- Details
- Category: ศาสนา
- Published: Saturday, 07 March 2015 12:53
- Hits: 4173
วันที่ 07 มีนาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8865 ข่าวสดรายวัน
ยุบแล้วกก.ชุดไพบูลย์-ผวาพลังสงฆ์ ยอมถอย ยุติปฏิรูป เรียกสอบ ธัมมชโย 10 มีนาฯ
ยุบแล้ว- นายไพบูลย์ นิติตะวัน สปช. แถลงยุบคณะกรรมการปฏิรูปพุทธศาสนา โดยระบุมีแรงทักท้วงมาก และการทำงานบรรลุเป้าหมายแล้ว ก่อนสรุปรายงานผลการศึกษาให้นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธานสปช. พิจารณา ที่รัฐสภา เมื่อวันที่ 6 มี.ค. |
สปช.คนดัง'ไพบูลย์ นิติตะวัน'เก็บฉาก ผวาพลังพระสงฆ์ทั่วประเทศ ยุติคณะกรรมการปฏิรูปพุทธฯ แถลงอ้างทำงานเสร็จแล้ว ทำรายงานเสนอ"เทียนฉาย"ให้พิจารณา ด้านคณะสงฆ์ไม่ไว้วางใจ เรียกประชุมด่วนคณะทำงานจับตา-ดูท่าทีว่าถอยจริงหรือไม่ วิษณุเรียกถกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับคดียกยอกทรัพย์สหกรณ์ เผยวันที่ 16 มี.ค.นี้จะมีการไกล่เกลี่ย ขณะที่ดีเอสไอได้ข้อสรุปเรียกสอบ 4 รายภายในสัปดาห์หน้า ทั้งธัมมชโย พระลูกวัดพระธรรมกายอีก 2 รวมทั้งฆราวาสอีก 1 คน
เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 6 มี.ค. ที่รัฐสภา นายไพบูลย์ นิติตะวัน ประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) แถลงยุติบทบาทของคณะกรรมการฯ ว่า ตามที่ประธานสปช.ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการดังกล่าวเมื่อเดือนก.พ. โดยให้มีหน้าที่วิเคราะห์ประเด็นปัญหาของพุทธศาสนา 4 ประการ 1.ศาสนสมบัติของวัดและของพระภิกษุสงฆ์ 2.ปัญหาของพระสงฆ์ที่ไม่ประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมวินัย 3.การทำให้พระวินัยวิปริต 4.เรื่องของฝ่ายอาณาจักรที่ต้องเข้าไปสนับสนุนปกป้องกิจการของฝ่ายศาสนจักร ขณะนี้คณะกรรม การได้ศึกษาปัญหาตามหน้าที่เสร็จสิ้นแล้ว โดยได้ประชุมถึง 5 ครั้ง เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจง ทั้งสำนักงานพระพุทธศาสนา คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) ตลอดจน ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งถือว่าได้ข้อมูลครบถ้วนรอบด้านแล้ว จึงได้ทำหนังสือสรุปรายงานผลการศึกษาถึงนายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธานสปช. ลงวันที่ 6 มี.ค. ได้รับทราบแล้ว ถือว่า ภารกิจได้บรรลุเป้าหมายทุกประการที่เป็นปัญหาในสังคม ทำให้พุทธศาสนิกชนและพุทธบริษัทเกิดความตื่นตัว มีส่วนร่วมในการออกมาปกป้องพิทักษ์พุทธศาสนาแล้ว ถือว่าได้ผลเกินความคาดหมาย คณะกรรมการได้ทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์แล้ว ซึ่งจะเน้นไปที่การบังคับใช้กฎหมาย และการปรับปรุงกฎหมายให้มีความถูกต้องมากขึ้น
เมื่อถามว่า คณะกรรมการชุดนี้ยุติการศึกษาแล้วใช่หรือไม่ นายไพบูลย์กล่าวว่า ปิดจ๊อบแล้ว เนื่องจากที่ผ่านมามีแรงทักท้วงมาก แม้ประธานสปช.จะเห็นว่าให้เดินต่อไป แต่คณะกรรมการชุดนี้ก็เห็นว่าเมื่อทำงานบรรลุเป้าหมายก็ไม่ควรเดินหน้าต่อ เพราะผลประโยชน์ที่ได้รับจะน้อยกว่า และประธานสปช.อาจถูกต่อว่าได้ แต่ในฐานะอดีตประธานคณะกรรมการก็จะสนับสนุนทำหน้าที่ติดตามตรวจสอบต่อไปในรูปแบบเครือข่ายของสปช. ทำหน้าที่ในส่วนของฆราวาส เบื้องต้นก็จะติดตามกรณียักยอกเงินสหกรณ์เงินคลองจั่นและการกลั่งแกล้ง พระภิกษุไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการปกครองของสงฆ์
ที่กองปราบปราม พระมหาโชว์ ทัสสนีโย ที่ปรึกษาสมาคมนักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนา และผศ.ดร.เสถียร วิพรมหา นายกสมาคมนักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนา ได้เข้าพบ ร.ต.ท.วีรยุทธ ไชยสุระ พนักงานสอบสวน กก.1 กองปราบปราม เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษพระสุวิทย์ ธีรธัมโม หรือพุทธอิสระ กรณีนำมวลชนไปบุกรุกวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นที่พำนักของ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เหตุเกิดเมื่อวันที่ 21 ก.พ.
