WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

วันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8856 ข่าวสดรายวัน


สวนกลับพุทธอิสระ มั่ว-รถหรู'
หลวงพี่น้ำฝน'ตอกนิ่ม โยงเลอะเทอะถวายมส. โผล่อีกก๊ก-ยื่นผู้ตรวจฯ สอบมหาเถรฯผิดหน้าที่


เปิดเซฟ - เจ้าหน้าที่ ปปง.ร่วมกับดีเอสไอ เปิดตู้เซฟขนาดใหญ่ภายในบริษัท เอส.ดับบลิว. โฮลดิ้ง กรุ๊ป จ.ปทุมธานี หลังพบทรัพย์สินเชื่อมโยงกับคดียักยอกทรัพย์สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น พบปืน 5 กระบอก กระสุน และพระเครื่อง 50 องค์ เมื่อวันที่ 25 ก.พ.

       อัด'พุทธอิสระ' เลอะเทอะ มั่วกล่าวหารถหรูถวายกรรมการมส. 'หลวงพี่ น้ำฝน'ชี้ใส่ความไม่มีมูลความจริงโผล่มาอีกกลุ่ม รับลูกกก.ปฏิรูปพุทธฯ-พุทธอิสระ มุ่งเล่นงานมหาเถรสมาคม อ้าง มปปท. ยื่นผู้ตรวจการแผ่นดินสอบสวนอีกทาง กรณีมหาเถรฯ มีมติไม่ปรับอาบัติปาราชิกกับ ธัมมชโย ขณะที่ 'ไพบูลย์ นิติตะวัน'ชักฝ่ออ้างไม่ยุ่งกับมส.แล้ว แต่จะเดินหน้าตรวจสอบเงินบริจาควัดพระธรรมกายต่อ 'วิษณุ เครืองาม'ขอเวลาตรวจสอบมติมหาเถรสมาคมกรณีที่เกิดขึ้นก่อนว่าเป็นไปตามข่าวหรือไม่ ชี้เรื่องเงินบริจาคจากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนกับการทำหน้าที่มส.ต้องแยกจากกัน

วิษณุตรวจมติมส.กรณีธัมมชโย

        เมื่อวันที่ 25 ก.พ. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวถึงกรณีมหาเถรสมาคม (มส.) มีมติว่าคดีจบไปแล้ว จะ นำกลับมาพิจารณาใหม่ได้หรือไม่ว่า ขอเวลาตนพิจารณาก่อน แต่ตอนนี้ตนมีคำถามที่ถามเจ้าหน้าที่สำนักพระพุทธศาสนา (พศ.) ให้ทางนั้นค้นข้อมูลให้ตนเพิ่มเติมอยู่ หากเสร็จแล้วเขาคงจะพบตนอีกครั้ง และมีหน่วยงาน อื่นๆ อยู่ในคิวเชิญมาหารืออยู่แล้ว ทั้งนี้ ทาง มส.จะประชุมอีกครั้งตามปกติ ซึ่งจะมีการรับรองรายงานการประชุมครั้งก่อนในวันที่ 20 ก.พ. จึงอยู่ที่รายงานการประชุมที่เขารองรับว่าอย่างไร ตนขอให้เขาช่วยเผยแพร่รายงานนั้นให้สาธารณะทราบว่าตกลงแล้วมติในวันที่ 20 ก.พ.คืออะไร ถ้าเป็นไปตามนั้นก็ไม่มีอะไร ไม่มีการโหวต เป็นเรื่องปกติที่บางครั้งจะมีมติโดยไม่โหวต เหมือนการประชุมครม.ก็ไม่เคยโหวต และไม่มีการพูดถึงว่าตกลงพระธัมมชโยต้องปาราชิกหรือไม่

      นายวิษณุ กล่าวว่า ข้อแรกมีรับทราบสิ่งที่ พศ.รายงานว่า ได้ไปให้ถ้อยคำต่อคณะกรรมการปฏิรูปฯ ชุดนายไพบูลย์ นิติตะวัน เป็นประธาน ว่าอย่างไร เขามาเล่าให้ฟัง และข้อที่ 2 เพื่อให้เกิดความชัดเจนในเรื่องนี้ขอให้จัดตั้งคณะกรรมการ เพื่อตรวจสอบสรุปรวบรวมข้อมูลทั้งหมด ประกอบด้วยคณะกรรมการ 6 คนและรูป เป็นพระธรรมยุต 2 รูป พระมหานิกาย 2 รูป และฆราวาส 2 คน มติมีเท่านี้ 

