WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

1aaaBสปสช63

สปสช.เตรียมฟันเพิ่ม หลังตรวจเจอคลินิกอีก 63 แห่ง เบิกจ่ายข้อมูลไม่ถูกต้อง

     สปสช.แถลงความคืบหน้าลงดาบ 18 คลินิกทุจริตเงินบัตรทอง พร้อมขยายผลตรวจสอบ พบอีก 63 แห่งเบิกจ่ายข้อมูลไม่ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ เตรียมเรียกเงินคืนอีกกว่า 2.4 ล้านบาท และขยายตรวจสอบ 100%

     สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) แถลงข่าวความคืบหน้า สปสช.ดำเนินคดี 18 คลินิกทุจริตเงินบัตรทอง พร้อมขยายผลตรวจสอบ พบอีก 63 แห่งข้อมูลไม่ถูกต้อง

        นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า จากกรณีที่ สปสช.ตรวจพบการทุจริตการเบิกจ่ายเงินค่าบริการคัดกรองโรคในกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ของคลินิกเอกชน 18 แห่ง ในพื้นที่ กทม. วันนี้ (15 ก.ค.63) สปสช.ขอแถลงความคืบหน้าการดำเนินคดีกับคลินิกเอกชนที่ทุจริตการเบิกจ่ายงบกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติหรือกองทุนบัตรทอง พร้อมความคืบหน้าหลังจาก สปสช.ได้ขยายผลตรวจสอบหน่วยบริการในการเบิกจ่ายค่าบริการส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรคในกลุ่มของโรคเมตาบอลิกเพิ่มเติมอีก 86 แห่ง

     ทั้งนี้ ในส่วนของความคืบหน้าการดำเนินการกรณีคลินิกเอกชน 18 แห่ง ทุจริตเงินบัตรทองนั้น สปสช.ได้ดำเนินการดังนี้

               1.ระงับจ่ายค่าบริการทางการแพทย์ของหน่วยบริการทั้ง 18 แห่ง

               2.เรียกคืนเงินตามจำนวนที่ตรวจสอบพบว่าการเบิกจ่ายค่าบริการทางการแพทย์ที่ไม่ถูกต้อง โดยเป็นยอดเรียกคืนทั้งสิ้น 74,397,720 บาท ขณะนี้เรียกคืนแล้ว 60,773,809 บาท คงเหลือยอดค้างชำระรอเรียกคืน ณ วันที่ 30 มิ.ย. 63 จำนวน 13,623,911 บาท

               3.แจ้งความตามคดีอาญา พร้อมส่งมอบเอกสารหลักฐานเมื่อวันที่ 7 ก.ค. 63

               4.วันที่ 7 ก.ค. 63 สปสช. ส่งเรื่องให้สำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ, แพทยสภา และอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่ามีผู้ประกอบวิชาชีพอื่นด้วยหรือไม่ เพื่อดำเนินการเรื่องจรรยาบรรณวิชาชีพแล้ว

               5.คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเมื่อวันที่ 8 ก.ค.63 ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณี 18 คลินิกทุจริต วันที่ 8 ก.ค. 63

               6.ยกเลิกสัญญาหน่วยบริการประจำทั้ง 18 แห่ง และประกาศยกเลิกการเป็นหน่วยบริการ วันที่ 9 ก.ค. 63 โดย สปสช.จัดระบบให้ผู้ใช้สิทธิบัตรทองกว่า 2 แสนรายใน 18 คลินิกเอกชนใน กทม. ได้รับการดูแลแบบไร้รอยต่อ ซึ่งจะได้รับการย้ายหน่วยบริการอัตโนมัติ ผู้ป่วยส่งต่อในระหว่างนี้ไม่ต้องใช้ใบส่งตัว

               7.ขอความร่วมมือ กรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรมส่งทีมสอบสวนเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย

               8.เสนอเรื่องเข้าคณะกรรมการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานบริการสาธารณสุข

