WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

77อิ่มบุญ'ไหว้ 77 จว.'ชาวบ้านชื่นชม เชียร์ให้จัดอีก ได้กราบพระดัง

    ปิดฉากแล้วแบบอิ่มบุญอิ่มใจ งาน 'สบายใจไหว้ พระ 77 จังหวัด' วันสุดท้ายประชาชนร่วมงานคึกคัก ชื่นชมประทับใจมีโอกาสไหว้พระดังทั่วทุกภาคของไทยในงานเดียวกลางกรุง หนุนให้จัดบ่อยๆ'พระมหาไพรวัลย์' ขึ้นเทศน์ แอนด์ ทอล์ก มอบหลักธรรมนำชีวิตฝ่าวิกฤตปี'58 เตือนให้มีสติ คิดยาวดีกว่าคิดสั้น ละโลภ โกรธ เกลียด ย้ำสุขและทุกข์อยู่กับเราไม่นาน ด้าน'เซียนต้อย เมืองนนท์'ติวเข้มพระขุนแผน ชี้เป็นพระกู้ชาติของเหล่าทหารหาญพระนเรศวรในศึกยุทธหัตถี เผยพระในฝันของนักสะสมคือพระชุดเบญจภาคี ส่วน'หมอช้าง ทศพร'แนะเคล็ดลับดูโหงวเฮ้ง ปรับฮวงจุ้ยง่ายๆ ไม่ต้องรื้อบ้าน ไหว้พระให้ได้หลักธรรม เปรียบฮวงจุ้ยเป็นเหมือนวิตามิน ไม่ใช่อาหารหลัก ย้ำความสำเร็จอยู่ที่ตัวเราเองเป็นหลัก


สิริมงคล - ประชาชนจำนวนมากกราบไหว้พระพุทธรูปสำคัญจากทั่วประเทศ ในงาน "สบายใจไหว้พระ 77 จังหวัด" วันสุดท้าย ที่เอ็มซีซี ฮอลล์ เดอะมอลล์ บางกะปิ กทม. เมื่อวันที่ 22 มี.ค. 

วันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8881 ข่าวสดรายวัน

  

      เมื่อวันที่ 22 มี.ค. ที่ชั้น 4 เอ็มซีซีฮอลล์ เดอะมอลล์ บางกะปิ กรุงเทพฯ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศงาน "สบายใจไหว้พระ 77 จังหวัด" ซึ่งหนังสือพิมพ์ข่าวสดร่วมกับสื่อในเครือมติชน กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา บริษัท คิง เพาเวอร์ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือเอไอเอส และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-22 มี.ค. โดยวันเดียวกันนี้เป็นวันสุดท้ายว่า พุทธศาสนิกชนยังคงเดินทางมาร่วมงานอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะการเข้าสักการบูชาพระพุทธรูปองค์สำคัญ 4 องค์ จาก 4 ภาคทั่วประเทศ ได้แก่ พระพุทธสิหิงค์ หลวงพ่อพระใส พระเชียงแสน และพระพุทธโสธร

      เวลา 13.00 น. นายวิศาล เตชะวิภาค หรือ "ต้อย เมืองนนท์" รองนายกสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย เปิดติวเข้มเทคนิคดูพระขุนแผน โดยกล่าวว่า ในอดีตคติในการสร้างพระมีจุดประสงค์ต่างๆ กัน 4 อย่างคือ 1. เพื่อเป็นพุทธบูชา 2. เพื่อสืบศาสนา 3. เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ผู้วายชนม์ และ 4. สร้างไว้ใช้ คือสำหรับประชาชนหรือทหารใช้ในการรบกับข้าศึก การสร้างไว้ใช้นี้ถือเป็นการสืบศาสนาเช่นกัน เพราะคนเราเชื่อในวัตถุซึ่งมาจากศาสนาก็ทำให้คนเชื่อในศาสนาไปด้วย ส่วนความเชื่อเรื่องเครื่องรางของขลังขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน พระในฝันของนักสะสมพระเครื่องคือพระชุดเบญจภาคี 5 องค์ ได้แก่ สมเด็จวัดระฆังฯ พิมพ์ใหญ่ สร้างโดยสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) วัดระฆังฯ สร้าง พ.ศ.2409-2415 ได้รับความนิยมมากจนมีการซื้อขายในราคาแพง และมีการปลอมขึ้นมาตั้งแต่เมื่อครั้งที่สมเด็จพระพุฒาจารย์โตยังไม่สิ้นด้วยซ้ำ 2. พระกำแพงซุ้มกอ สร้างสมัยสมเด็จพระมหาธรรมราชาที่ 1 หรือพระยาลิไท กษัตริย์ในยุคสุโขทัย พ.ศ.1900 เป็นพระพุทธรูปศิลปะช่างสุโขทัยผสมลังกา พระซุ้มกอสร้างจากว่านเกสรดอกไม้มงคล 1,000 ชนิด และดินในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของจ.กำแพงเพชร ฤๅษีหลายตนช่วยกันปลุกเสก และถูกแจกจ่ายไปทั่ว จ.กำแพงเพชร เพื่อให้คนรุ่นหลังไว้ใช้หรือเป็นสิริมงคล และมีการบันทึกในใบจารเงินจารทองว่า "มีกูแล้วไม่จน"