     "ส่วนที่พิจารณาพระธัมมชโยปาราชิกหรือไม่ ทางตัวแทนพศ.บอกว่าไม่มีในส่วนนี้ เราต้องรอดูว่ามส.รับรองมตินี้หรือไม่ในการประชุมครั้งถัดไป ถ้าทางนั้นเขายืนยันว่ามีการพูดคุยเรื่องดังกล่าว ก็ต้องแก้ไข ส่วน จะประชุมเมื่อไหร่นั้นตนไม่ทราบ" นายวิษณุกล่าว

คนละส่วนกับคดีสหกรณ์

     เมื่อถามถึงกรณีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นโอนเงินให้วัดพระธรรมกายนั้นจะมีแนวทางอย่างไร นายวิษณุกล่าวว่า เจ้าหน้าที่กำลังทำอยู่ หน้าที่ตนไม่ใช่การลงมาสอบสวนหรือชี้ถูกชี้ผิด เขามีเจ้าหน้าที่มีกระบวนการ มีพศ. มีปปง. มีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) มีตำรวจ กรมการศาสนาดูแลอยู่ ความที่มีหลายหน่วยงานมาก แต่ละหน่วยงานก็อยู่ต่างกระทรวง อาจจะเกี่ยงงาน ลักลั่นกัน ตนจะมาดูแลกระบวนการตรงนี้ทั้งหมดแล้วสรุปเสนอรัฐบาลเท่านั้น ไม่ได้เป็นผู้สอบสวนเอง แต่ตนต้องรู้เรื่องก่อนเพื่อทำความเข้าใจ ตอนนี้พอทราบเรื่องบ้างแล้ว ในส่วนที่ตนทำนั้นใช้เวลาไม่มาก ไม่ซับซ้อน แต่เจ้าหน้าที่ที่เขาปฏิบัติต่อ อาจต้องใช้เวลา กระบวนการมันยาว จนกว่าจะเลิกกันไปข้างหนึ่ง ตนคงตอบไม่ได้ว่าต้องใช้เวลาเท่าไหร่จึงจะได้ข้อยุติ

    เมื่อถามว่าจะกลายเป็นสงครามศาสนจักรหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า หากพูดมากๆ มันก็จะเป็น

     ส่วนที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นายกฯ ระบุไม่อยากเข้าไปยุ่ง กลัวว่าลูกศิษย์ของแต่ละฝ่ายจะลุกขึ้นมาขัดแย้งกันเองนั้น นายวิษณุกล่าวว่า ไม่มีใครอยากยุ่ง ตนก็ไม่อยากยุ่ง แต่ยุ่งในที่นี้หมายถึง เป็นหน้าที่ต้องทำให้เกิดความชัดเจน โปร่งใส เกิดความ ถูกต้องแก่ศาสนา เกิดความเป็นธรรมแก่ ผู้เกี่ยวข้อง ยิ่งมีเรื่องสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เรื่องการคืนเงินก็เป็นส่วนหนึ่งของคำว่าเป็นธรรมนะ มันเป็นเรื่องที่คนที่มีหน้าที่ตรงนี้จำเป็นต้องเข้ามายุ่ง ตนมีหน้าที่ก็เลยต้องยุ่ง

ต้องตามไปดูปลายทางเงิน-จ่ายใคร

      เมื่อถามถึงความคืบหน้าคดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น นายวิษณุกล่าวว่า วันนี้ต้องเอาเงินคืนให้ได้ก่อน เรื่องนี้ตนพูดมากไม่ได้ เดี๋ยวเสียรูปคดี เรื่องดังกล่าวมีความละเอียดอ่อนเกินกว่าที่สังคมรู้ ถ้าบอกว่าเพื่อความโปร่งใสทำไมไม่ทำให้รู้ให้หมด พูดมากไป มันก็ไม่ได้ อยู่ที่ว่าเราหวังผลอะไร ถ้าหวังผลว่าให้มันเรียบร้อยคืนเงินเสร็จแล้วค่อยว่ากันก็ว่าไปตามลำดับ ในแง่นักข่าวสนใจในสิ่งที่เป็นข่าว แต่รัฐบาลต้องทำให้เกิดความสงบเรียบร้อย มันมีอะไรที่อยู่ใต้ข่าวอีกเยอะ ที่ยังไม่เป็นข่าว พูดเมื่อไรก็เป็นเมื่อนั้น จึงต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวังอย่างมาก เพราะสิ่งที่เรามองเห็น มันไม่ใช่ปัญหาทั้งหมด วันนี้คือทำอย่างไรให้คืนเงินมาให้คนเป็นหมื่นร้องร่ำคร่ำครวญกันอยู่ ให้เกิดผลตรงนั้นเสียก่อน