               9.วานนี้ (14 ก.ค.63) คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณี 18 คลินิกทุจริตประชุมนัดแรก 

               “หลังจาก สปสช.เขต 13 กทม.ตรวจพบข้อมูลการเบิกจ่ายของคลินิก 18 แห่ง ไม่น่าเชื่อถือ เพื่อให้การใช้จ่ายเงินกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเป็นไปเพื่อประโยชน์ของประชาชน สปสช.จึงได้ขยายผลการตรวจสอบหน่วยบริการที่มีการเบิกจ่ายค่าบริการส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรคในกลุ่มของโรคเมตาบอลิกเพิ่มเติมอีก 86 แห่ง ขณะนี้พบข้อมูลไม่ถูกต้อง 63 แห่ง เป็นจำนวนเงินที่ต้องเรียกคืนประมาณ 2.4 ล้านบาท แต่หลังจากแจ้งผลการตรวจสอบให้หน่วยบริการรับทราบ มีหน่วยบริการ 11 แห่งขออุทธรณ์ผลการตรวจสอบ อีก 52 แห่งไม่อุทธรณ์ ซึ่ง สปสช.ต้องดำเนินการขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป”

      เลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า ประเด็นที่ตรวจพบ คือ ไม่มีเอกสารหลักฐานของประชาชนที่เข้ารับการตรวจคัดกรอง ขณะนี้ สปสช.เร่งดำเนินการตามกฎหมายและดำเนินคดี โดยคณะอนุกรรมการหลักประกันสุขภาพระดับเขตพื้นที่ กรุงเทพมหานคร หรือ อปสข.กทม. จะมีการพิจารณาเรื่องนี้ เพื่อการเรียกเงินคืน

        “ขณะนี้ สปสช.เขต 13 กทม. ได้ขยายผลการตรวจสอบหน่วยบริการทั้ง 63 แห่ง ทั้ง 100% โดยจะมีการตรวจในวันที่ 30 ก.ค.-11 ส.ค.63 เป็นการตรวจสอบ ณ หน่วยบริการ และวันพรุ่งนี้ (16 ก.ค. 63) นำเสนอ อปสข.พิจารณาดำเนินการต่อไป” นพ.ศักดิ์ชัย กล่าว

        ด้าน นพ.การุณย์ คุณติรานนท์ รองเลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า ผลการตรวจสอบข้อมูลการจ่ายชดเชยค่าบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคของหน่วยบริการเพิ่มอีก 86 แห่ง แบ่งเป็นโรงพยาบาลเอกชน 20 แห่ง และคลินิกเอกชน 66 แห่งนั้น พบข้อมูลไม่ถูกต้อง 63 แห่ง เป็นจำนวนเงินที่ต้องเรียกคืน 2,473,600 บาท แต่เมื่อแจ้งผลการตรวจสอบให้หน่วยบริการรับทราบ มีหน่วยบริการ 11 แห่งขออุทธรณ์ผลการตรวจสอบ อีก 52 แห่งไม่อุทธรณ์