นายเสถียร กล่าวว่า พุทธอิสระมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ทั้งการแสดงออกผ่านเฟซบุ๊ก และนำมวลชนไปคุกคามสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช โดยนำสังฆทาน ที่บรรจุสิ่งของไม่เหมาะสม อาทิ กางเกงใน และดอกไม้จันทร์ เข้าไปภายในวัด จึงต้องการให้สืบสวนสอบสวนและดำเนินคดี
พระมหาโชว์ กล่าวว่า การกระทำของพระสุวิทย์ มีความจงใจที่จะทำเรื่องที่ไม่เหมาะสมหลายๆ เรื่อง เช่น การปลุกระดมมวลชนจำนวนมาก พากันเข้าไปข่มขู่คุกคามผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช มีการใช้คำพูดกล่าวร้าย หรือให้ร้าย ตามที่ปรากฏใน เฟซบุ๊กของพระสุวิทย์ ซึ่งหลายครั้งพบว่ามีการใช้ถ้อยคำที่รุนแรง และก่อให้เกิดความแตกแยกอย่างรุนแรงในสังฆมณฑล อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
พระมหาโชว์ ยังกล่าวต่ออีกว่า นอกจากนี้การที่พระสุวิทย์นำเอาสิ่งของสกปรก ที่ไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นกางเกงในที่ใช้แล้ว ผ้าอนามัย หรือ ดอกไม้จันทน์ ซึ่งอ้างว่าเป็นของสังฆทานที่จะนำไปถวาย ถือเป็นการลบหลู่ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช อย่างร้ายแรง เป็นการกระทำที่ไม่เกรงกลัวต่อบาป และละอายแก่ใจในความเป็นสมณะ ซึ่งในวันดังกล่าวยังมีการส่งกำลังทหารมีอาวุธครบมือเข้าไปที่วัดปากน้ำ ก็ยังเป็นการกระทำที่ไม่สมควรอีกด้วย จึงเห็นว่าพุทธอิสระเข้าข่ายอาบัติปาราชิกแล้ว ตั้งแต่การขัดขวางการเลือกตั้งและการนำมวลชนไปยังโรงแรมเอสซีปาร์ค เพื่อเรียกรับเงิน
"ดังนั้น ตนในฐานะพุทธบริษัท เห็นว่า การกระทำของพระสุวิทย์ น่าจะเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 มาตรา 44 ทวิ และ มาตรา 44 ตรี จึงขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวน หากพบความผิดก็ขอให้ดำเนินคดีตามกฎหมายด้วย เพื่อช่วยกันปกป้องพุทธศาสนา มหาเถรสมาคม พระมหาเถระ และคณะสงฆ์" พระมหาโชว์ระบุ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนายไพบูลย์ แถลงยุติการดำเนินการของคณะกรรมการปฏิรูปฯ พระพุทธศาสนา โดยอ้างว่าปฏิบัติภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว ทั้งนี้ สมาคมนักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนา (สนพ.) นำโดยนายเสถียร วิพรมหา รักษาการนายก สนพ. และพระเมธีธรรมาจารย์ (ประสาร จันทสาโร) ที่ปรึกษา สนพ. พร้อมองค์กรทางพระพุทธศาสนาหลายแห่ง ยังคงไม่แสดงความคิดเห็นต่อกรณีที่เกิดขึ้น แต่จะเรียกประชุมโดย เร็วที่สุด เพื่อขอดูท่าทีของรัฐบาล และ สปช.เสียก่อน ถึงการยุบคณะกรรมการดังกล่าว เป็นความจริงแท้หรือเพียงเป็นการซื้อเวลาหรือไม่ คาดว่าจะใช้เวลาไม่นาน จะสรุปแนวทางการเคลื่อนไหวของ สนพ. และองค์กรทางพระพุทธศาสนา ต่อไป
