- Details
- Category: การศึกษา
- Published: Sunday, 27 August 2017 21:21
- Hits: 1961
กยศ.'เชื่อมระบบสรรพากรบี้บริษัทหักเงินเดือนจ่ายหนี้
ไทยโพสต์ : พระราม 6 * กยศ.คาดเชื่อมโยงระบบกับสรรพากรเรียกเก็บหนี้เป็นรายเดือนจากลูกหนี้ได้ภายในไตรมาส 1 ปี 2561
นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เปิดเผยว่า กยศ.เตรียมเดินหน้าเชื่อมระบบ กับกรมสรรพากร ในการรับชำระ หนี้ลูกหนี้ กยศ.จากองค์กรนาย จ้าง คาดว่าจะเริ่มหักเงินเดือนลูกหนี้ กยศ.ทั้งรายเก่าและใหม่เป็นรายเดือนได้ในไตรมาส 1 ปี 2561 โดย กยศ.จะเชื่อมระบบกับกรมสรรพากร แล้วให้กรมสรรพากรเชื่อมระบบกับนายจ้าง หากนายจ้างไม่หักเงินเดือนนำส่ง นายจ้างจะต้องรับภาระจ่ายหนี้แทนลูกหนี้ กยศ. โดยสิทธิในการหักเงินเดือนของ กยศ.ตามกฎหมายลูกหนี้จะต้องถูกหักเงินภาษีรายได้ให้กรมสรรพากรก่อน รองลงมาคือประกันสังคม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และต่อมาเป็น กยศ.ก่อน ที่จะสามารถหักเงินเดือนเพื่อใช้ให้สถาบันการเงินได้
ทั้งนี้ ถือเป็นการรองรับกับพระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ.2560 ที่มีผลบังคับใช้ โดยในเดือน ต.ค.นี้ มีแผนจะเริ่มนำร่องจัดประชุมสัญจรกับสมาชิกสภาองค์กรนายจ้างแห่งประเทศไทยที่จังหวัดระยองเป็นแห่งแรก เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีนิคมอุตสาหกรรมจำนวนมาก
ปัจจุบัน กองทุนมีผู้กู้ยืม 5.28 ล้านราย คิดเป็นวงเงินรวมกว่า 5 แสนล้านบาท มีลูกหนี้ที่ค้างชำระอยู่ประมาณ 2 ล้านราย คิดเป็นวงเงิน 6.2 หมื่นล้านบาท และมีลูกหนี้ที่อยู่ระหว่างฟ้องร้อง 1.2 ล้านราย คิดเป็นวงเงิน 1 แสนล้านบาท.
กยศ.คาดปีนี้จะมียอดชำระหนี้แตะ 2.5 แสนลบ.หลังเริ่มบังคับใช้ พ.ร.บ. ใหม่
กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เตรียมแผนเดินสายพบองค์กรนายจ้าง หลังพระราชบัญญัติใหม่มีผลบังคับใช้ พร้อมเร่งติดตามหนี้เงินกู้ยืมเพื่อส่งต่อโอกาสทางการศึกษาอย่างต่อเนื่อง คาดปี 2560 จะได้รับชำระหนี้ประมาณ 25,000 ล้านบาท
นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา เปิดเผยว่า “ภายหลังจาก พระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ. 2560 ได้เริ่มมีผลบังคับใช้ กองทุนมีภารกิจที่ต้องเร่งดำเนินการเพื่อรองรับการดำเนินงานตามพระราชบัญญัติใหม่ดังกล่าว ได้แก่ การออกกฎกระทรวงและระเบียบต่างๆ การประสานความร่วมมือกับกรมสรรพากรในการเชื่อมต่อระบบรับชำระหนี้ รวมถึงการประชาสัมพันธ์ให้องค์กรนายจ้างได้รับทราบในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการหักเงินเดือนพนักงานที่เป็นผู้กู้ยืม