       ต้อย เมืองนนท์ กล่าวต่อว่า 3. พระนางพญา พระวิสุทธิกษัตรี พระมารดาสมเด็จ พระนเรศวรมหาราช ทรงเป็นผู้สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยา เพื่อแจกจ่ายให้ทหารไปรบกับพม่า มี 7 พิมพ์ 4. พระผงสุพรรณ พระเจ้าอู่ทองทรงสร้างบรรจุไว้ที่วัดมหาธาตุ จ.สุพรรณบุรี ฤๅษีผู้ร่วมสร้างชุดเดียวกับที่สร้างพระซุ้มกอ เป็นพระที่มีพุทธคุณสูงและเหลือจำนวนไม่มาก เพราะสมัยก่อนคนมักเอาไปบดผสมหญ้าให้วัวชนกินเพื่อความแข็งแรง ถูกเขาคู่ต่อสู้ขวิดแทงไม่เข้า และ 5. พระรอด มี 5 พิมพ์ สร้างขึ้นสมัยพระนางจามเทวี ธิดาเมืองละโว้ที่ถูกเชิญมาปกครองเมืองหริภุญชัย สร้างขึ้นเพื่อใช้รักษาเมือง

       "นอกจากพระชุดเบญจภาคีแล้ว ยังมีพระองค์หนึ่งที่สร้างไว้ทั้งให้ใช้และให้กู้ชาติ คือพระขุนแผน มีประวัติว่าเมื่อพ.ศ.2135 พระมหาอุปราชยกทัพมาตีกรุงศรีอยุธยาทางด่านเจดีย์ 3 องค์ เมืองกาญจนบุรี สมเด็จ พระพนรัต วัดป่าแก้ว หรือมหาเถรคันฉ่อง สร้างพระขึ้นมาชุดหนึ่งเป็นตัวแทนของพระมหากษัตริย์ ไว้ให้ทหารพกติดตัว ได้แก่ พระขุนแผนทรงพลใหญ่ (ตัวแทนพระนเรศวร) พระขุนแผนทรงพลเล็ก (ตัวแทนพระเอกาทศรถ) และพระขุนแผนทรงแขนอ่อน (ตัวแทนพระสุพรรณกัลยา) แต่สมัยก่อนยังไม่เรียกว่าพระขุนแผน มหาเถรคันฉ่องยังมอบพระกริ่งและน้ำมนต์ให้พระนเรศวรติดตัวไปรบและกำชับว่าให้ใช้เมื่อจำเป็นจริงๆ ระหว่างรบช้างพระนเรศวรเกิดตกมันไปอยู่หน้ากองทัพพระมหาอุปราช เกิดศึกยุทธหัตถี ช้างพระนเรศวรถอยเกือบจะยอมแพ้ พระนเรศวรจึงนำน้ำมนต์ราดหัวช้าง เกิดความฮึกเหิมขึ้น เท้าไปยัน ตอไม้และรบชนะพระมหาอุปราชซึ่งสิ้น พระชนม์" ต้อย เมืองนนท์กล่าว


พระขุนแผน - ประชาชนจำนวนมากร่วมรับฟังเทคนิคดูพระขุนแผน จากนายวิศาล เตชะวิภาค หรือ"ต้อย เมืองนนท์"เซียนพระชื่อดัง ภายในงาน"สบายใจไหว้พระ 77 จังหวัด" ที่เอ็ม ซีซีฮอลล์ เดอะมอลล์ บางกะปิ เมื่อวันที่ 22 มี.ค.

