- Details
- Category: DES
- Published: Saturday, 25 August 2018 18:06
- Hits: 2804
'ดีป้า' เดินหน้าแผนพันธกิจผลักดันเศรษฐกิจดิจิทัลบนพื้นที่ EEC จับมือผู้แทนการค้า-การลงทุนขนาดใหญ่จากจีนร่วมเยี่ยมชมพื้นที่
สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) เดินหน้าจัดทำความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ และเอกชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศในรูปแบบบันทึกข้อลง MOU เพื่อร่วมกันส่งเสริมการพัฒนาด้านนวัตกรรมในพื้นที่ EEC ใน 3 ประเด็นประกอบด้วย การทดสอบเทคโนโลยี 5G การพัฒนา EEC Startup Hub และการพัฒนา Digital Park Thailand และสถาบัน Internet of Things ภายในกิจกรรมการจัดประชุมคณะกรรมการร่วมว่าด้วยการค้า การลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจไทย-จีน ครั้งที่ 6 ระหว่างวันที่ 23-25 สิงหาคม ณ จังหวัดชลบุรี และจังหวัดระยอง
ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า) กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดประชุมคณะกรรมการร่วมว่าด้วยการค้า การลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจไทย-จีน ครั้งที่ 6 ระหว่างวันที่ 23-25 สิงหาคม ณ จังหวัดชลบุรี และ จ.ระยอง โดยวันที่ 25 สิงหาคม ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และนายหวัง หย่ง มนตรีแห่งรัฐ สาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นประธานร่วมการประชุม โดยมีนักลงทุนจากสาธารณรัฐประชาชนจีนร่วมงานราว 300 คน และซีอีโอจาก 50 บริษัทในด้านต่างๆ ทั้งในส่วนของการขยายการค้าและการลงทุน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การเกษตร วิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรม การท่องเที่ยว การเงิน ดิจิทัล และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ รวมทั้งการเยี่ยมชมพื้นที่โครงการพัฒนาระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี) นอกจากนี้ ภายในงานมีการจัดกิจกรรม ‘Thailand and China Belt and Road initiative : Connectivity for the future’ รวมถึงการลงนามความร่วมมือของทั้งสองประเทศด้วย
ดร.ณัฐพล กล่าวเสริมว่า ในส่วนของดีป้านั้น มีการลงนามความร่วมมือใน 3 ฉบับ โดยบันทึกข้อตกลงฉบับแรก เป็นความร่วมมือในการพัฒนาสนามทดสอบและพันธมิตรเพื่อนำเทคโนโลยี 5G ไปใช้ในช่วงต้น (MEMORANDUM OF UNDERSTANDING ON EXPLORATION TESTBED AND EARLY ADOPTION OF 5G TECHNOLOGY PARTNERSHIP) ระหว่าง depa และ บริษัท Huawei ประเทศไทย และมีวัตถุประสงค์เพื่อทดสอบและพัฒนาเทคโนโลยี 5th Generation (5G) อันจะเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่ทำให้เกิดการต่อยอดนวัตกรรมดิจิทัลอื่นๆอีกมากมาย โดยความร่วมมือนี้ครอบคลุมการขับเคลื่อนให้เกิดการใช้คลื่นความถี่เพื่อทดสอบระบบ 5G การสร้างพันธมิตรระหว่างหน่วยงานรัฐ สถาบันการศึกษา บริษัทเอกชนในภาคอุตสาหกรรม และผู้ให้บริการเทคโนโลยีดิจิทัล การพัฒนาสนามทดสอบ 5G และการพัฒนาแอพพลิเคชั่น 5G เพื่อให้เกิดการนำเทคโนโลยี 5G ไปใช้ในช่วงต้น