ก่อนหน้านี้ สนพ.ยืนยันเรียกร้องให้ยุบคณะกรรมการปฏิรูปฯ พระพุทธศาสนา หากรัฐบาล และ สนช.ยังคงนิ่งเฉย จะนิมนต์พระสงฆ์และฆราวาสจำนวนมาก ร่วมชุมนุม ในวันพฤหัสบดีที่ 12 มี.ค. 2558 ที่บริเวณท้องสนามหลวง
วันเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวระหว่างเป็นประธานเปิดงานเนื่องในงานวันสตรีสากล ประจำปี 2558 ที่ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี ช่วงหนึ่งว่า ข้อพิพาทระหว่างพระกับฆราวาสนั้นฝากตำรวจดูด้วยว่า ห้ามให้มีพระเดินขบวน ฆราวาสไปแก้ปัญหาของฆราวาส สงฆ์ไปแก้ปัญหาของสงฆ์ ทะเลาะกันแล้วจะให้ตนไปห้ามแล้วจะทำอย่างไร
เมื่อเวลา 13.00 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการกรณีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด ประกอบด้วย กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กรมส่งเสริมสหกรณ์กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ และตัวแทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติหารือและรายงานความคืบหน้าในการดำเนินคดีกับผู้บริหารสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น โดยใช้เวลาพูดคุยนานกว่า 3 ชั่วโมง จากนั้น นายวิษณุเปิดเผยว่า ในการหารือได้สอบถามความ คืบหน้าการดำเนินงานที่มอบหมายไปก่อนหน้านั้น โดยจุดยืนคือต้องการตรวจสอบความโปร่งใสในสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนฯ เพื่อขยายผลไปถึงผู้เกี่ยวข้องหากพบว่ามีความผิดจะต้องดำเนินคดี หากไม่เป็นความผิดทุกอย่างก็แล้วไป จากการรายงานทราบว่าสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนฯ มีเรื่องที่เป็นคดีอาญาและอยู่ระหว่างขั้นตอนการดำเนินการของชั้นพนักงานสอบสวน และชั้นพนักงานอัยการ แต่ยังไม่ถึงขั้นฟ้องต่อศาล ซึ่งเป็นการดำเนินคดีกับนายศุภชัยกับพวกหลายคน รวมเป็นคดีอาญาทั้งหมด 3 คดี ทั้งความ ผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ยักยอกทรัพย์ ส่วนคดีแพ่ง ซึ่งทางสหกรณ์ฯฟ้องเรียกเงินจากนายศุภชัยกับพวก อีกจำนวน 3 คดี โดยศาลจะนัดพิจารณาในช่วงปลายเดือนเม.ย.นี้
นายวิษณุ กล่าวว่า ส่วนกรณีที่สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนฯ ดำเนินคดีกับวัดพระธรรมกายนั้น รวมถึงพระสงฆ์จำนวนหลายรูป ถือเป็นอีกคดีในจำนวนหลายคดี ซึ่งทางโจทก์คือสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนฯ และจำเลยได้ตกลงรับข้อเท็จจริงในการฟ้องร้องและเรียกเงินในส่วนที่เกี่ยวข้องกับวัดพระธรรมกาย จำนวน 684 ล้านบาท จากเดิมจำนวนเงินที่ฟ้องร้องนั้น มีจำนวนมากกว่านี้ การฟ้องว่าพระรูปใดเป็นรับเงินไปนั้นมีแถลงแล้วว่า การที่ให้พระ ก. ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับทางวัด จึงต้องเรียกคืนจากพระ ก.เอง ทั้งนี้ในวันที่ 16 มี.ค.นี้ ทั้งหมดจะต้องไปศาลเพื่อตกลงที่ศาลอีกครั้งว่า ตัวเลขที่ฟ้องทางวัดจะทำอย่างไรต่อไป
