอาเซียนมหาวิทยาลัยมหิดลได้รับการก่อตั้งเพื่อส่งเสริมและพัฒนางานสาธารณสุขมูลฐานของประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียนโดยได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลไทยและองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (JICA) ซึ่งญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ครองแชมป์คนที่มีอายุยืนมากที่สุดในโลกนั้นได้มีการศึกษาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ถึงปัจจัยสู่การมีชีวิตที่ยืนยาวและยั่งยืนเพื่อนำมาปรับใช้กับสังคมไทยตลอดเวลาที่ผ่านมา

          ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดรนายแพทย์วิชช์ เกษมทรัพย์ รองผู้อำนวยการฝ่ายขับเคลื่อนนโยบาย สถาบันพัฒนาสุขภาพอาเซียน มหาวิทยาลัยมหิดล ในฐานะหัวหน้า โครงการวิจัยสานพลังติดตามและสนับสนุนกระบวนการนโยบายสุขภาพเพื่อรองรับสังคมสูงวัยที่มีคุณภาพ” ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ให้ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 15 เมษายน - 30 มิถุนายน 2564 กล่าวว่าจากที่สถาบันฯได้เป็นผู้วางรากฐานด้านการส่งเสริมและพัฒนางานสาธารณสุขมูลฐานของประเทศซึ่งที่ผ่านมาระบบสาธารณสุขมูลฐานของไทยได้แสดงศักยภาพในการพัฒนาการสาธารณสุขไทยหลายเรื่องผ่านการทำงานบริการสาธารณสุขในพื้นที่พร้อมด้วยอาสาสมัครประจำหมู่บ้าน (อสม.) ทั่วประเทศกว่าล้านคนที่เห็นชัดใกล้ๆนี้ก็คือการควบคุมป้องกันโรคระบาด COVID-19 ในปี..2563 ได้สำเร็จเป็นอย่างดี

          ปัจจุบันเมื่อสังคมไทยก้าวสู่สังคมผู้อายุมากกว่า 60 ปีเกือบร้อยละ 20 หรือมากกว่า 12 ล้านคนบทบาทของอสมและระบบสาธารณสุขมูลฐานก็ปรับเปลี่ยนไปมีบทบาทเพิ่มเติมเพื่อไปควบคุมโรคไม่ติดต่อเรื้อรังแก่ผู้สูงวัยรวมถึงคอยสอดส่องดูแลและส่งเสริมคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุโดยใช้ชุมชนเป็นพื้นฐาน (Community-based Care) เพื่อการดูแลในระยะยาวที่ยั่งยืนต่อไปอีกด้วย

          จากกรณีศึกษาประเทศญี่ปุ่นซึ่งมีประชากรอายุยืนมากที่สุดในโลกพบว่าสังคมญี่ปุ่นต้องพัฒนาระบบการดูแลระยะยาว (Long-Term Care) และการประกันการดูแลระยะยาว (Long-Term Care Insurance) เพื่อรองรับผู้สูงวัยที่มีเป็นจำนวนมากซึ่งเป็นระบบประกันที่ทำให้คนญี่ปุ่นได้รับการดูแลในวัยเกษียณจากภาษีรัฐบาลที่ถึงแม้ไม่สามารถนำมาใช้กับประเทศไทยได้ 100% เนื่องจากไทยและญี่ปุ่นมีโครงสร้างทางประชากรเศรษฐกิจและสังคมที่แตกต่างกันแต่เมื่อเมืองไทยกำลังดำเนินรอยตามญี่ปุ่นในการเข้าสู่สังคมสูงวัยเราก็สามารถนำระบบเหล่านี้มาปรับให้กับบริบทประเทศไทยที่ไม่ได้รายได้เฉลี่ยของประชากรสูงเท่าญี่ปุ่นโดยเรามุ่งใช้ชุมชนเป็นพื้นฐาน (Community-based Care) เพื่อให้สมาชิกชุมชนได้ดูแลซึ่งกันเพื่อก่อให้เกิดสังคมที่ไม่ทอดทิ้งกันผ่านโครงข่ายการสาธารณสุขมูลฐานที่เข้มแข็งในชุมชนซึ่งเป็นจุดเด่นของประเทศไทยที่ญี่ปุ่นไม่มี

