WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

1aaa1 M3

สปสช.จัดทีมลงชุมชนชี้แจงกรณียกเลิกสัญญาคลินิก ย้ำไปรักษาได้ทุกที่ ตอนนี้ไปรับบริการแล้วกว่า 3 พันราย

       สปสช.ย้ำผู้ได้รับผลกระทบจากการยกเลิกสัญญาหน่วยบริการเอกชนสามารถเข้ารับการรักษาในหน่วยบริการเครือข่าย สปสช.ได้ทุกแห่ง โดยขณะนี้มีผู้มารับบริการแล้วกว่า 3,000 ราย พร้อมระดมเจ้าหน้าที่ลงทำงานเชิงรุกชี้แจงข้อมูลในชุมชนทุกวัน และจัดทีมผู้บริหารลงประจำสำนักงานเขต กทม. 1 สัปดาห์ คอยรับมือให้คำแนะนำแก่ผู้ที่มาติดต่อสอบถามปัญหา

        นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้มีการยกเลิกสัญญากับ โรงพยาบาลเอกชน คลินิกชุมชนอบอุ่น จำนวน 189 แห่ง และคลินิกทันตกรรม 5 แห่ง ในพื้นที่ กทม.ที่ทำการทุจริตการเบิกเงินในรายการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคจาก สปสช. ไปจำนวนมากแล้ว สปสช.ได้กำหนดมาตรการบรรเทาผลกระทบแก่ประชาชนผู้ใช้สิทธิที่หน่วยบริการประจำถูกยกเลิกสัญญา โดยกำหนดผู้ใช้สิทธิเหล่านี้เป็นสิทธิหลักประกันสุขภาพ หมายถึงสามารถเข้ารับการรักษาเมื่อเจ็บป่วยในหน่วยบริการที่เข้าร่วมระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือเข้าร่วมกับ สปสช. ได้ทุกแห่งโดยไม่ต้องมีหน่วยบริการประจำ ไม่เสียค่าใช้จ่าย และไม่จำกัดจำนวนครั้ง ซึ่งจากข้อมูลที่ผ่านมา พบว่า มีผู้ไปรับบริการแล้ว 3,034 ราย แบ่งเป็นไปรับบริการที่ศูนย์บริการสาธารณสุข 1,888 ราย และหน่วยบริการทั่วไปอีก 1,146 ราย

        นพ.ศักดิ์ชัย กล่าวว่า จากข้อมูลนี้จะช่วยสร้างความมั่นใจแก่ประชาชนผู้ใช้สิทธิว่าการยกเลิกสัญญากับหน่วยบริการดังกล่าวจะไม่กระทบกับสิทธิในการได้รับบริการ เมื่อเจ็บป่วยขึ้นมายังสามารถไปรับการรักษาได้ตามปกติ เห็นได้จากตัวอย่างของผู้มีสถานะสิทธิหลักประกันสุขภาพที่ไปรับบริการมาแล้วกว่า 3,000 รายนั่นเอง

       นพ.ศักดิ์ชัย กล่าวอีกว่า นอกจากการจัดระบบบริการรองรับแล้ว สปสช.ยังได้เน้นการประชาสัมพันธ์เชิงรุกเพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนในแต่ละพื้นที่อย่างต่อเนื่อง โดยได้มีการเชิญผู้นำชุมชนทั่วทุกพื้นที่ กทม.มาประชุมชี้แจงทำความเข้าใจกับสถานการณ์ แนวทางการปฏิบัติทั้งในปัจจุบันและอนาคต

        ขณะเดียวกัน สปสช.ยังได้จัดทีมงานลงพื้นที่ชุมชนทุกวัน เพื่อให้ข้อมูล รับฟังปัญหาและติดต่อประสานงานในกรณีที่จำเป็น เช่น ทีมที่ลงพื้นที่ชุมชนย่านร่มเกล้า-ลาดกระบัง ได้ประสานงานให้แก่ผู้ป่วยตาต้อกระจกที่มีนัดผ่าตัดตายังหน่วยบริการรับส่งต่อ แต่หน่วยบริการประจำถูกยกเลิกสัญญาและไม่ทราบว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไป ซึ่งกรณีนี้ผู้ป่วยสามารถไปรักษาได้ตามนัดที่หน่วยบริการรับส่งต่อได้เลย