       ต้อย เมืองนนท์ กล่าวต่อว่า จากนั้น สมเด็จพระนเรศวรยกทัพกลับและพักทัพที่ จ.สุพรรณบุรี โดยให้ทหารนำพระทุกองค์ออกมานับ เพื่อดูว่ามีทหารเสียชีวิตไปกี่คน จากนั้นมีการสร้างเจดีย์และเก็บพระทั้งหมดไว้ เรียกว่าเจดีย์วัดบ้านกร่าง 400 ปีต่อมา เจดีย์วัดบ้านกร่างแตก พบจารระบุว่าเจดีย์สร้างในพ.ศ.2315 พระที่พบเคยผ่านการใช้มาแล้ว บางองค์อยู่ในผ้าประเจียด บางองค์หัก จึงถือว่าเป็นพระกู้ชาติ ต่อมาพระนเรศวรเสด็จกลับกรุงศรีอยุธยา สั่งให้มหาเถรคันฉ่องสร้างพระขึ้นมาอีก โดยใช้บล็อกพระชุดเดิมแต่วัสดุคนละชนิดกัน เรียกว่าพระขุนแผนเคลือบ เพื่อระลึกว่าเป็นพระกู้ชาติ แล้วนำพระไปบรรจุไว้ที่วัดใหญ่ชัยมงคล จ.พระนครศรีอยุธยา และวัดอื่นๆ อีกหลายวัด สำหรับที่มาของชื่อพระขุนแผนนั้นเป็นตำนานสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ซึ่งห่างจากสมัยสมเด็จพระนเรศวรเป็นร้อยปี แต่ภายหลังคนที่เจอพระขุนแผนครั้งแรกเห็นว่าพระมีรูปร่างสะโอดสะอง เป็นพระเอก ประกอบกับสมัยนั้นมีการขับเสภาขุนช้างขุนแผนจึงเรียกว่าพระขุนแผนนับแต่นั้นมา ทำให้ความหมายคลาดเคลื่อน คนเข้าใจผิด

       "ลักษณะของพระขุนแผนจะมีขนนกอยู่ที่พระมาลา เป็นเทคนิคของช่างที่พยายามประดิดประดอยเครื่องทรงของพระนเรศวรให้ออกมาสวยงาม พระขุนแผนเคลือบมี 3 พิมพ์ คือพิมพ์ฐานสูง (ตัวแทนพระนเรศวร) พิมพ์ฐานเตี้ย (ตัวแทนพระเอกาทศรถ) และพิมพ์แขนอ่อน (ตัวแทนพระสุพรรณกัลยา) ราคาสูง ส่วนพระขุนแผนวัดบ้านกร่าง พิมพ์อกใหญ่ มีมากแต่ไม่แพงมาก เมื่อ 5 ปีก่อนราคา 200,000 บาท ปัจจุบันมีคนเช่าในราคา 2,500,000 บาท" 

      จากนั้นเวลา 14.00 น. มีกิจกรรมเสวนา "เช็กดวง 12 ราศี ปี 2558" เรื่อง "ปรับ ฮวงจุ้ยห้องพระ สร้างวาสนา เสริมบารมี" โดยหมอช้าง ทศพร ศรีตุลา นักพยากรณ์ชั้นแนวหน้าของไทย ได้รับความสนใจจากประชาชนจำนวนมาก หมอช้างกล่าวว่า ฮวงจุ้ยเป็นศาสตร์อายุกว่า 4,000 ปี เป็นเรื่องการสร้างความสมดุล ทั้งจากที่ทำงานหรือที่อยู่อาศัย บางคนเข้าใจผิดว่าต้องมีสิงห์คาบดาบติดหน้าบ้าน แต่จริงๆ แล้วฮวงจุ้ยมีอะไรมากกว่านั้น ฮวงคือลม จุ้ยหมายถึงน้ำ ที่ไหนมีลมดีๆ คือมีโชค บางร้านขายของดีมาก ลมดีแต่สิ้นเดือนไม่เหลือเงินเลย ดังนั้น มีลมต้องมีน้ำด้วย จะจัดฮวงจุ้ยในบ้านน้ำที่ดีต้องเป็นน้ำที่เคลื่อนไหว หากจัดฮวงจุ้ยดี 1 ปีรวย 10 เท่า แต่ฮวงจุ้ยเป็นเหมือนวิตามิน ไม่ใช่อาหารหลัก ความสำเร็จอยู่ที่ตัวเราเองเป็นหลัก 

