- Details
- Category: การศึกษา
- Published: Tuesday, 23 July 2019 13:53
- Hits: 3628
วิศวะมหิดล วิเคราะห์ความเสี่ยงภัยแผ่นดินไหว...เขย่าเมืองโบราณเชียงแสน บนรอยเลื่อนแม่จัน
โลกยังคงผวากับภัยแผ่นดินไหว คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล จากการสนับสนุนทุนวิจัยของ สนง.คณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) เผยผลวิจัยพื้นที่เสี่ยงภัยแผ่นดินไหว เมืองโบราณเชียงแสน บนรอยเลื่อนแม่จัน ซึ่งมีพลังและยาวที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย นักวิชาการชี้ การเตรียมตัวและพัฒนาเมืองให้คงทนยืดหยุ่นรองรับแผ่นดินไหวเป็นทางออกที่ยั่งยืน
ผศ.ดร. จักรกฤษณ์ ศุทธากรณ์ คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า นักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยในนานาประเทศต่างพยายามทุ่มเทค้นคว้าเทคโนโลยีในการเตือนภัยแผ่นดินไหว ซึ่งเป็นภัยธรรมชาติที่มนุษย์ยังไม่สามารถรู้ล่วงหน้าเกินกว่า 4 วินาที แม้แต่ชาวญี่ปุ่นซึ่งเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์กับแผ่นดินไหวมายาวนาน การเตือนภัยแผ่นดินไหวเป็นเรื่องคาดการณ์ได้ยาก ดังนั้น งานวิจัยและพัฒนาเพื่อคลี่ความเร้นลับในรอยเลื่อนที่มีพลัง เช่น แม่จัน มาเป็นองค์ความรู้แก่คนไทย และสำคัญที่สุดคือการเตรียมความพร้อมในการรับมือภัยแผ่นดินไหว ที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเวลา การบริหารจัดการและมาตรการต่างๆ กลไกการเกิดแผ่นดินไหว ผลกระทบที่จะตามมา การใช้นวัตกรรมและการฟื้นฟูเมือง รวมถึงการกำหนดเกณฑ์ปลอดภัยในการก่อสร้างอาคารและระบบสาธารณูปโภคต่างๆ อันจะช่วยลดการสูญเสียจากภัยแผ่นดินไหว
ดร.วศพร เตชะพีรพานิช หัวหน้าภาควิชาวิศวกรรมโยธาและสิ่งแวดล้อม คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า การศึกษาวิจัยเรื่องความเสี่ยงภัยแผ่นดินไหว เมืองโบราณเชียงแสนบนรอยเลื่อนแม่จัน จ.เชียงราย ในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาพื้นที่เสี่ยงภัยแผ่นดินไหว เมืองโบราณเชียงแสนบนรอยเลื่อนแม่จัน จ.เชียงราย แนวโน้มและความเป็นไปได้ของการเกิดเหตุแผ่นดินไหว เพื่อทําการวิเคราะห์ลักษณะเฉพาะของแผ่นดินไหว ธรรมชาติของแผ่นดินไหว เพื่อไว้เป็นข้อมูลพื้นฐานในการวางแผนรับมือและเตรียมพร้อมกับภัยพิบัติจากแผ่นดินไหวต่อไป
