- Details
- Category: การศึกษา
- Published: Thursday, 23 March 2017 12:50
- Hits: 6358
ก้าวสู่ปีที่ 20 มหาวิทยาลัยเจ้าพระยา ชูจุดเด่น สร้าง 'ประสบการณ์' และ 'คุณธรรม'
บรรยากาศงานครบรอบวันสถาปนามหาวิทยาลัยเจ้าพระยาที่เพิ่งผ่านพ้นมา ยังเต็มไปด้วยความอบอุ่นและอบอวลไปด้วยความรักจากคณาจารย์ที่มอบให้กับศิษย์ทุกคนเฉกเช่นเดียวกับทุกๆ ปีที่ผ่านมา เพราะนอกจากในงานจะมีการแสดงมุทิตาจิตเพื่อระลึกถึง ‘คุณพ่อจรูญ ศิริวิริยะกุล’ ผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยแล้วยังมีพิธีมอบทุนการศึกษาจำนวนมากในระดับที่กล่าวได้ว่าครอบคลุมการดูแลและเกื้อกูลนักศึกษาทั้งมหาวิทยาลัยได้อย่างครบถ้วนแท้จริง โดยแบ่งเป็นประเภทนักศึกษาที่เรียนดี นักศึกษาที่มีผลงานวิชาการโดดเด่น นักศึกษาผู้เป็นแบบอย่าง นักศึกษาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ รวมถึงนักศึกษาจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เดินทางไกลจากบ้านมาเรียนถึงนครสวรรค์ อีกด้วย
งานครบรอบวันสถาปนามหาวิทยาลัยเจ้าพระยาในปีที่ผ่านมา เป็นวาระครบรอบ 18 ปี ซึ่งนั่นหมายความว่า ในปี 2560 นี้ มหาวิทยาลัยเจ้าพระยากำลังก้าวเข้าสู่การก่อตั้งครบรอบ 19 ปีเต็ม และจะก้าวสู่ปีที่ 20 อย่างเต็มภาคภูมิในปี 2561 พร้อมกับประกาศปรัชญาการผลิตบัณฑิตของมหาวิทยาลัยไว้ว่า “มหาวิทยาลัยเจ้าพระยา: ไม่ใช่แค่ปริญญา แต่ที่มากกว่าคือประสบการณ์และคุณธรรม”
มหาวิทยาลัยเจ้าพระยา เป็นมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งแรกในจังหวัดนครสวรรค์และภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน ที่ผู้ก่อตั้ง “คุณพ่อจรูญ ศิริวิริยะกุล” มุ่งมั่นสร้างโอกาสทางการศึกษาให้กับเยาวชนในภูมิภาค จากผืนดินว่างเปล่ากว่าพันไร่ จึงถูกก่อร่างสร้างเป็นสถาบันการศึกษาที่ผลิตบัณฑิตคุณภาพออกสู่ตลาดแรงงานรุ่นแล้วรุ่นเล่า
จากจุดเริ่มต้นเมื่อ 19 ปีที่แล้ว ณ วันนี้ มหาวิทยาลัยเจ้าพระยา มีพัฒนาการด้านการเรียนการสอน จนสามารถยกระดับเป็นมหาวิทยาลัยภูมิภาคที่สามารถสร้างประสบการณ์ให้กับนักศึกษาในระดับโลก ผ่านเครือข่ายธุรกิจของครอบครัว “ศิริวิริยะกุล” ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้ง ที่ครอบคลุมทั้งภาคอุตสาหกรรม บริการและการท่องเที่ยว ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