      "อาจารย์ดูฮวงจุ้ยหลายท่านสร้างความเดือดร้อนเยอะมาก ลูกค้าหลายคนถูกรื้อบ้านแทบทั้งหลัง แต่ถ้าคนที่ศึกษาสามารถปรับ ฮวงจุ้ยเองได้โดยไม่ต้องรื้อบ้าน ฮวงจุ้ยดูได้จากโหวงเฮ้งหรือรูปลักษณ์ใบหน้า อย่างคนธาตุไฟ ราศีเมษ สิงห์ และธนู การแต่งตัว สีเสื้อ ทรงผม ต้องเห็นได้ชัดเจน หน้าผากเป็นพลังของธาตุไฟ ดังนั้น 3 ราศีนี้ต้องเปิดหน้าผากให้พลังธาตุไฟออกมา สำหรับบ้านหรือรถต้องดูที่ผู้ใช้ผู้อยู่อาศัย ไม่เกี่ยวกับนิติกรรมหรือว่าทรัพย์สินนั้นเป็นชื่อใคร ห้องพระ ความเยอะ แพง เก่า ไม่เกี่ยว อยู่ที่ความเหมาะสม ส่วนเบอร์โทรศัพท์หลายคนเปลี่ยนกันเป็นว่าเล่น ค่าเบอร์บางคนจ่ายหลักหมื่นหลักแสน หลายคนเชื่อว่าเลข 9 ใช้แล้วรวย แต่จริงๆ ท่านรวยถึงได้ใช้ อย่างไรก็ตามสำหรับเบอร์โทรศัพท์ที่ไม่ควรมี ได้แก่ เลข 0 ไม่ควรมีในสี่ตัวท้ายๆ ชีวิตจะวุ่นวาย เลข 7 เลขแห่งความล่าช้า เลข 3 อุบัติเหตุ การผ่าตัด ควรมีเลข 5 ความมั่นคง เลข 6 ความสุข และเลข 8 ความร่ำรวย หรือเลข 4 เหมาะกับคนค้าขาย ส่วนเลขอื่นๆ เป็นเลขกลางๆ ขึ้นอยู่กับไปติดกับเลขไหน เช่น 1 กับ 3 คนเชื่อว่าจะไม่ดี" หมอช้างกล่าว

       นักดูฮวงจุ้ยชั้นแนวหน้าของไทยกล่าวต่อว่า ส่วนห้องพระหรือเรียกว่าแท่นบูชา เป็นพลังหยิน เป็นความสงบ บางบ้านฮวงจุ้ยห้องพระไม่เหมาะสม ทำให้บ้านวุ่นวาย ห้องพระเป็นประธานของบ้าน เคารพอะไรให้จัดวางสิ่งนั้นในที่เหมาะสม การวางไม่มีผิดถูก อาศัยในคอนโดฯ ก็มีที่เหมาะสมได้ ส่วนการจัดวางให้ลืมเรื่องทิศไปก่อน เพราะหากยึดถือมากทางเลือกจะน้อย แต่ทิศไหนหันแล้วไม่สบายใจ เช่น ทิศตะวันตก ก็อย่าทำ ส่วนการจุดธูปแม้เป็นตัวแทนของศีล หรือความดี แต่ถ้าไม่สะดวกไม่จำเป็นต้องทำก็ได้ ช่วงนี้ใกล้วันสงกรานต์ เป็นโอกาสดีที่จะทำความสะอาดหิ้งพระและสรงน้ำพระ "ห้องพระสำคัญมากในฮวงจุ้ย ความสุขที่แท้จริงเกิดจากภายในบ้านของเรา ถ้าช่วงไหนรู้สึกไม่ดี มีปัญหา ให้เข้าไปไหว้พระในห้องพระในบ้านของท่านเอง เอาใจใส่กับสิ่งที่เราเคารพบูชา ย้ำว่าทุกครั้งที่กราบพระควรนั่งอย่างถูกวิธี คือผู้ชายให้นั่งท่าเทพบุตร ผู้หญิงนั่งท่าเทพธิดา นิ้วโป้งจรดกึ่งกลางหน้าผาก คำอธิษฐานจะเป็นจริงสมหวังหรือไม่อยู่ตรงนี้ นอกจากไหว้พระแล้วยังต้องได้หลักธรรมกลับมาด้วย