ผศ.ดร. ธีรพันธ์ อรธรรมรัตน์ ผู้เชี่ยวชาญแผ่นดินไหว คณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาควิชาวิศวกรรมโยธาและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า รอยเลื่อนแม่จัน จ.เชียงราย เป็นหนึ่งใน 14 รอยเลื่อนในประเทศไทยที่มีพลังและยาวที่สุด เคลื่อนตัวตามแนวระนาบแบบเหลื่อมซ้าย พาดผ่านตั้งแต่ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ อ.แม่จัน อ.เชียงแสน จ.เชียงราย เข้าสู่ประเทศลาว ระยะทางกว่า 185 กิโลเมตร หรือสังเกตได้จากแนวเส้นทางหลวงหมายเลข 1089 ในอดีตมีความเชื่อว่า รอยเลื่อนแม่จันเคยทำให้เกิดแผ่นดินไหวเมื่อ 1,500 ปีก่อน ประมาณปีพ.ศ. 1003 ทำให้อาณาจักรโยนกนาคนครล่มสลาย และน้ำท่วมเมืองจมหายไป ต่อมาในปีพ.ศ.1868 ในยุคต้นของอาณาจักรล้านนา พระเจ้าแสนภู ได้สร้างเชียงแสนเป็นเมืองเอกในอาณาจักรล้านนา มีอายุเก่าแก่ประมาณ 600 - 700 ปี และยังคงมีเจดีย์โบราณกว่า 100 แห่ง ที่ยังปรากฏอยู่มาถึงปัจจุบัน อาทิ ‘เจดีย์หลวง’ ซึ่งสร้างเมื่อประมาณปีพ.ศ. 1871 ความสูงยอดเจดีย์ในประวัติเริ่มแรก 58 เมตร แต่ปัจจุบันมีความสูง 35 เมตร เนื่องจากยอดขนาด 7 เมตรเคยหักโค่นลงมาเมื่อครั้งเกิดแผ่นดินไหวในประเทศพม่าในปี 2554 ต่อมาได้รับการบูรณะกลับคืนมาเหมือนเดิม อีกหนึ่งโบราณสถานที่สำคัญ ‘เจดีย์ป่าสัก’ ซึ่งสร้างเมื่อประมาณปีพ.ศ. 1875 ซึ่งมีความแตกต่างจากเจดีย์หลวงคือ สถาปัตยกรรมในการสร้างนั้นเป็นลักษณะเดียวกับรูปแบบเจดีย์ในต้นยุคล้านนา ตรงตามอายุในสมัยการก่อสร้าง ประมาณปีพ.ศ. 1875 ความสูง 21 เมตร โดยได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหวในปี 2554 เช่นเดียวกันกับเจดีย์หลวง โดยมีเพียงยอดเจดีย์เกิดการเอียงและมีรอยแตก ทั้งนี้ ‘เจดีย์ป่าสัก’ ตั้งอยู่ใกล้กับรอยเลื่อนแม่จันมาก
พื้นที่ อ.เชียงแสน ซึ่งตั้งอยู่บนรอยเลื่อนแม่จัน ในอดีตเป็นท่าเรือสำคัญที่ทำการค้าขายกับอาณาจักรเพื่อนบ้าน นับตั้งแต่ครั้งสร้างเมืองเชียงแสน เมื่อ 600 - 700 ปีมาแล้ว กลับไม่เคยมีประวัติความเสียหายจากแผ่นดินไหวใหญ่ โดยโบราณสถานเหล่านี้ยังคงอยู่ได้ค่อนข้างสมบูรณ์ในช่วง 600 - 700 ปีที่ผ่านมา แม้จะเกิดแผ่นดินไหวบ้างในช่วงที่ผ่านมา แต่ก็ไม่รุนแรงถึงขนาดที่ทำให้โบราณสถานเหล่านี้เกิดการพังทลาย
จึงมีความเป็นไปได้ที่รอยเลื่อนแม่จันยังคงสะสมพลังงานอยู่ และทำให้เกิดแผ่นดินไหวที่อาจสร้างความเสียหายได้ เนื่องจาก 1.พื้นที่รอยเลื่อนโดยรอบ อ.เชียงแสน ได้เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวแล้วทั้งหมด เหลือเพียงรอยเลื่อนแม่จันที่ยังไม่เคยเกิดแผ่นดินไหวมากว่า 600 - 700 ปีแล้ว 2.ความยาวของรอยเลื่อนแม่จันที่มีความยาวถึง 180 กว่ากิโลเมตร 3.ร่องรอยทางประวัติศาสตร์และโบราณสถานต่างๆ ซี่งได้รับความเสียหายน้อยมากจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในอดีตในช่วง 600 - 700 ปีที่ผ่านมา การคงอยู่ของโบราณสถานเมืองเชียงแสนตลอด 600 - 700 ปีที่ผ่านมา จึงเป็นสิ่งยืนยันว่าในบริเวณนี้ไม่เคยเกิดแผ่นดินไหวอีกเลยในช่วงเวลานั้น