      เมื่อถามว่า ภายหลังมีผลพิพากษาคดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นแล้วไม่ว่าแพ่งหรือดีเอสไอจะยื่นต่อให้มส.พิจารณาความผิดทางสงฆ์ของวัดพระธรรมกายต่อได้หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ตนเข้าใจคำถาม แต่ตนตอบไม่ถูก ทั้งหมดที่เกิดขึ้น หากมีอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาของมส. ก็ต้องส่งให้อยู่แล้ว 

      "สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนจะเกี่ยวข้องหรือไม่ ผมไม่ทราบ แต่วันนี้มีการกล่าวอ้างว่าเกี่ยว ข่าวออกมาประธานคนก่อนจ่ายเช็ค ให้พระ เท็จจริงไม่ทราบ ตรงนี้คือสิ่งที่ผู้เกี่ยว ข้องต้องลงไปสอบให้ได้ว่าเงินของสหกรณ์ที่หายไปมันไปสู่เส้นทางไหนบ้าง ตามไปดูเพื่อเอาเงินคืนมา เราถือเอาเรื่องสหกรณ์ เป็นตัวตั้ง ไม่ใช่เอาวัดพระธรรมกายเป็น ตัวตั้ง จากการทำแบบนี้หวังว่าจะเกิดอะไรตามมาให้เรารู้อะไรต่อไป ย้ำว่าเราเอาสหกรณ์ ตั้งแล้วสาวไปสู่ปลายทางของเงิน ไม่ใช่วัดพระธรรมกาย" นายวิษณุกล่าว

ไพบูลย์เริ่มชิ่ง-อ้างทำตาม"บิ๊กตู่"

     นายไพบูลย์ นิติตะวัน ประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์พระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กล่าวว่า คณะกรรมการจะเดินหน้าทำงานต่อไปตามกระบวนการที่วางไว้เหมือนเดิม โดยจะศึกษาวิเคราะห์สรุปแนวทางการปฏิรูปศาสนาพุทธในภาพรวมต่อไป ส่วนการศึกษาเฉพาะกรณีของธัมมชโยนั้น ก็จะตรวจสอบขอข้อมูลจากกรมสอบสวนคดีพิเศษที่นัดให้มาชี้แจงในวันที่ 2 มี.ค. ในคดีที่มีความเกี่ยวข้องกับการยักยอกเงินสหกรณ์คลองจั่นเพียงเท่านี้ เพื่อนำข้อมูลที่ได้ไปศึกษาวิเคราะห์ เพื่อให้ตอบโจทย์ที่คณะกรรมการชุดนี้วางไว้คือ พระและวัดมีความจำเป็นต้องเปิดเผยบัญชีถือครองทรัพย์สินแก่สาธารณชน เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายและพระธรรมวินัย คาดว่าจะสร็จภายในเดือนมี.ค.นี้ 

     นายไพบูลย์ กล่าวว่า ส่วนการติดตามพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราชและมติมหาเถรสมาคมเมื่อปี 2542 ที่ชี้ว่าธัมมชโยต้องปาราชิกไปแล้ว จะไม่เกี่ยวกับคณะกรรมการชุดนี้ ที่ช่วงแรกได้เรียกร้องให้ดำเนินการตามพระลิขิตและมติมส.เมื่อปี 2542 ให้ถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น แต่ส่วนตัวมองว่าจำเป็นจะต้องติดตามต่อไป จึงอยากเรียกร้องให้กรรมการมส.ชี้ชัดออกเป็นมติมาเลยว่า ธัมมชโยไม่ต้องปาราชิก พร้อมทั้งเปิดเผย มติของเมื่อปี 2549 ที่ระบุว่าเมื่อคืนที่ดินวัด แล้วจึงไม่ปาราชิกด้วย หากเป็นเช่นนี้ก็หมายความว่า มติมส.เมื่อปี 2549 และครั้งล่าสุดได้หักล้างพระลิขิตและมติมส.เมื่อปี 2542 ที่ชอบด้วยกฎหมายและพระธรรมวินัย ทั้งนี้เพื่อให้สังคมได้ร่วมรับรู้ติดตามตรวจสอบตัดสิน และอาจนำไปสู่การต่อสู้ทางกฎหมายต่อไป 