        นอกจากนี้ แล้ว สปสช.ยังได้จัดทีมผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ไปประจำยังสำนักงานเขตของ กทม. เพื่อคอยต้อนรับให้คำแนะนำแก่ประชาชนบางส่วนที่อาจยังไม่ทราบข้อมูล จึงเดินทางมาที่สำนักงานเขตเพื่อทำเรื่องขอย้ายหน่วยบริการประจำหรือติดต่อสอบถามปัญหาต่างๆ กรณีนี้ สปสช.ยืนยันว่าไม่ต้องมาทำเรื่องย้ายสถานพยาบาล ท่านสามารถเข้ารักษาได้ที่สถานพยาบาลที่เข้าร่วมกับ สปสช. ที่ยังเหลืออยู่ ตามรายชื่อที่ สปสช.ประกาศในเว็บไซต์และแจกจ่ายเอกสารให้กับประชาชนได้เลย

      "จากภาพรวมในตอนนี้ พบว่าจำนวนผู้ที่มาติดต่อที่สำนักงานเขตไม่ได้เยอะจนล้นเหมือนสัปดาห์ที่ผ่านมา รวมทั้งในชุมชนเองก็มีเจ้าหน้าที่และผู้นำชุมชนออกประชาสัมพันธ์ บางชุมชนมีการชี้แจงผ่านเสียงตามสาย รวมทั้งมีเจ้าหน้าที่จากหน่วยรับเรื่อง 50(5) และเครือข่ายแรงงานนอกระบบที่ทำงานร่วมกับ สปสช. ลงพื้นที่ทำความเข้าใจอีกทางหนึ่งด้วย ทำให้ประชาชนรับทราบข้อมูลมากขึ้น" นพ.ศักดิ์ชัย กล่าว

      ด้าน นายสมศักดิ์ สรณวรรณ์ ประธานอาสาสมัครสาธารณสุข ศูนย์บริการสาธารณสุข 29 ช่วง นุชเนตร เขตจอมทอง กล่าวว่า ตนได้ประชุมรับฟังการชี้แจงจาก สปสช. ซึ่งทาง สปสช.ได้อธิบายว่าทำไมต้องยกเลิกสัญญากับโรงพยาบาลเอกชน-คลินิกชุมชนอบอุ่น เกิดการทุจริตในขั้นตอนไหน ตรวจสอบเจอหน่วยบริการไหนบ้าง และชี้แจงว่าสิทธิการรักษายังคงอยู่เหมือนเดิม มีมาตรการรองรับให้ผู้ใช้สิทธิที่ได้รับผลกระทบไปใช้บริการหน่วยบริการไหนก็ได้ และให้รออีกสักระยะจะเปิดให้ลงทะเบียนเลือกสถานพยาบาลหรือหน่วยบริการประจำใหม่

    "ความเสียหายกับรัฐเกิดขึ้นชัดเจน ถือว่า สปสช.รักษาสิทธิให้ประชาชนไม่ให้ถูกแอบอ้างใช้สิทธิโดยไม่รู้ตัว เมื่อวานมี อสส.ท่านหนึ่งพูดในห้องประชุมว่า ขอบคุณ สปสช.ที่ไม่พายเรือให้โจรนั่ง อีกทั้ง สปสช.ยังมีความตื่นตัวต่อความเดือดร้อนของประชาชน ทำงานไว ตอนนี้มีเจ้าหน้าที่และคนจากหน่วยรับเรื่องร้องเรียน 50(5) ลงพื้นที่จำนวนมาก ซึ่งในส่วนของเขตจอมทองเองมีผู้ได้รับผลกระทบประมาณ 42,000 ราย ผมได้รับเอกสารชี้แจงจาก สปสช.มาจำนวนมากและได้นำกลับมากระจายให้คณะกรรมการ อสส. ไปเผยแพร่ทำความเข้าใจกับประชาชนเพื่อให้เข้าใจสิทธิประโยชน์และขั้นตอนทั้งหมดแล้ว คิดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร" นายสมศักดิ์ กล่าว

1aaa1M4

สปสช.ร่อนหนังสือแจ้งสถานพยาบาลรักษา ปชช.ที่ถูกยกเลิกหน่วยบริการประจำ

      สปสช.เขต 13 กทม. ร่อนหนังสือแจ้งโรงพยาบาล คลินิก ศูนย์บริการสาธารณสุข ย้ำประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการยกเลิกสัญญาหน่วยบริการ สามารถเข้ารับการรักษาได้ทุกที่ โดยหน่วยบริการสามารถเบิกค่าใช้จ่ายได้ตามระบบที่กำหนด พร้อมให้ผู้ที่ลงทะเบียนเลือกหน่วยบริการประจำใหม่ไปแล้ว แต่อยู่ไกลเดินทางไม่สะดวก สามารถเข้ารับบริการได้ทุกแห่ง

      ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ในฐานะโฆษก สปสช. กล่าวว่า เมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2563 สปสช. เขต 13 กทม. ได้ทำหนังสือถึงผู้อำนวยการโรงพยาบาลและผู้ประกอบการคลินิกชุมชนอบอุ่นในระบบหลักประกันสุขภาพในพื้นที่ กทม. รวมถึงผู้อำนวยการสำนักอนามัย กทม.