อาจารย์ ดร.ดารัตน์ ศิริวิริยะกุล วิภาตะกลัศ รองอธิการบดีฝ่ายบริหาร มหาวิทยาลัยเจ้าพระยา กล่าวว่า ความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัย คือ ต้องการให้บัณฑิตที่จบออกไป เป็นแรงงานที่มีคุณภาพสำหรับผู้ประกอบการ ดังนั้น นอกเหนือจากความรู้ในหลักสูตรที่ผู้เข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยเจ้าพระยาจะได้รับแล้ว มหาวิทยาลัยยังมุ่งเน้นการบ่มเพาะประสบการณ์การทำงานให้กับนักศึกษาควบคู่ไปกับการเรียน ผ่านโครงการสหกิจศึกษา ซึ่งเป็นระบบการศึกษาที่จัดให้มีการผสมผสานระหว่างการเรียนของนักศึกษาในห้องเรียนกับการปฏิบัติจริงในสถานประกอบการอย่างมีหลักการและเป็นระบบ อีกทั้งยังมีโครงการสหกิจศึกษานานาชาติ โดยนักศึกษาจะได้ไปปฏิบัติงานระหว่างศึกษาในกลุ่มประเทศอาเซียน เช่น สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และน่าภาคภูมิใจที่มหาวิทยาลัยเจ้าพระยาได้รับรางวัลสหกิจศึกษาและสหกิจศึกษานานาชาติตลอดมาทุกปีการศึกษาอีกด้วย เช่นเดียวกับรางวัลระดับชาติที่มหาวิทยาลัยเจ้าพระยาได้รับอีกมากมายทั้งด้านวิชาการและกิจกรรม
“เราให้ความเชื่อมั่นได้ว่า มหาวิทยาลัยเจ้าพระยาซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาในระดับท้องถิ่น เป็นของชุมชนเป็นมหาวิทยาลัยในภูมิภาค แต่ประสบการณ์ที่นักศึกษาของเราได้รับนั้น เป็นระดับนานาชาติ เพราะเรามีพันธมิตรและเครือข่ายทางธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ ที่เราสามารถสร้างโอกาสให้นักศึกษาได้เข้าไปสัมผัสได้จริง ทดลองทำงานจริง ความมุ่งหวังเราจึงไม่ใช่แค่สร้างบัณฑิต แต่เราสร้างคนที่ทำงานได้จริง มหาวิทยาลัยไม่ได้สร้างแค่ใบปริญญาให้กับนักศึกษา แต่เรากำลังสร้างบุคลากรคุณภาพที่จะเป็นรากฐานในการพัฒนาประเทศให้แข็งแกร่ง”
ด้วยความมุ่งมั่นดังกล่าว ทำให้มหาวิทยาลัยเปลี่ยนแปลง 'วิธีคิด'ที่ว่า นักศึกษาจะมีโอกาสปฏิบัติจริงในสถานประกอบการเฉพาะตอนเรียนในชั้นปีที่ 4 คือระบบสหกิจศึกษาดังกล่าวข้างต้น ด้วยการเริ่มส่งเสริมให้นักศึกษาได้ทำงาน ควบคู่ไปกับการเรียนตั้งแต่ชั้นปีที่ 1 โดยนักศึกษาต้องผ่านมาตรฐานทักษะภาคปฏิบัติรายชั้นปี (Year Base) เพื่อเตรียมความพร้อมในทักษะที่ต้องมีในแต่ละสาขาวิชาสำหรับนำไปใช้ประกอบการทำงานด้วยกระบวนการที่เรียกว่า วิล (WIL : Work-Integrated Learning) เพื่อสนับสนุนให้เด็กๆ ได้มีโอกาสรู้จักชีวิตการทำงานที่แท้จริงก่อนสำเร็จการศึกษา ช่วยให้พวกเขาสามารถนำความรู้และทักษะการทำงานมาผสมผสานกันตลอดชีวิตการเรียนในมหาวิทยาลัยเจ้าพระยา ซึ่งสุดท้ายแล้วจะเป็นประโยชน์สูงสุดกับทั้งนักศึกษาและสถานประกอบการ
ยิ่งไปกว่านั้น อ.ดร.ดารัตน์ ยังบอกอีกว่า มหาวิทยาลัยเจ้าพระยามุ่งมั่นบ่มเพาะความมีคุณธรรมให้กับนักศึกษาอย่างจริงจัง เหตุเพราะตระหนักดีว่าความเก่งอย่างเดียวไม่เพียงพอ หากไม่มีคุณธรรมกำกับไว้ด้วย ปัญหาอื่นๆ ย่อมตามมามากมาย ทั้งในระดับบุคคล สังคม และประเทศชาติ