"วัดจะต้องคืนหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ขณะนี้ตัวเลขนิ่งอยู่แค่นี้ ถ้าวัดบอกว่าได้รับเงินมาโดยสุจริตก็เป็นส่วนหนึ่ง หรือวัดได้รับเงินมาโดยรู้ว่าเงินมาจากไหน ซึ่งจะรู้หรือไม่ หรือจะคืนหรือไม่คืน เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ต้องไปพูดกันวันที่ 16 มี.ค. นอกจากนี้ผมทราบมาว่าทางวัดพระธรรมกาย กำลังเตรียมที่จะตั้งกองทุนเพื่อหาเงินมาคืน ดังนั้นในวันที่ 16 มี.ค. ต้องดูว่าเขาจะไปตกลงกันอย่างไร เพราะเป็นการตกลงกันเองและตกลงต่อหน้าศาล" นายวิษณุกล่าวและว่าวันนี้เรื่องเร่งด่วนที่สุดก็คือ ต้องหาทางนำเงินกลับมาคืนสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนฯ เพื่อจะชดใช้ให้แก่สมาชิกสหกรณ์โดยเฉพาะสมาชิกรายย่อย
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้สอบถามไปยังพนักงานสอบสวนหรือไม่ว่าเพราะเหตุใดคดีดังกล่าวจึงล่าช้า นายวิษณุกล่าวว่า ขณะนี้จำเลยยังไม่ตกเป็นคดีอาญา กำลังอยู่ในกระบวนการทางคดีอาญา โดยอาจเป็น ผู้ต้องหาแล้วได้รับการประกันตัวออกมา จึงไม่ได้ถูกควบคุมตัว ซึ่งเมื่อเข้าสู่กระบวนการแล้ว ก็ต้องว่ากันไปตามกระบวนการ ตาม พยานหลักฐานและอะไรหลายอย่าง
เมื่อถามถึงกรณี ที่ดีเอสไอนิมนต์พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย มาให้ปากคำ นายวิษณุกล่าวว่า เป็นส่วนของดีเอสไอที่จะเนินการโดยได้แถลงแล้วว่าจะดำเนินการออกหมายเรียก ซึ่งกระบวนการมีอยู่ เรื่องนี้ทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องต่างได้เร่งรัดในการทำงาน
เมื่อถามถึงกรณีที่คณะสงฆ์เตรียมออกมาเคลื่อนไหวหากไม่ยกเลิกกรรมการปฏิรูปพุทธศาสนา นายวิษณุกล่าวว่า ได้รับรายงานเรื่องนี้เป็นระยะแต่ไม่อยากจะพูดอะไร คิดว่านาทีนี้คงทำความเข้าใจกันได้แล้ว ถึงแม้จะไม่มีคนกลางก็ตาม หลังจากที่ประกาศยุบคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ ที่มีนายไพบูลย์เป็นประธานเรื่องก็จะเบาลงไปในระดับหนึ่ง
ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น หลักสี่ นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จัดการแถลงข่าวกรณีการตรวจสอบเส้นทางการเงินของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น เกี่ยวข้อง กับวัดพระธรรมกาย หลังถูกกล่าวหาว่าเป็น ผู้ยักยอกเงินสหกรณ์ฯ
นายศุภชัยชี้แจงว่า ตนไม่ได้ผู้กระทำความผิดตามข้อกล่าวหาแต่อย่างใด โดยเงินที่นำมาบริจาคให้วัดพระธรรมกายจำนวน 386 ล้านบาท และที่บริจาคให้พระธัมมชโยจำนวน 248 ล้านบาท เมื่อปี 2552 และ 2553 เพื่อใช้ในการสร้างศาสนสถานนั้น เป็นเงินที่ได้ยืมจากสหกรณ์ฯโดยถูกต้องตามระเบียบและได้คืนเงินที่ยืมมาจำนวนดังกล่าวให้แก่สหกรณ์ฯเสร็จสิ้นแล้ว ดังผลการสอบบัญชีประจำปีและที่ประชุมใหญ่ของสหกรณ์ฯ