ในการวิจัยโดยใช้แบบจำลองแผ่นดินไหว ของ 5 รอยเลื่อน ในบริเวณสามเหลี่ยมทองคำ ซึ่งแปรผันไปตามระยะห่างจากศูนย์กลางแผ่นดินไหว Rrup (km) กับขนาดแผ่นดินไหว พบว่าหากรอยเลื่อนทั้ง 5 รอยนี้ทำให้เกิดแผ่นดินไหวขนาดกลางค่อนไปทางใหญ่ในระดับ 6.8 - 7.1 (ตัวอย่างข้อ 1) ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับโบราณสถานเมืองเชียงแสนค่อนข้างสอดคล้องกับความเสียหายที่พบ เนื่องจากแผ่นดินไหวในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา แต่ทว่าหากแผ่นดินไหวมีขนาดใหญ่ขึ้น เช่น มีขนาดมากกว่า 7.5 (ตัวอย่างข้อ 2 และ 3) เนื่องจากรอยเลื่อนต่างๆ รอบเมืองเชียงแสน โบราณสถานต่างๆ ในเมืองเชียงแสนควรจะได้รับความเสียหายมากกว่าที่พบเห็นในปัจจุบัน แต่หาก รอยเลื่อนแม่จันทำให้เกิดแผ่นดินไหวขนาดกลางค่อนไปทางใหญ่ในระดับ 6.8 (ตัวอย่างข้อ 1) ความเสียหายควรจะมากเพียงพอจนโบราณสถานเหล่านี้ไม่น่าจะคงอยู่ได้ในลักษณะสมบูรณ์เช่นดังปัจจุบัน จึงเชื่อได้ว่ารอยเลื่อนแม่จันยังคงเป็นบริเวณที่มีแนวโน้มสูงในการเกิดแผ่นดินไหวในอนาคต (Seismic Gap)
แนวทางการรับมือ ในด้านธรณีวิทยา ควรศึกษารอยเลื่อนแม่จันเพิ่มขึ้น เพื่อทำนายอายุคาบการเกิดแผ่นดินไหวจากรอยเลื่อนแม่จันให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ในด้านวิศวกรรม ควรเตรียมความพร้อมพัฒนาเมืองที่คงทน ยืดหยุ่น และฟื้นตัวง่าย (Resilient City) เช่น การให้ความรู้มาตรฐานการก่อสร้างอาคารที่อยู่อาศัย ให้สามารถต้านทานแผ่นดินไหวตามหลักวิศวกรรม ระบบการกู้ภัยแผ่นดินไหว การฟื้นฟูเมืองหลังแผ่นดินไหว ให้ความรู้แก่ชุมชนเกี่ยวกับการเอาตัวรอดในภาวะ การสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐาน เช่น โรงพยาบาล สะพาน เพื่อให้สามารถทำงานภายหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวได้ และควรมี ‘พื้นที่ปลอดภัย’ ที่ทุกคนสามารถมาพักพิงได้ โดยอาคารเหล่านี้จะไม่ทำให้เกิดความเสียหายเพิ่มเติมจากแผ่นดินไหวได้
ด้านโบราณคดี จะมีการอนุรักษ์โบราณสถานอันเก่าแก่ซึ่งเป็นมรดกชาติและมรดกโลกไว้อย่างไร ให้ยืนยาว โดยต้องร่วมศึกษาถึงกรรมวิธีก่อสร้างและวัสดุโบราณ นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่มาผสมผสานอย่างเหมาะสม เพื่อให้มั่นคงแข็งแรง แต่ยังคงมิติคุณค่าทางประวัติศาสตร์และศิลปะความงามดั้งเดิมไว้ หากมีการบูรณะซ่อมแซมควรคำนึงถึงผลกระทบของรูปลักษณ์ที่จะขัดต่อความเป็นมรดกโลกด้วย
AO07229
Click Donate Support Web