      ส่วนที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ขอให้แยกอาณาจักรออกจากศาสนจักร ไม่ให้เข้าไปยุ่งกับพระ นายไพบูลย์กล่าวว่า นายกฯ พูดถูกต้อง จากที่ดำเนินการมาก็เป็นไปตามที่นายกฯ กล่าวทุกอย่างคือ เราดำเนินการตามโครงสร้างของฝ่ายศาสนา เรียกร้องให้ มส.ชุดปัจจุบัน ดำเนินการตามมติมส. และพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราชที่ถือว่าเป็นประมุขฝ่ายสงฆ์เมื่อปี 2542 ให้ถูกต้องตามกกฎหมาย ไม่ใช่นำเรื่องทางโลกไปข้องเกี่ยวกับเรื่องทางธรรม หากเราใช้อำนาจเรียกร้องให้ครม.ใช้อำนาจสั่งให้ธัมมชโยปาราชิกตามมติมส.และพระลิขิตเมื่อ พ.ศ.2542 ก็ว่าไปอย่าง

สปช.หวั่นประชาชนสับสน

     ที่รัฐสภา นายวันชัย สอนศิริ โฆษกกมธ.วิสามัญกิจการสภาปฏิรูปแห่งชาติ(วิปสปช.) แถลงภายหลังการประชุมวิปสปช.ว่า สปช.ถือเป็นสภาที่ปรึกษาด้านข้อมูลให้รัฐบาลและคสช. ดังนั้น ขอให้ทุกภาคส่วนประสานงานกันก่อนจะสื่อสารออกไปสู่สาธารณะ รวมถึงการประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารของสปช. โดยเฉพาะกรณีการปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนา อาจทำให้ประชาชนเข้าใจคลาดเคลื่อน ซึ่งวัตถุประสงค์ของสปช. ในการตั้งคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา เพื่อสนับสนุน ปกป้อง คุ้มครองกิจการพระพุทธศาสนา ไม่ได้มีเจตนาเล่นงานพระสงฆ์หรือรื้อโครงสร้าง แต่ต้องการศึกษา ตรวจสอบ ปกป้องคุ้มครองพระพุทธศาสนาใน 4 เรื่อง 1.วัตรปฏิบัติของพระภิกษุสงฆ์หรือนักบวชบางพวก ที่ปฏิบัติตัวไม่เหมาะสม 2.ศาสนสมบัติของพระศาสนาหรือวัด ปรากฏว่ามีคนบางกลุ่มหากินกับของที่ประชาชนบริจาค

     นายวันชัย กล่าวว่า 3.คำสอนของพระ พุทธเจ้า ปรากฏว่ามีเจ้าลัทธิ พระสงฆ์บางพวกนำคำสอนไปทำผิดวิปริตผิดจากคำสอนที่แท้จริง และ4.เรากำลังพิจารณาว่าฝ่ายบ้านเมือง น่าจะเข้าไปมีบทบาทสนับสนุนการดำเนินงานของพระพุทธศาสนา ด้วยวิธีการแก้กฎหมายอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งคณะกรรม การดำเนินการอยู่ ส่วนกรณีวัดพระธรรมกาย ถือเป็นกรณีศึกษาเท่านั้น คณะกรรมการไม่ได้มีเจตนาไปเล่นงานแต่อย่างใด 

ชี้ต้นเรื่องอยู่ที่เจ้าคณะปทุมฯ

     แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยถึงปัญหาความขัดแย้งอันเนื่องมาจากกรณีของพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ว่า เรื่องดังกล่าวต้องแยกคดีเกี่ยวกับการบริจาคเงินและกรณีของปาราชิกออกจากกัน สำหรับ ในทางคดีนั้น วันที่ 16 มี.ค.นี้ ทางศาลแพ่งจะนัดไกล่เกลี่ยซึ่งต้องรอผลการไกล่เกลี่ยของศาลก่อน หากพบหลักฐานชัดเจนว่ามีการโอนเงินในการบริจาคให้พระธัมมชโย จะส่งผลทำให้เรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาของมหาเถรสมาคม แต่จะต้องมีผู้ร้องด้วย