          อย่างไรก็ตามผู้ช่วยศาสตราจารย์ดรนายแพทย์วิชช์เกษมทรัพย์อธิบายว่าผู้สูงวัยซึ่งมีอายุระหว่าง 60 - 80 ปีนั้น จำนวนมากไม่ได้ต้องการให้มีคนมาดูแลเพราะยังมีกำลังในการทำกิจวัตรประจำวันได้เป็นอย่างดีและสามารถเป็น ผู้สูงวัยที่มีพลัง” (Active Aging) ได้โดยพบว่าผู้สูงวัยเป็นวัยที่น่าจะมี สุขภาวะทางปัญญา” ดีกว่าประชากรในวัยอื่นเนื่องจากมีประสบการณ์ชีวิตที่สูงกว่าและเข้าใจความเป็นจริงในโลกมากกว่าเปรียบเหมือน “ขุมทรัพย์” (asset) ที่จะยังประโยชน์ให้กับสังคมที่ท่านเหล่านั้นอาศัยอยู่ตั้งแต่ในระดับครอบครัวชุมชนไปจนถึงระดับประเทศได้ไม่ใช่ต้องเป็นแต่ภาระของสังคมโดยเฉพาะในยุคดิจิทัลเช่นปัจจุบันและคาดว่าในอีก 20 ปีข้างหน้าจะมีประชากรกลุ่มใหญ่ที่เกิดระหว่างปีพ..2506 - 2526 ซึ่งเป็นช่วงที่มีจำนวนคนเกิดในประเทศไทยมากกว่าล้านคนต่อปีติดต่อกันกว่า 20 ปี (ปัจจุบันเกิดประมาณ 6 แสนคนต่อปีกำลังจะเปลี่ยนผ่านช่วงชีวิตไปสู่วัยสูงอายุซึ่งต่างมีความสามารถในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลอยู่ในเกณฑ์ที่ใช้ได้ไปจนถึงดีมากถ้ารัฐบาลมีการผลักดันให้มีนโยบายเพื่อสร้างระบบมาช่วยให้ผู้สูงวัยกลุ่มนี้ได้แสดงศักยภาพที่มีอยู่อย่างเต็มที่เชื่อว่าท่านเหล่านี้จะนำพาสังคมไทยไปสู่สังคมสุขภาวะและมีความเจริญก้าวหน้าไปสู่การเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วได้อย่างแน่นอน

          ดังนั้นการส่งเสริมให้ผู้สูงอายุได้มีงานทำที่เหมาะสมและทำกิจกรรมผ่านการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเช่นการมีนโยบายสนับสนุนให้มีการใช้อินเทอร์เน็ตฟรีได้ทุกที่ทุกเวลานอกจากจะช่วยทำให้ผู้สูงอายุที่มีสมรรถภาพทางกายที่อาจจะไม่เหมาะสมกับการทำงานแบกหามอย่างหนักได้แสดงศักยภาพทางปัญญาได้อย่างเต็มที่แล้วยังจะสามารถช่วยป้องกันความเสื่อมต่างๆทางร่างกายและจิตใจเช่นสมองเสื่อมหรือภาวะเหงาซึมเศร้าได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

          อย่างไรก็ดีพบว่าเมื่อถึงภาวะหนึ่งผู้สูงวัยจำนวนหนึ่งก็จะมีสภาพร่างกายที่ทรุดโทรมลงมาจนอาจจะเป็นผู้ป่วยติดเตียงที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ซึ่งเราคงยังจำเป็นต้องพัฒนาระบบการดูแลระยะยาวและสร้างระบบการประกันการดูแลระยะยาวให้แก่ผู้สูงวัยไทยให้ได้อยู่ในช่วงสุดท้ายของชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีหรือจะดีที่สุดก็คือให้มีช่วงที่ต้องพึ่งพิงผู้อื่นช้าและน้อยที่สุดจึงเป็นโจทย์ที่ โครงการวิจัยสานพลังติดตามและสนับสนุนกระบวนการนโยบายสุขภาพเพื่อรองรับสังคมสูงวัยที่มีคุณภาพ” สถาบันพัฒนาสุขภาพอาเซียน มหาวิทยาลัยมหิดลนำมาขับเคลื่อนให้เครือข่ายที่เกี่ยวข้องมาร่วมระดมสมองโดยหวังให้ผู้สูงอายุไทยได้อยู่อย่างมีสุขภาพกายและจิตที่ดีมีศักดิ์ศรีและมีคุณภาพชีวิตที่ดีต่อไปอย่างยั่งยืน

          โดยโครงการฯได้กำหนดให้มีการระดมสมองใน 4 ประเด็นคือ สูงวัยอย่างมีพลัง ยังประโยชน์ในยุคดิจิทัล” “ขยับอย่างไรให้สุขภาพดีในผู้สูงวัย” “Long-Term Care Insurance นโยบายเพื่อสังคมสูงวัย” และ จากอย่างสง่า” ซึ่งจะมีการขยายผลเพื่อผลักดันสู่นโยบายในระดับประเทศต่อไป

          คนไทยจะสามารถบรรลุเป้าหมาย Community-based Care ได้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับการเตรียมพร้อมกาย-ใจในระดับบุคคลรวมทั้งการพัฒนานโยบายในระดับชาติและท้องถิ่นที่จะสร้างวินัยและระบบในการออมให้กับวัยรุ่นหนุ่มสาวและในระยะสั้นควรมีการเตรียมระบบที่จะช่วยพัฒนาให้ผู้มีอายุย่างเข้าเลข 4 เลข 5 ทุกคนได้พร้อมที่จะทำงานร่วมกับเทคโนโลยีสมัยใหม่จะทำให้เมื่อดำเนินชีวิตไปเป็นผู้สูงวัยในอีก 10 - 20 ปีข้างหน้าแล้วจะเป็นผู้สูงวัยที่มีพลังพร้อมที่จะยังประโยชน์ให้กับสังคมไทยต่อไปได้อย่างยั่งยืน” ผู้ช่วยศาสตราจารย์ดรนายแพทย์วิชช์เกษมทรัพย์กล่าวทิ้งท้าย

 

ติดตามข่าวสารที่น่าสนใจจากมหาวิทยาลัยมหิดลได้ที่ www.mahidol.ac.th

 

A4993

COREHOON

******************************************

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

FBS728

EXNESS

SAM720x100px bgGC 790x90

SME720 x 100banpu 720x90 new1 1

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!