บันทึกข้อตกลงฉบับที่ 2 ความร่วมมือพหุภาคีในการพัฒนา EEC Startup Hub ในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (MEMORANDUM OF UNDERSTANDING ON THE DEVELOPMENT OF EEC STARTUP HUB) ระหว่าง depa กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ สถาบันวิทยสิริเมธี (VISTEC) และบริษัท Tus-Holdings ของสาธารณรัฐประชาชนจีน และมีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนให้เกิด Startup Hub ในพื้นที่ EEC โดยกิจกรรมความร่วมมือจะให้ความสำคัญกับ 3 ประเด็นประกอบด้วย
(1) การพัฒนา Startup Hub โดยเน้นศึกษาและสร้างโมเดลในการพัฒนา EEC Startup Hubและส่งเสริมสนับสนุนผู้ประกอบการสตาร์ทอัพและผู้ประกอบการธุรกิจดิจิทัลให้สามารถแข่งขันในระดับนานาชาติได้
(2) พัฒนาระบบสนับสนุนสตาร์ทอัพและผู้ประกอบการธุรกิจดิจิทัล โดยเน้นการแลกเปลี่ยนความรู้ และความเชี่ยวชาญการสร้างเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญ การพัฒนาโมเดลการสนับสนุนทางการเงิน การพัฒนากลไกการบ่มเพาะธุรกิจไปจนถึงกลไกอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในการสนับสนุนผู้ประกอบการสตาร์ทอัพและผู้ประกอบการธุรกิจดิจิทัล
(3) พัฒนากำลังคนเพื่อรองรับธุรกิจสตาร์ทอัพ และผู้ประกอบการธุรกิจดิจิทัล โดยเน้นการแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ บุคลากรผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนากำลังคนดิจิทัล ไปจนถึงการศึกษาโอกาสเพื่อร่วมกันจัดโครงการพัฒนากำลังคนดังกล่าว
บันทึกข้อตกลงฉบับที่ 3 เป็นความร่วมมือในการพัฒนาสถาบันไอโอทีและดิจิทัลพาร์คประเทศไทย (MEMORANDUM OF UNDERSTANDING ONTHE DEVELOPMENT OF DIGITAL PARK THAILAND AND IOT INSTITUTE) ระหว่าง depa และบริษัท Tus-Holdings ของสาธารณรัฐประชาชนจีน มีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมกันพัฒนาสถาบันไอโอทีและดิจิทัลพาร์คประเทศไทยให้ประสบความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม โดยเน้นกิจกรรมความร่วมมือที่มีศักยภาพ ประกอบด้วย การจัดการแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์สำหรับการพัฒนาดิจิทัลพาร์ค หรือเขตพื้นที่นวัตกรรมการแสวงหาโอกาสและความเป็นไปได้ในการลงทุนในดิจิทัลพาร์คร่วมกัน การจัดกิจกรรมส่งเสริมสนับสนุน สตาร์ทอัพและผู้ประกอบการธุรกิจดิจิทัลจากทั้งสองประเทศ การจัดโปรแกรมพัฒนากำลังคนที่เน้นกิจกรรมการพัฒนาทักษะที่จำเป็นและแลกเปลี่ยนบุคลากรผู้เชี่ยวชาญระหว่างกันและกันไปจนถึงการจัดกิจกรรมความร่วมมืออื่น ๆ ที่สนับสนุนการดำเนินการของสถาบันไอโอที และดิจิทัลพาร์ค
ทั้งนี้ บันทึกข้อตกลงทั้ง 3 ฉบับนี้มีกำหนดระยะเวลาความร่วมมือ 2 ปี และอาจกล่าวได้ว่าเป็นโอกาสสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนา EEC ในด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม ที่เกิดจากการบูรณาการความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน ภาควิชาการ ทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างแท้จริง โดยมีเป้าหมายสูงสุดในการปรับเปลี่ยนประเทศไปสู่โครงสร้างเศรษฐกิจแบบดิจิทัลบนฐานนวัตกรรมตามนโยบาลของรัฐบาล
Click Donate Support Web