    "เรื่องนี้ตามข้อเท็จจริงและตามขั้นตอนแล้วผู้ที่จะมีอำนาจดำเนินการก็คือ พระเทพรัตนสุธี เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ที่ผ่านมาหลายคนมองข้ามไป โดยมุ่งที่มหาเถรสมาคม แต่อำนาจที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่มหาเถรสมาคม แต่อยู่ที่เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี" แหล่งข่าวระบุ

      แหล่งข่าว เปิดเผยด้วยว่า ในส่วนของเช็คที่สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนสั่งจ่ายให้พระธัมมชโยนั้น แม้เช็คจะโอนไปยังมูลนิธิแล้ว ไม่ได้เจาะจงถึงตัวพระธัมมชโย แต่ถ้าเมื่อใดมีหลักฐานที่จะโยงถึงตัวพระธัมมชโยก็สามารถเอาผิดได้ ตอนนี้อยากให้ทุกอย่างดำเนินไปตามขั้นตอนก่อน อย่าเพิ่งด่วนสรุปว่าเรื่องนี้จะคว้าน้ำเหลว อยากให้มองที่หลักฐาน ซึ่งเชื่อว่าจะมีหลักฐานชัดเจนขึ้นมาเรื่อยๆ 

โผล่อีกกลุ่ม-ร้องสอบมหาเถรฯ

       ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เครือข่ายมหาวิทยาลัยเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย (มปปท.) นำโดย นางวิรังรอง ทัพพะรังสี ประธานกรรมการ มปปท. พร้อมด้วยตัวแทนเครือข่าย มปปท. เข้ายื่นหนังสือเพื่อขอให้ตรวจสอบกรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) กรณีมีมติไม่เอาผิดพระธัมมชโยโดย ผ่านนายรักษเกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการผู้ตรวจการแผ่นดิน 

นางวิรังรองกล่าวว่า ตามที่กรรมการมหาเถรสมาคมมีมติไม่เอาผิดพระธัมมชโย ในการประชุมมหาเถรสมาคมเมื่อวันที่ 20 ก.พ. ถือว่ามติดังกล่าวเป็นการขัดต่อพระธรรมวินัย และกฎหมายบ้านเมืองอย่างชัดเจน เนื่องจากโดยพระธรรมวินัยแล้ว พระภิกษุไม่สามารถรับที่ดิน ไร่นา มาเป็นของตนได้ ปรากฏตาม พระสุตตันตปิฎก อย่างไรก็ตามขอให้ทาง ผู้ตรวจฯ ดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงหาก พบว่ากรรมการเถรสมาคมและผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ไม่ได้ดำเนินการโดยถูกต้องตาม พระธรรมวินัยและกฎหมาย โดยดำเนินการตามอำนาจหน้าที่และกระบวนการต่อไป

ด้านนายรักษเกชากล่าวว่า ทางผู้ตรวจฯ ต้องมีการพิจารณาก่อนว่าเรื่องดังกล่าวอยู่ ในอำนาจหน้าที่หรือไม่ หากอยู่ในอำนาจก็จะดำเนินการตามกระบวนการ แต่หากไม่อยู่ในอำนาจก็จะส่งเรื่องไปให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาต่อไป

หลวงพี่น้ำฝนอัดพุทธอิสระ

วันเดียวกัน พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือหลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม อ.เมือง จ.นครปฐม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพุทธอิสระหรือพระสุวิทย์ ธีรธัมโม พาดพิงว่ามีพฤติกรรมครอบครองรถหรู จัดส่งรถหรูไปถวายมส.นั้นว่า อาตมาเป็นพระสงฆ์ อยู่ในพระธรรมวินัย ใครจะพูดจาพาดพิงให้ร้ายให้ดีอาตมาก็รับฟัง แต่ไม่ถือโกรธ ก็แล้วแต่พุทธศาสนิกชนจะรับ จะฟัง จะพิจารณา 