ส่วนเรื่องการทำบุญให้วัดพระธรรมกายและพระธัมมชโยนั้น นายศุภชัยกล่าวว่า มิได้นำไปบริจาคหรือถวายให้หลวงพ่อโดยลำพังสองต่อสอง แต่ได้บริจาคเงินดังกล่าวเป็นเช็คใส่ซองและใส่ในถุงทองอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งได้เข้าแถวบริจาคเหมือนสาธุชนทั่วไปที่ถวายในพานรับประเคน มีเจ้าหน้าที่ของวัดเป็น ผู้เก็บถุงทองและซองบริจาคไปดำเนินการ โดยที่หลวงพ่อไม่ทราบได้ว่าเงินที่บริจาคนั้นเป็นจำนวนเท่าใด วัดพระธรรมกายและพระธัมมชโย ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น
หลังแถลงข่าวนายศุภชัยได้ตอบข้อซักถามโดยยอมรับว่า เคยเป็นไวยาวัจกรของวัดพระธรรมกาย แต่ทางวัดไม่ทราบว่าขณะนั้นเป็นประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน ส่วนการจ่ายเช็คให้ทางเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เจ้าอาวาสไม่รับรู้ ส่วนที่จ่ายโดยระบุชื่อ เจ้าอาวาสเป็นเหตุผลส่วนตัว ต้องการเพียงเพื่อสร้างศาสนสถาน ขอไม่บอกที่มาของจำนวนเงินที่มาใช้คืนสหกรณ์ บอกได้เพียงเป็นเงินที่นำมาจากธุรกิจส่วนตัว ขอยืนยันว่าวัดพระธรรมกายไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว สามารถตรวจสอบได้ที่บัญชีการเงินของสหกรณ์ฯ
เมื่อเวลา 12.00 น. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.ท.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.ศูนย์บริหารคดีพิเศษ รองโฆษกดีเอสไอ พร้อมด้วย พ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ ผบ.สำนักคดีอาญาพิเศษ 3 และพ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวะกุล ผอ.ส่วนตรวจ 2 สำนักเทคโนโลยีสารสนเทศ และศูนย์ข้อมูลการตรวจสอบ พนักงานสอบสวนชุดติดตามร่องรอยการเงินวัด พระธรรมกาย ร่วมกันแถลงความคืบของพนักงานสอบสวนติดตามความคืบหน้าคดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด
พ.ต.ท.สมบูรณ์กล่าวว่า ความคืบหน้าจากชุดตรวจสอบระบบบัญชีพบว่า อาจมีความผิดปกติเกี่ยวกับการใช้จ่ายเงินตั้งแต่ก่อนปี 2552-2555 ที่พบความผิดปกติชัดเจน ขณะนี้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ส่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงมาทำงานร่วมกับดีเอสไอ เพื่อพิจารณาเกี่ยวกับการออกกฎหมายระเบียบต่างๆ ของสหกรณ์ว่ามีจุดใดที่มีการแก้ไขมติ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้การสั่งจ่ายเช็คโดยไม่เป็นไปตามระเบียบหรือไม่ และมีมากน้อยแค่ไหน
ด้านพ.ต.ท.ปกรณ์กล่าวถึงการลงพื้นที่ตรวจสอบมูลนิธิของพระครูปลัดวิจารณ์ ที่มีชื่อรับเช็คจากนายศุภชัย จำนวน 119 ล้านบาท พบว่ามีการนำไปสร้างศูนย์เยาวชนที่ อ.โคกสำโรง จ.พลบุรี จากการลงพื้นที่พบว่าข้อมูลไม่สอดคล้องกับการตรวจสอบการเงินที่รับไปในช่วงปี 2552-2553 เพราะศูนย์ ดังกล่าวมีการก่อสร้างไปตั้งแต่ปี 2551 ส่วนการตรวจสอบเช็คจำนวน 878 ฉบับ มูลค่า 11,367 ล้านบาทนั้น ล่าสุดมีการจัดกลุ่มตามชื่อผู้รับเช็ค ประกอบด้วย กลุ่มที่ 1 วัดพระธรรมกาย พระธัมมชโย มูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง พระครูปลัดวิจารณ์ และพระลูกวัดอื่นๆ จำนวน 43 ฉบับ 932 ล้านบาท กลุ่มที่ 2 ญาติธรรม และบุคคลใกล้ชิด นายศุภชัย จำนวน 27 ฉบับ 348 ล้านบาท กลุ่ม 3 บริษัท เอส.ดับบลิว.โฮลดิ้งกรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด จำนวน 12 ฉบับ 272 ล้านบาท