         ต่อมาเวลา 17.00 น. พระมหาไพรวัลย์ วรวัณโณ วัดสร้อยทอง ร่วมเทศน์แอนด์ทอล์กในหัวข้อ "หลักธรรมนำชีวิต ฝ่าวิกฤตปี 2558" ว่า ทุกข์ปัจจุบันซับซ้อน เนื่องมาจากปัญหาสังคม ไม่เฉพาะชาวบ้านพระเองก็ยังทะเลาะกัน ล่าสุดพระ 2 รูปบิณฑบาตแล้วทะเลาะกันเพราะแย่งสายการบิณฯ กัน เถียงกัน ใช้ฝาบาตรตีกัน ทั้งที่จริงการบิณฑบาตไม่มีเจ้าของ หากญาติโยมศรัทธาเขาก็นิมนต์เอง สังคมวิกฤตขนาดแย่งญาติโยมกัน น่าคิดว่าพอถึงวิกฤตหรือปัญหาทางสังคมคำสอนพระพุทธเจ้าช่วยอะไรไม่ได้เลยหรือ พอสังคมมีปัญหา คนทำมาหากินไม่ได้ก็ไปหาทางออกด้วยการรวยทางลัด ไปซื้อน้ำมาดื่มส่งฝาชิงโชค กินปกติไม่มีปัญหา แต่บางคนกินเป็นลัง ได้เบาหวานก่อนได้รถเบนซ์ บางคนถึงกับขโมยฝาในร้านสะดวกซื้อ หรือข่าวพระถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 แล้วลอตเตอรี่หาย เกิดขึ้นเพราะความอยาก เหมือนคำนายกฯ ที่พูดว่าวุ่นวายกันไปหมดทั้งพระทั้งฆราวาส ซึ่งก็จริงอย่างที่ว่า

        "จะทำอย่างไรจึงจะผ่านวิกฤตให้ได้ พระพุทธเจ้าบอกว่าให้คิดยาว ให้รอบคอบ จะตัดสินใจแก้ปัญหาได้ แต่คนสมัยนี้คิดสั้นลงเรื่อยๆ หาทางออกด้วยการฆ่าตัวตาย น้อยใจอะไรหน่อยก็ฆ่าตัวตายจบปัญหา คนตายไปหมดทุกข์ แต่คนที่ยังมีชีวิตอยู่นี่ยุ่งเลย ลูกฆ่าตัวตายพ่อแม่แทบไม่อยากอยู่ เพราะฉะนั้นคิดให้เยอะๆ ยาวๆ ทำไมลมหายใจจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะคนเราหายใจเข้าจึงอยู่รอด หายใจออกจึงอยู่รอด ถ้าทำอย่างใดอย่างหนึ่งเพียงอย่างเดียวคือตาย พระพุทธเจ้าสอนเรื่องการหายใจเพื่อให้คนมีสติ รู้ว่าจะคิดจะทำอะไร คนสมัยนี้ไม่มีสติจึงเป็นปัญหา พูดก่อนทำก่อนแล้วค่อยคิดและมาเสียดายทีหลัง หลวงพ่อพยอมบอกว่าอย่ามัวหวนละห้อยความหลัง อย่าพะวงอนาคต หลายคนคิดแต่จะไปแก้ไขอดีต ด้วยการสแกนกรรม สะเดาะเคราะห์ ถามว่าอยากไปรู้ทำไม เรื่องดวงก็เหมือนกัน ดูแล้วดวงไม่ดีก็มีปัญหา ดูแล้วดวงดีก็ประมาท" พระมหาไพรวัลย์กล่าว