'กัลยา ปันเป็ง' หรือ 'หมวย' เจ้าหน้าที่จัดหางาน ประจำศูนย์บริการจัดหางานเพื่อคนไทย (Smart Job Center) ศิษย์เก่าผู้จบการศึกษาจากคณะบริหารธุรกิจ สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ มหาวิทยาลัยเจ้าพระยา เป็นหนึ่งตัวอย่างที่นำสิ่งที่ได้รับระหว่างการศึกษาในมหาวิทยาลัยมาใช้ในการทำงานของเธอ
“จริงๆ เป็นคนจังหวัดตาก แต่ตัดสินใจมาเรียนที่นครสวรรค์ เพราะแม่อยากให้มาเรียนที่นี่ แล้วมีญาติที่สามารถดูแลเราได้” หมวยบอกว่า ในตอนแรกเธอตั้งใจเรียนสายสามัญ แต่เธอประสบอุบัติเหตุรุนแรงจนทำให้เสียขาขวาไปตั้งแต่อายุ 10 ขวบ ครอบครัวก็เลยตัดสินใจให้เรียนสายอาชีพในระดับ ปวช.และ ปวส. ก่อนเข้าเรียนระดับอุดมศึกษาที่มหาวิทยาลัยเจ้าพระยา
“ถ้าพูดถีงความรู้ทางวิชาการในระดับมหาวิทยาลัย ก็เชื่อว่า เราเรียนจากที่ไหนก็ได้เหมือนๆ กัน แต่การเรียนที่มหาวิทยาลัยเจ้าพระยาให้เราได้มากกว่านั้น โดยเฉพาะการสอนให้ทำงานเป็นและความพร้อมในการเข้าสังคมของการทำงาน หลายคนอาจจะมองว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่เมื่อเราเข้าสู่ระบบแรงงานหรือเข้าสู่การทำงานจริงๆ แล้ว เราจะรู้ว่ามันสำคัญมาก เพราะการวางตัวให้เหมาะสม การแต่งกาย ความมีสัมมาคารวะ การรู้กาลเทศะ ทุกอย่างที่ทำให้เราปรับตัวกับที่ทำงาน พร้อมที่จะทำงาน และสามารถทำงานได้อย่างมีความสุข เมื่อมองย้อนกลับไป ต้องบอกว่าได้มาจากมหาวิทยาลัยล้วนๆ”
'หมวย' ยอมรับว่า ตอนเรียนมหาวิทยาลัย เธอไม่ใช่เด็กเรียนดีหรือตั้งใจเรียน เธอเป็นเหมือนเด็กวัยรุ่นที่ติดเพื่อน ชอบเที่ยวมากกว่าเข้าเรียน
“ถ้าเป็นการเรียนในระดับอุดมศึกษาทั่วไป เราไม่ตั้งใจเรียนแบบนี้ก็อาจจะไม่มีใครสนใจ แต่ไม่ใช่ที่มหาวิทยาลัยเจ้าพระยา เพราะอาจารย์จะเอาใจใส่นักศึกษามาก จะคอยตามงาน คอยเตือน คอยดูแล ยังไม่ส่งงานครูนะลูก เดี๋ยวเรียนไม่จบนะลูก คือเรียนที่นี่แล้วอบอุ่นค่ะ อาจารย์รักและใส่ใจเหมือนเราเป็นลูก ไม่ใช่แค่ลูกศิษย์ แล้วสอนเรื่องการวางตัว จนทุกวันนี้เวลาออกมาทำงาน งานของเราเป็นงานบริการ ต้องเจอคนมากๆ ผู้หลักผู้ใหญ่ก็มักจะชื่นชมว่า เราวางตัวดี มันทำให้เราทำงานได้ดีและมีความสุขมากขึ้นจริงๆ ค่ะ”
ขณะที่ศิษย์ปัจจุบัน 'หงษ์หยก สีใส' นักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะบริหารธุรกิจ สาขาวิชาการบัญชี มหาวิทยาลัยเจ้าพระยา บอกว่า มหาวิทยาลัยเจ้าพระยาให้อะไรหลายอย่าง ทั้งวิชาความรู้ที่มีมาตรฐาน เน้นทักษะการปฏิบัติงานจริง ควบคู่ไปกับการสอนให้นักศึกษาเป็นคนดีมีคุณธรรมจริยธรรม เเละมีมารยาทที่ดี นอกจากนี้ ยังสอนทักษะในด้านของการคิดอย่างสร้างสรรค์ผ่านกิจกรรมทั้งด้านวิชาชีพ กีฬา ดนตรี การแสดง และกิจกรรมทั่วไปต่างๆ