กลุ่ม 4 สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนมงคลเศรษฐี จำนวน 3 ฉบับ 46 ล้านบาท กลุ่ม 5 นายวัฒน์ชานนท์ นวอิสรารักษ์ นายจีรเดช วรเพียรกุล และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนรัฐประชา จำนวน 135 ฉบับ 2,566 ล้านบาท และกลุ่ม 6 นิติบุคคล เงินโอนภายในประเทศและต่างประเทศ การถอนเงินสด แคชเชียร์เช็ค โอนระบบบาทเน็ต หรือเป็นการโอนเงินครั้งละมากๆ ข้ามธนาคาร ผ่านเครือข่ายธนาคารแห่งประเทศไทย ถอนอีซีเอส คือ การหักบัญชีผ่านอิเล็กทรอนิกส์ โอนเงินทางอินเตอร์เน็ต จำนวน 658 ฉบับ 7,203 ล้านบาท ทั้งนี้ ในกลุ่มของนายสถาพรและบริษัท เอส.ดับบลิวฯ พบว่าเมื่อได้รับโอนเงินจากสหกรณ์ไปแล้วมีการโยกย้ายเงินออกไปรวมถึงมีการนำไปซื้อหุ้นบางส่วน ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ ซึ่งดีเอสไอได้ประสานความร่วมมือกับ ปปง. โดยคาดว่า เร็วๆ นี้จะมีการยึดทรัพย์เพิ่มเติมด้วย
พ.ต.ท.ปกรณ์ กล่าวต่อว่า สำหรับกรณีที่นายศุภชัยออกมาชี้แจง โดยอ้างว่า เงินที่บริจาคให้กับวัดพระธรรมกายป็นการยืมเงินของสหกรณ์ และได้คืนเงินไปหมดแล้ว โดยมีหลักฐานเป็นรายงานของผู้สอบสวนบัญชี ประจำปี 2552-2553 นั้น ทางดีเอสไอยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง ทั้งนี้ กรณีที่มีข้อกังวลว่า การบริจาคเงินเพื่อนำไปสร้างศาสนสถานนั้น อาจไล่อายัดเงินคืนไม่ได้ ซึ่งเรื่องนี้ เราจะดำเนินการตรวจสอบโดยดูจากเจตนาของผู้รับเงินเป็นหลักว่ามีส่วนรู้เห็นกับการยักยอกทรัพย์หรือไม่ ซึ่งในสัปดาห์หน้าก็จะเชิญผู้เกี่ยวข้องกับเช็ค 878 ฉบับ เข้ามาสอบปากคำ โดยกำหนดออกหมายเรียกกลุ่มพระที่เป็นรายสำคัญเข้าให้ปากคำก่อนจำนวน 4 รูป คือ พระครูปลัดวิจารย์ ธีรังกุโร เข้าให้ปากคำวันที่ 9 มี.ค. เวลา 10.00 น. พระธัมมชโย วันที่ 10 มี.ค. เวลา 10.00 น. พระมนตรี สุตาภาโส วันที่ 11 มี.ค. เวลา 10.00 น. และนายสถาพร วันที่ 13 มี.ค. เวลา 14.00 น.
พ.ต.ท.ปกรณ์ ยังกล่าวถึงกรณีการปล่อยกู้ให้กับบริษัท 27 ฉบับ พบว่ามีความผิดปกติ ผู้กู้ไม่ลงลายมือชื่อ ขณะนี้ได้รับเอกสารสัญญากู้ครบแล้วต้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง ส่วนการเรียกสอบปากคำผู้มีชื่อรับเช็ค 878 ฉบับ รวมถึงวัดพระธรรมกาย พระธัมมชโย ซึ่งจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาเรื่องฟอกเงินด้วยหรือไม่ ต้องพิจารณาข้อมูลการเข้าให้ปากคำก่อน เพราะในคดีอาญาและฟอกเงินต้องดูเจตนาผู้รับเป็นหลัก ว่ารู้หรือไม่ว่าเกี่ยวข้องกับการกระทำผิด รวมถึงต้องพิจารณาปัจจัยแวดล้อมอื่นด้วย