       พระมหาไพรวัลย์เทศน์ต่อว่า การปฏิบัติธรรมทำได้ทุกที่ การทำหน้าที่ให้ดีก็เป็นการปฏิบัติธรรมได้ เราอยู่กับลมหายใจไม่ได้อยู่กับสิ่งอื่น เคยถามตัวเองหรือไม่ว่าหายใจเอาอะไรเข้าไป ความโลภ ความอยาก ความโกรธ เกลียด เคียดแค้นชิงชัง ความหลง พอเอาเข้าไปสะสมมากๆ ก็เหมือนมลพิษ สุดท้ายมะเร็งกิน เมื่อความอยากสะสมในความรู้สึกนึกคิดสุดท้ายก็จะระเบิดออกมา พูดหรือทำแต่สิ่งที่เห็นแก่ได้ ไม่คิดถึงคนอื่น ท่านพุทธทาสบอกว่าความเห็นแก่ตัวเป็นบิดาของความชั่วทุกชนิด ชีวิตคนเรามันน้อย อย่าไปคิดว่าเยอะ หลับตาเดี๋ยวเดียวผมหงอกแล้ว อย่าไปโกรธเกลียดใครถ้าไม่จำเป็น ทั้งทุกข์และสุขเป็นของจร เดี๋ยวมาเดี๋ยวไป ชีวิตที่มีแต่ความสุขมันจะใช่ชีวิตหรือ ความทุกข์สอนอะไรเราได้เยอะ อย่าไปรังเกียจรังงอนมัน ต้อนรับมันให้เหมือนต้อนรับความสุข เพราะเดี๋ยวมันก็ไป แต่ก่อนมันไปให้ได้บทเรียนจากความทุกข์บ้าง ความจนไม่ใช่ของน่าเกลียด ไม่ต้องไปอวดอ้างแข่งขันกันรวย สิ่งที่พูดขอให้รับเอาไปใช้ฝ่าวิกฤต ต้องมีสติ คิดยาวดีกว่าสั้น ต้องอดทน มานะบากบั่น รู้จักอยู่กับความทุกข์ให้ได้ เกิดมาเป็นคนดีขนาดไหน มีสติปัญญา ถ้าทนความทุกข์ไม่ได้จะเกิดมาทำไม 

      สำหรับ กิจกรรมส่งท้ายงาน'สบายใจไหว้พระ 77 จังหวัด'เป็นการสาธิตการฝึกสมาธิด้วยเสียงดนตรี โดยมีอาจารย์ดุษฎี พนมยงค์ เป็นวิทยากร อาจารย์ดุษฎีกล่าวว่า ได้ยึดคำสอนของท่านพุทธทาสที่บอกว่าดนตรีฝึกจิตและสมาธิได้ แต่ต้องเป็นดนตรีที่ไม่เร้ากิเลสหรือมีความหมายเร้าใจ ดนตรีมีอิทธิพลต่อทั้งคน สัตว์ และพฤกษชาติ ดนตรีที่แท้จริงทำให้สงบนิ่ง "ดนตรีที่จะใช้ฝึกสมาธิได้ต้องประกอบด้วยลักษณะ 5 ประการ คือ ไพเราะ เนื้อหาสร้างสรรค์ จังหวะสม่ำเสมอ หากมีเสียงประสานต้องกลมกลืน และคลื่นความถี่อยู่ที่ 40-50 เดซิเบล การฟังเพลงต้องควบคู่ไปกับการกำหนดลมหายใจ โดยหายใจเข้าให้นึกถึงความรัก หายใจออกนึกถึงการให้" อาจารย์ดุษฎีกล่าว พร้อมยกตัวอย่างเพลงสากลในจังหวะแทงโก้ เพลงไทยเดิม และเพลงประสานเสียง ก่อนสาธิตวิธีการกำหนดลมหายใจ 3 แบบ จากบทเรียนกว่า 20 บทในหลักสูตรการฝึกสมาธิด้วยดนตรีให้ผู้ร่วมงานทดลองทำตามด้วย

      ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่านอกจากกิจกรรมบนเวทีแล้ว ประชาชนยังสนใจชมและเลือกซื้อสินค้าโอท็อปตามบูธต่างๆ พร้อมร่วมสนุกรับสูจิบัตรสะสมสติ๊กเกอร์แผ่นทอง 6 จุดในงาน แลกรับของที่ระลึกวัตถุมงคล โดยผู้เข้าชมงานทุกคนจะได้รับบทสวดมนต์ประจำวันเกิดและร่วมเวิร์กช็อปธรรมะ พร้อมสักการบูชาพระพุทธรูปที่มีชื่อเสียงและสิ่งศักดิ์สิทธิ์จาก 77 จังหวัด รวมถึงพระพุทธรูปองค์จำลอง 4 ภาค ได้แก่ พระพุทธสิหิงค์ หลวงพ่อพระใส พระพุทธโสธร และพระเชียงแสน พร้อมเก็บภาพเป็นที่ระลึกส่งท้าย 