โดยกองทุนมีแผน จะร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สภาองค์กรนายจ้างแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าไทย และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เป็นต้น ทั้งนี้ ในเดือนตุลาคมมีแผนจะเริ่มนำร่องจัดประชุมสัญจรกับสมาชิกสภาองค์กรนายจ้างแห่งประเทศไทย โดยจะจัดขึ้นที่จังหวัดระยองเป็นแห่งแรก เนื่องจากเป็นพื้นที่ ที่มีนิคมอุตสาหกรรมจำนวนมาก
ปัจจุบัน กองทุนมีผู้กู้ยืม 5,284,309 ราย ประกอบด้วย ผู้กู้ที่ชำระเสร็จสิ้นแล้ว 670,772 ราย ผู้กู้ที่อยู่ระหว่างการชำระหนี้ 3,411,822 ราย ผู้กู้ที่อยู่ระหว่างการศึกษาและปลอดหนี้ 1,151,520 ล้านราย และอื่นๆ (เสียชีวิต/ทุพพลภาพ) 50,135 ราย คิดเป็นเงินให้กู้ยืมกว่า 553,492 ล้านบาท จากช่วงที่ผ่านมากองทุนได้มีมาตรการติดตามหนี้โดยได้รับความร่วมมือจากรัฐบาลและผู้ที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนอย่างต่อเนื่อง ทำให้กองทุนมีผลการชำระหนี้ดีขึ้นตามลำดับ ทำให้กองทุนไม่ต้องใช้งบประมาณแผ่นดินในการจัดสรรวงเงินการให้กู้ยืมในปีการศึกษา 2560 และปีการศึกษา 2561 โดยปี 2558 กองทุนได้รับชำระหนี้ 18,318 ล้านบาท ปี 2559 ได้รับชำระหนี้ 21,419 ล้านบาท และในปี 2560 กองทุนคาดการณ์ว่าจะได้รับชำระหนี้ประมาณ 25,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ในปี 2560 ยังมีผู้กู้ยืมที่ผิดนัดชำระหนี้กองทุนและค้างชำระหนี้ ซึ่งกองทุนได้ดำเนินคดีในปีนี้ประมาณ 140,000 ราย คิดเป็นมูลหนี้ประมาณ 15,000 ล้านบาท จึงขอฝากถึงผู้กู้ยืมที่ได้รับหมายศาลว่าไม่ต้องกังวลขอให้ไปตามที่ศาลนัดหมายเพื่อเจรจาไกล่เกลี่ยและทำสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งทางกองทุนจะเปิดโอกาสให้สามารถผ่อนชำระได้อีก 9 ปีเต็ม หรือสามารถติดต่อขอชำระหนี้ปิดบัญชีก่อนถึงวันที่ศาลนัด โดยให้ส่งหลักฐานการปิดบัญชีและใบเสร็จค่าทนายความให้กับฝ่ายคดีและบังคับคดี หมายเลขโทรสาร 02-016-4940 หากชำระครบถ้วนแล้วกองทุนจะดำเนินการถอนฟ้องให้
ทั้งนี้ กองทุนขอขอบคุณผู้กู้ยืมที่ชำระหนี้เพื่อส่งต่อโอกาสทางการศึกษาให้แก่นักเรียน นักศึกษารุ่นน้อง รวมถึงหน่วยงานภาครัฐภาคเอกชนและประชาชนทุกท่านที่มีส่วนร่วมในการส่งมอบโอกาสทางการศึกษาให้แก่เยาวชนไทย โดยช่วยสร้างจิตสำนึก และความรับผิดชอบต่อการชำระเงินคืนกองทุน เพราะการให้กู้ยืมเงินเพื่อการศึกษาก็เปรียบเสมือนการให้ทุน แก่เยาวชนเพื่อไปสร้างอนาคตของตนเอง และสร้างทุนมนุษย์ให้กับผู้กู้ยืม เมื่อถึงเวลาก็อยากให้ผู้กู้ยืมส่งมอบโอกาสคืนทุนการศึกษาให้กับคนรุ่นใหม่ต่อไป” ผู้จัดการกองทุนฯ กล่าวในที่สุด