      เรื่องการให้บริการผู้ป่วยกรณีที่ สปสช.ยกเลิกการขึ้นทะเบียนหน่วยบริการ โดยระบุว่า ตามที่ สปสช.ได้ยกเลิกการขึ้นทะเบียนหน่วยบริการไปเมื่อเร็วๆนี้ ทำให้สถานพยาบาลเหล่านั้นสิ้นสุดสภาพการเป็นหน่วยบริการในระบบหลักประกันสุขภาพตั้งแต่วันที่ 18 ก.ย. 2563 และ 1 ต.ค. 2563 ทำให้ประชาชนที่มีหน่วยบริการประจำที่โรงพยาบาลและคลินิกเหล่านั้นไม่สามารถเข้ารับบริการที่เดิมได้

      ดังนั้น เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่จำเป็นต้องเข้ารับบริการสาธารณสุข สปสช.จึงขอชี้แจงแนวทางการให้บริการผู้ป่วย โดย สปสช.ได้ปรับปรุงสิทธิของประชาชนผู้ได้รับผลกระทบเป็นสิทธิหลักประกันสุขภาพที่ยังไม่ได้ลงทะเบียน (สิทธิว่าง) ซึ่งสามารถเข้ารับบริการที่หน่วยบริการในระบบบัตรทองได้ทุกแห่ง โดยหน่วยบริการที่ให้การดูแลผู้ป่วยเหล่านี้สามารถส่งข้อมูลเพื่อขอรับค่าใช้จ่ายจาก สปสช.ได้ โดยที่ยังไม่ต้องลงทะเบียนเลือกหน่วยบริการประจำและขอ Claim code หรือรหัสที่ใช้อ้างอิงในการเบิกจ่ายกับ สปสช.สำหรับผู้ใช้สิทธิว่าง

      นอกจากนี้ ในกรณีที่หน่วยบริการประจำไม่มีหนังสือส่งตัว รวมถึงกรณีที่ผู้ป่วยบางรายได้เลือกหน่วยบริการประจำแห่งใหม่แล้ว แต่หน่วยบริการอยู่ไกล ทำให้ไม่สะดวกไปรับบริการ เบื้องต้นสามารถเข้ารับบริการในหน่วยบริการในพื้นที่ กทม. ได้ทุกแห่ง โดยหน่วยบริการที่ให้การดูแลรักษา สามารถบันทึกข้อมูลผ่านระบบ OPBKK CLAIM หรือระบบข้อมูลผู้ป่วยนอก กทม. เพื่อขอรับค่าใช้จ่ายได้ โดยถือว่าเป็นกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉิน และได้รับชดเชยค่าบริการจากกองทุนผู้ป่วยนอก กรณีป่วยฉุกเฉินใน กทม.

        ทพ.อรรถพร ระบุด้วยว่า ในกรณีของผู้ป่วยใน ให้เข้ารับบริการที่หน่วยบริการรับส่งต่อในพื้นที่ กทม. ได้ทุกแห่ง โดยหน่วยบริการที่ให้การดูแลรักษาสามารถบันทึกข้อมูลผ่านระบบ e-Claim หรือโปรแกรมที่ใช้เบิกจ่ายชดเชยค่าบริการทางการแพทย์เพื่อขอรับค่าใช้จ่ายโดยถือว่าเป็นกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินและได้รับชดเชยค่าบริการจากกองทุนผู้ป่วยในระดับเขต

      ทั้งนี้ ในกรณีการบริการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค รวมถึงบริการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ประชาชนผู้มีสิทธิสามารถไปรับบริการที่หน่วยบริการใน กทม. ทุกแห่ง หน่วยบริการบันทึกข้อมูลผ่านระบบ BPPDS หรือโปรแกรมสำหรับงานสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคของ กทม. และได้รับการชดเชยค่าบริการตามหลักเกณฑ์ปกติ

COREHOON

******************************************

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

FBS728

EXNESS

SAM720x100px bgGC 790x90

SME720 x 100banpu 720x90 new1 1

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!