"เรื่องจัดส่งรถหรูไปให้มส.นั้น ขอยืนยันว่าข้อมูลเลอะเทอะ ไม่มีมูลความจริง ผู้ให้ข่าวผู้พาดพิงพยายามสร้างเรื่องโยงเรื่องขึ้นมา เรื่องรถหรูของอาตมาดีเอสไอได้นำรถไปตรวจแล้ว ผลออกมาก็ไม่ใช่รถหรู เป็นแค่รถเก่ารถโบราณ ขั้นตอนการได้มาก็ชัดเจนมีต้นทางปลายทาง ผ่านขั้นตอนตามกฎกติกาของบ้านเมืองทุกอย่าง การพาดพิงว่าอาตมาเป็นผู้จัดส่งรถหรูให้มส.นั้น ทุกวันนี้หาเงินสร้างวัด สร้างโรงเรียนก็เหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว จะเอาปัญญาที่ไหนไปส่งรถหรู"

พระครูปลัดสิทธิวัฒน์กล่าวต่อว่า อาตมาไม่ได้มีความโกรธหรือเกลียดชังผู้ให้ข่าว ไม่มีเวลาอื่นนอกกิจของสงฆ์ อาตมามีแต่ความเมตตามาตลอด ตั้งแต่เข้ามาอยู่ใน สมณเพศเป็นพระสงฆ์ กระทั่งนั่งตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ก็เมตตาให้มาตลอด จะเห็นได้จากหลักฐานทั้งถาวรวัตถุที่ตนเอง ได้สร้างทั้งโรงเรียน โรงพยาบาล การศึกษา ทุนการศึกษา และอีกหลายต่อหลายสิ่ง ถ้าคิดเป็นเงินน่าจะเป็นร้อยๆ ล้าน ซึ่งล้วนเป็นสิ่งดีๆ ทั้งสิ้น ทำไมไม่ลองแอบไปตรวจสอบบ้างว่า อาตมาเอาเงินมาจากไหนมาก่อสร้าง 

"ไม่มีมุขเล่นก็เอาเรื่องรถหรูมาเป็นประเด็น เลอะเทอะ อย่าสร้างความแตกแยกในหมู่คณะสงฆ์ทุกวันนี้ สงฆ์ดีๆ จะไม่มีที่ยืน เจริญพร" พระครูปลัดสิทธิวัฒน์กล่าว

ปปง.เปิดเซฟบริษัทของสถาพร

ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย นาย นพดล อุเทน ผอ.กองคดีกอง 1 ปปง. ร่วมกันเปิดตู้เชฟขนาด 2 เมตร ที่เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ทหาร ปปง. สนธิกำลังเข้าตรวจค้น บริษัท เอส.ดับบลิว.โฮลดิ้งกรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด จ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 13 ก.พ. ซึ่งเป็นของนายสถาพร วัฒนาศิรินุกุล ผู้เกี่ยวข้อง ในคดียักยอกทรัพย์สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น มูลค่ากว่า 1,600 ล้านบาท ซึ่งจากการตรวจค้นบริษัท ดังกล่าว สามารถตรวจยึดและอายัดเอกสารได้จำนวนมาก รถยนต์ออดี้สปอร์ต รถยนต์ตู้โฟล์ก 2 คัน และตู้เซฟ

พ.ต.อ.ดุษฎีกล่าวว่า จากการเปิดตู้เซฟครั้งนี้ ตรวจสอบพบ อาวุธปืน 5 กระบอก แม็กกาซีนบรรจุกระสุน พร้อมใช้งาน และกล่องเครื่องกระสุนปืนจำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ ยังมีพระเครื่อง ทั้งเลี่ยมทอง และไม่ เลี่ยมทอง จำนวนกว่า 50 องค์ สำหรับ พระเครื่องส่วนใหญ่ เป็นพระผงของขวัญ วัดปากน้ำ รุ่น 1 และพระเครื่องรุ่นดังอีกหลายองค์ อาทิ พระสมเด็จ พระซุ้มกอ พระนางพญาพิษณุโลก พระรอดลำพูน นอกจากนี้ ยังมีเครื่องรางและลูกแก้วใส สัญลักษณ์วัดพระธรรมกาย ซึ่งพบว่า หลักฐานภายในตู้เซฟดังกล่าวมีความ เชื่อมโยงทางคดี จึงให้สถาบันนิติวิทยา ศาสตร์ เข้ามาตรวจเก็บดีเอ็นเอ ลายนิ้วมือ เพื่อหาผู้ที่มีความเกี่ยวข้องกับตู้เซฟดังกล่าว ส่วนอาวุธปืนทั้ง 5 กระบอก ก็จะให้เจ้าหน้าที่ ตรวจสอบหาที่มาที่ไป และดูว่าเคยมีประวัติในการใช้ก่อเหตุอาชญากรรมหรือไม่ จากนั้นให้ส่งหลักฐานทั้งหมดมาให้ทาง ปปง. จัดทำบัญชีทรัพย์สินเพื่อตรวจสอบดำเนินคดีต่อไป นอกจากนี้ เราทราบว่า นายสถาพร เคยมีประวัติการบวชที่วัดพระธรรมกายเป็นเวลากว่า 20 ปี ก่อนจะสึกออกมาเมื่อปี 2554 