“มหาวิทยาลัยยังให้โอกาส ส่งเสริม เเละเปิดพื้นที่ให้หนูได้เเสดงออกถึงความสามารถที่มีอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการเป็นพิธีกร การร้องเพลงในวงดนตรีของมหาวิทยาลัย การทำหน้าที่กรรมการในสโมสรนักศึกษา เเละผู้นำเสนอชมรมทูบีนัมเบอร์วันซึ่งได้รับรางวัลรักษามาตรฐานระดับเงินการประกวดชมรม TO BE NUMBER ONE ดีเด่นระดับประเทศ และที่สำคัญคือ ที่นี่ให้ความสำคัญ เเละเชื่อมั่นในศักยภาพของนักศึกษาทุกคนในการเข้าเเข่งขันในระดับชาติ จนนำมาซึ่งรางวัลพระราชทาน เเละรางวัลระดับชาติทุกรางวัลที่หนูได้รับ เเละสิ่งสุดท้ายคือ ที่นี่ให้ความรักกับหนู เหมือนเราเป็นทั้งลูกเเละลูกศิษย์ หนูจึงรู้สึกอบอุ่นตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่”
เธอบอกด้วยว่า หลังจากเรียนจบแล้ว เธอจะใช้ความรู้ความสามารถที่ได้ศึกษาในด้านการบัญชี มาประกอบวิชาชีพในการเป็นนักบัญชีที่ดี โดยยึดหลักของจรรยาบรรณวิชาชีพเป็นสำคัญ ตลอดจนใช้ความสามารถที่มีในการหารายได้เสริมดูเเลครอบครัวตอบเเทนพระคุณพ่อเเม่ เเละจะกลับมาทำประโยชน์ให้กับมหาวิทยาลัยเจ้าพระยาสถาบันที่เธอรักอย่างแน่นอน
'กัลยา' และ 'หงษ์หยก'เป็นเพียงส่วนหนึ่งของผลผลิตคุณภาพ ที่ตอกย้ำให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยเจ้าพระยา ที่ได้กระจายโอกาสทางการศึกษา เสริมสร้างความสำเร็จในวิชาชีพ รวมถึงปลูกฝังความมีคุณธรรมให้กับเยาวชนตลอดระยะเวลาเกือบ 20 ปี
สำหรับ ปีการศึกษา 2560 นี้ มหาวิทยาลัยเจ้าพระยา กำลังเปิดรับสมัครนักศึกษาเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาตั้งแต่ระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก โดยระดับปริญญาตรี เปิดรับ 10 สาขาวิชา ประกอบด้วย การบัญชี การจัดการ การตลาด คอมพิวเตอร์ธุรกิจ การจัดการโรงแรมและการท่องเที่ยว วิทยาการคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์มัลติมีเดีย การโฆษณาและประชาสัมพันธ์ นิติศาสตร์ และรัฐประศาสนศาสตร์
ผู้สนใจเข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัยเจ้าพระยา สามารถสมัครด้วยตนเองหรือทางไปรษณีย์ เลขที่ 13/1 หมู่ 6 ถนนพหลโยธิน ต.หนองกรด อ.เมืองฯ จ.นครสวรรค์ 60240 หรือทางเว็บไซต์ที่ www.cpu.ac.th สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมทางโทรศัพท์หมายเลข 087-7363223 หรือ 087-7359669 หรือ Facebook : แนะแนวเจ้าพระยา