     กระทั่งเวลา 20.00 น. หลังปิดงานคณะจัดงานเปิดกล่องรับบริจาคหน้าองค์พระพุทธรูปจำลองทั้ง 4 ใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง เพื่อนับยอดเงินบริจาคทั้งหมด รวมได้จำนวน 200,309 บาท เงินบริจาคทั้งหมดจะเฉลี่ยนำไปถวายแก่วัดที่พระพุทธรูปทั้ง 4 องค์ประดิษฐานอยู่ เพื่อใช้ตามวัตถุประสงค์ของทางวัดต่อไป

    นางระพีภรณ์ ขำตรี อายุ 49 ปี ซึ่งเดินทางมาจาก จ.สมุทรปราการ พร้อมสามีและลูกสาว เล่าว่า ตั้งใจมาร่วมงานนี้เพราะเห็นว่าเป็นโอกาสดีที่จะได้ไหว้พระ 77 จังหวัด ส่วนตัวเป็นคนชอบทำบุญไหว้พระ โดยเฉพาะ วัดใน จ.อ่างทอง และ จ.พระนครศรีอยุธยา พอมาเห็นงานแบบนี้รู้สึกว่าสะดวกดีที่ผู้จัดนำพระมาให้ประชาชนสักการบูชาโดยไม่ต้องเดินทางไปไกลๆ ประทับใจมาก โดยเฉพาะพระ 4 องค์ จาก 4 ภาค ที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน นอกจากได้ไหว้พระแล้วยังได้ทำบุญใส่บาตรพระประจำวันเกิดและถ่ายรูปกับบอร์ดที่จัดไว้ให้ ภาพออกมาสวยมาก ถ้าจัดแบบนี้บ่อยๆ น่าจะดี

     ด้านนายชัยวัฒน์ สุวิชานกุล อายุ 38 ปี หนึ่งในผู้ร่วมงานวันสุดท้าย กล่าวว่า งานน่าสนใจมาก เพิ่งทราบจากพี่ชายที่มางานเมื่อวานว่าที่นี่จัดงานไหว้พระ 77 จังหวัด เป็นงานที่ดี เพราะปกติคนกรุงเทพฯ ไม่ค่อยสะดวกไปวัดตามต่างจังหวัดไกลๆ การจัดแสดงพระดังๆ จากต่างจังหวัดทำให้คนเข้าถึงมากขึ้น อย่างพระเชียงแสนก็มาไกล ส่วน หลวงพ่อโสธรนั้นค่อนข้างรู้จักกันดีอยู่แล้ว การจัดงานแบบนี้ซึ่งอยู่ในช่วงก่อนถึงเทศกาลสงกรานต์ไม่ทราบว่าผู้จัดตั้งใจหรือไม่ แต่คิดว่าถ้างานนี้เปิดให้คนที่มาเที่ยวได้สรงน้ำพระล่วงหน้าก่อนสงกรานต์ด้วยเลยจะดีมาก

     น.ส.ปานบัว บุนปาน รองกรรมการ ผู้จัดการ สายการตลาด บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า พอใจผลตอบรับจากการจัดงานครั้งนี้ ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดท้ายมีคนเข้าชมงานตลอด โดยเฉพาะวันสุดท้ายคนแน่นมาก ร้านค้าที่มาออกร้านขายของได้ บูธที่เชิญมาร่วมงานเองก็พอใจ ประชาชนสนใจเข้าชมทุกบูธ สำหรับความเป็นไปได้ในการจัดงานครั้งต่อไปจากที่ไม่คิดว่าจะจัดต่อเนื่องคงกลับไปทบทวน อาจจะจัดอีกครั้งช่วงหลังออกพรรษา หรือปลายปี โดยจะปรับรูปแบบให้มีกิจกรรมหลายหลายขึ้น หรืออัญเชิญพระพุทธรูปองค์อื่นๆ มาเพิ่ม รวมทั้งโบราณวัตถุ ของมีค่า หรือพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจจากจังหวัดต่างๆ มาแสดง โดยจะยังคงเลือกสถานที่จัดในห้างสรรพสินค้าเหมือนครั้งนี้ เพราะเห็นแล้วว่าคนเดินทางมาสะดวกและอาจเพิ่มเวลาจัดงานให้นานกว่านี้

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!