- Details
- Category: การศึกษา
- Published: Monday, 17 January 2022 10:43
- Hits: 1087
นายกฯกำชับเด็กหลุดระบบศึกษาต้องเป็นศูนย์'ตรีนุช'ขานรับ นำ ศธ.ผนึก 11 หน่วยงานครั้งแรก เร่งจูงมือน้องกลับมาเรียน
นายกฯ ตั้งเป้าเด็กหลุดจากระบบการศึกษาต้องเป็นศูนย์ ตรีนุช นำ ศธ. ผนึกกำลัง 11 หน่วยงานหลักครั้งแรก ลงพื้นที่ทั่วประเทศ พาเด็กตกหล่นกลับโรงเรียน ผ่านโครงการ ‘พาน้องกลับมาเรียน’ ตามนโยบายรัฐบาล’จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง’ ตรีนุช ระบุ ต้องการแก้ปัญหาเชิงรุก เพื่อคืนโอกาส สร้างอนาคตให้เด็ก พุ่งเป้าแก้ปัญหาระยะยาวให้ประเทศ
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) โครงการส่งเสริมโอกาส ความเสมอภาคและความเท่าเทียมทางการศึกษา “พาน้องกลับมาเรียน” ระหว่าง 3 หน่วยงานหลักของกระทรวงศึกษาธิการ ได้แก่ สำนักงานปลัดกระทรวง สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
พร้อมด้วย 11 พันธมิตร ทั้ง กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรุงเทพมหานคร และกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ที่หอประชุมคุรุสภา กระทรวงศึกษาธิการ
พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า โครงการส่งเสริมโอกาส ความเสมอภาคและความเท่าเทียมทางการศึกษา'พาน้องกลับมาเรียน' เป็นการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล ‘จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง’ ที่ให้ความสำคัญกับคนทุกกลุ่มและเพื่อให้คนไทยทุกคนได้รับประโยชน์ในทุกด้านอย่างเท่าเทียมและเสมอภาค
โดยกระทรวงศึกษาธิการได้เล็งเห็นถึงความสำคัญและถือเป็นเรื่องเร่งด่วน ที่ต้องให้การศึกษากับเด็กนักเรียนทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียมกัน แต่เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ที่ผ่านมาและที่กำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน ทำให้เด็กจำนวนมากหลุดออกจากระบบการศึกษาภาคบังคับ การศึกษาระดับมัธยมศึกษา อาชีวศึกษา และการศึกษาตามอัธยาศัย กระทรวงศึกษาธิการจึงได้ดำเนินการติดตามนักเรียน นำกลับเข้าสู่ระบบการศึกษา หลังจากที่หลุดจากระบบไปในช่วงเวลาที่ผ่านมา ด้วยการสร้างความร่วมมือของแต่ละหน่วยงานและการติดตามผลจากดำเนินการตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางที่เกิดจากการร่วมมือกันอย่างมีประสิทธิภาพ
"หลังจากนี้ เราจะคืนโอกาสให้กับเด็กๆ และสร้างโอกาสให้กับสังคม โดยการพาเด็กๆ กลับเข้าสู่ระบบการศึกษาอีกครั้ง ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับปีการศึกษาใหม่ 2565 นี้ ในการเติมเต็มด้านการศึกษาให้กับเด็กและเยาวชนอันเป็นกำลังสำคัญของประเทศ ซึ่งหากเด็กได้รับโอกาส ทางการศึกษาแล้ว ก็จะมีอนาคตที่ดี มีทางเลือกในชีวิตในการประกอบอาชีพ มีความรู้ความสามารถ มีงานดีๆทำ ก็จะส่งผลดีต่อการพัฒนาประเทศในอนาคต โดยตั้งเป้าตัวเลขเด็กหลุดจากระบบการศึกษาต้องเป็นศูนย์" พลเอกประยุทธ์ กล่าว
ด้าน นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า กระทรวงศึกษาธิการ เล็งเห็นถึงปัญหานี้ จึงได้มีการแก้ปัญหาเชิงรุกผ่าน โครงการ ‘พาน้องกลับมาเรียน’ ด้วยความร่วมมือจากหน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ทั้ง สพฐ. สช. อาชีวศึกษา กศน. และพันธมิตร 11 หน่วยงาน ซึ่งถือเป็นความร่วมมือครั้งยิ่งใหญ่ และนับเป็นครั้งแรกที่จะบูรณการร่วมกัน เพื่อให้ทราบถึงจำนวนเด็กในปัจจุบัน ที่หลุดออกจากระบบการศึกษา และจะมีการลงติดตามถึงบ้าน เพื่อตามเด็กเหล่านี้กลับสู่ระบบการศึกษาอีกครั้ง
จากสถิติจำนวนนักเรียนที่หลุดออกจากระบบการศึกษาปี 2564 โดยแบ่งตามสังกัด ได้แก่ สังกัด สพฐ. จำนวน 78,003 คน สังกัด สป. จำนวน 50,592 คน สังกัด สอศ.จำนวน 55,599 คน และผู้พิการในวัยเรียนสังกัด พม. จำนวน 54,513 คน รวมแล้วมีนักเรียนหลุดจากระบบการศึกษามากถึง 238,707 คน ซึ่งหลังจากดำเนินการเชิงรุกตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา สามารถตามนักเรียนกลับมาเรียนได้ 127,952 ยังมีเด็กที่หลุดจากระบบจำนวน 110,755 ราย
“ทางกระทรวงมีการพัฒนาเครื่องมือติดตามนักเรียนเหล่านี้ ด้วยแอปพลิเคชันที่ชื่อ 'ตามน้องกลับมาเรียน' เพื่อให้เกิดการทำงานที่สะดวกรวดเร็ว และยังสามารถเก็บเป็นฐานข้อมูลของปัญหาที่เกิดกับแต่ละครอบครัวได้อย่างละเอียด และจะได้เป็นแนวทางในการให้ความช่วยเหลืออย่างตรงจุดกับทุกเคสทุกกรณีกันต่อไป เบื้องต้นจะให้โรงเรียนต้นสังกัดติดตามนักเรียน
จากนั้นกระทรวงศึกษาธิการ จะเข้าช่วยเหลือและสนับสนุนให้กลับเข้าสู่สถานศึกษาที่เหมาะสมตามบริบทของแต่ละกรณี แต่หากโรงเรียนต้นสังกัดติดตามไม่ได้ ก็จะประสานความร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตรที่ได้มีการทำ MOU ในวันนี้ ให้ช่วยติดตาม เพื่อช่วยเหลือและสนับสนุนให้กลับเข้าสู่สถานศึกษาที่เหมาะสมต่อไป เพื่อสร้างโอกาสให้เด็กไทยได้กลับมามีโอกาสที่ดีในชีวิตกันอีกครั้ง”นางสาวตรีนุช กล่าว