       นพ.การุณย์ กล่าวต่อว่า ประเด็นที่ตรวจพบคือ ไม่มีเอกสารหลักฐานของประชาชนที่เข้ารับการตรวจคัดกรอง การตรวจพบดังกล่าวเป็นการตรวจพบเบื้องต้นจากการสุ่มตรวจ ยังไม่ได้ตรวจทั้ง 100% ซึ่งขณะนี้ สปสช.เขต 13 กทม. เตรียมขยายผลการตรวจสอบหน่วยบริการทั้ง 63 แห่ง ทั้ง 100% โดยจะมีการตรวจในวันที่ 30 ก.ค.-11 ส.ค.63 เป็นการตรวจสอบ ณ หน่วยบริการ โดยมีการเรียกเงินคืน พร้อมกับนำเสนอคณะอนุกรรมการหลักประกันสุขภาพระดับเขตพื้นที่ กรุงเทพมหานคร หรือ อปสข.กทม.ครั้งที่ 3/2563 วันที่ 16 กรกฎาคม 2563 พิจารณาการดำเนินการ ขยายการตรวจสอบไปยังรายการเบิกจ่ายตามรายการ (fee schedule) ทุกรายการ ในทุกหน่วยบริการทุกระดับ ระงับการจ่ายเงินชดเชยค่าบริการทั้งหมดที่พึงได้รับของทั้ง 52 หน่วยบริการ ในปีงบประมาณ 2563 จนกว่าผลการตรวจสอบ จะเสร็จสิ้น, ให้ สปสช.เรียกคืนเงินจากทุกหน่วยบริการตามจำนวนที่ตรวจสอบพบว่าการเบิกจ่ายค่าบริการทางการแพทย์ไม่ถูกต้อง พร้อมเสนอคณะอนุกรรมการพิจารณาหักค่าใช้จ่ายเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป” นพ.การุณย์ กล่าว

 

สปสช.ดึงดีเอสไอสอบคดีเบิกจ่ายเงินชดเชยคลินิกเอกชน

      สปสช.เชิญดีเอสไอสอบสวนกรณีคลินิกเอกชน 18 แห่งเบิกจ่ายเงินชดเชยผิดปกติ ย้ำยึดมั่นในความโปร่งใส ขอมั่นใจในการบริหารงบประมาณว่าจะเกิดประโยชน์ต่อประชาชนจริงๆ

      นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า จากกรณีที่ สปสช.ได้ตรวจสอบพบความผิดปกติในการเบิกจ่ายเงินชดเชยกรณีการเบิกค่าใช้จ่ายในลักษณะตามผลงานของคลินิกเอกชนในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ จำนวน 18 แห่งในพื้นที่ สปสช.เขต 13 กรุงเทพมหานครไปเมื่อเร็วๆ นี้นั้น สปสช.ได้ดำเนินการเอาผิดต่อคลินิกเอกชนเหล่านี้ในทุกๆ ช่องทาง ทั้งการยกเลิกสัญญา เพิกถอนการขึ้นทะเบียนหน่วยบริการ ฟ้องร้องความผิดคดีแพ่งและอาญา ตลอดจนแจ้งกรมสนับสนุนบริการสุขภาพและสภาวิชาชีพเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องแล้ว             

      ขณะเดียวกัน เพื่อให้การสอบสวนหาข้อเท็จจริงมีความโปร่งใส  ครบถ้วน รอบด้านและให้การสอบสวนดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ ทาง สปสช.ได้ทำหนังสือถึงอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม เพื่อเชิญให้กรมสอบสวนคดีพิเศษเข้ามาสืบข้อเท็จจริงอีกด้วย

      นพ.ศักดิ์ชัย กล่าวว่า สปสช.มีจุดยืนยึดมั่นในความสุจริตโปร่งใสในการทำงาน นอกจากมีกระบวนการตรวจสอบภายในและกระบวนการตรวจสอบจากภายนอกแล้ว ในกรณีนี้ยังเชิญกรมสอบสวนคดีพิเศษเข้ามาร่วมตรวจสอบเพื่อสร้างบรรทัดฐานใหม่ของหน่วยงานรัฐ ทั้งนี้ เพื่อให้ทุกฝ่ายมั่นใจในการบริหารงบประมาณที่มาจากภาษีของประชาชนว่าจะเกิดประโยชน์ต่อประชาชนอย่างแท้จริง ขณะเดียวกัน ขอยืนยันว่า ผู้ป่วยที่ขึ้นทะเบียนใช้สิทธิหลักประกันสุขภาพกับหน่วยบริการเหล่านี้จะไม่ได้รับผลกระทบแน่นอน

COREHOON

******************************************

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

SAM720x100px bgGC 790x90

SME720 x 100banpu 720x90 new1 1

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!