พบบัญชีเงินฝาก-เตรียมสอบ

ด้านนายนพดลกล่าวว่า ตรวจสอบข้อมูลการรายงานธุรกรรมทางการเงินและทรัพย์ สินของนายศุภชัย พบว่า นายศุภชัยโอนเงินให้นายสถาพร วัฒนาศิรินุกุล เมื่อปี 2553 จำนวน 127 ล้านบาท และโอนให้บริษัท เอช.ดับบลิว.โฮลดิ้งกรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด เมื่อปี 2554-2555 จำนวน 124 ล้านบาท สำหรับสมุดบัญชีเงินฝาก 3 เล่ม ที่พบภายในตู้เซฟเป็นสมุดบัญชีเงินฝากของธนาคารกรุงไทย สาขาตลาดไท โดยมีเงินหมุนเวียน 27 ล้านบาท และพบว่า มีการทยอยถอนเงินออกจากบัญชีตั้งแต่ปี 2556 ซึ่งปัจจุบันมียอดเงินคงเหลือในบัญชี 30,000 บาท ซึ่งสมุดบัญชีเงินฝากเป็นชื่อของนายสถาพร 1 เล่ม และชื่อของบริษัท เอช. ดับบลิว.โฮลดิ้งกรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด 2 เล่ม ทั้งนี้ หลักฐานที่พบ เบื้องต้นยังไม่สามารถระบุได้ว่ามีความเชื่อมโยงถึงใครบ้าง แต่หากพบว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้องก็จะเรียกมาสอบปากคำ ทั้งนี้ ส่วนการตรวจสอบ เส้นทางการเงินของกรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) หากพบว่า เข้าข่ายความผิดมูลฐานฟอกเงิน ทาง ปปง. จึงจะมีอำนาจเข้าไปดำเนินการตรวจสอบได้

ร้องดำเนินคดีอาญาเพิ่มอีก 2

วันเดียวกัน นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พร้อมด้วยผู้เสียหายจากคดีนายศุภชัยกับพวก ยักยอกเงินกว่า 1,600 ล้านบาท เดินทางมาร้อง เพื่อให้เร่งดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ต้องหา โดยมีพ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ รองอธิบดี ดีเอสไอ มารับหนังสือแทน

นายอัจฉริยะกล่าวว่า การเดินทางมาในวันนี้ ต้องการมายื่นหนังสือร้องเรียนต่อนางสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีดีเอสไอ 4 ข้อ คือ 1.ให้เร่งรัดดำเนินคดีกับนายศุภชัยและพวก ข้อหาฟอกเงิน 2.ดำเนินคดีอาญากับนาย วัฒน์ชานนท์ นวอิสรารักษ์ และนายจิรเดช วงเพียรกุลฐาน ความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และฟอกเงิน 3.ให้ตรวจสอบกรมส่งเสริมสหกรณ์และกรมตรวจสอบบัญชีสหกรณ์ พร้อมผู้ตรวจสอบบัญชีว่า มีส่วนรู้เห็นและให้การช่วยเหลือนายศุภชัยกับพวก 4.ให้มีการสอบผู้เสียหายทั้ง 25 คนใหม่ หลังจากมาให้พนักงานสอบสวนดีเอสไอสอบปากคำ เมื่อวันที่ 20 ก.พ.ที่ผ่านมา ให้เป็นโมฆะ เนื่องจากต้องการให้ข้อมูลในการสอบปากคำไปในทิศทางเดียวกันทั้งหมด จะได้ดำเนินคดีกับนายศุภชัยกับพวกในคดีอาญา ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชนได้ หลังจากนี้ผู้เสียหายทั้งหมดจะเดินทางไปยังกรมส่งเสริมสหกรณ์และกรมตรวจสอบบัญชีสหกรณ์ เพื่อให้ตรวจสอบบัญชีนายศุภชัยอย่างตรงไปตรงมา ทั้งนี้ ในวันที่ 12 มี.ค.นี้ จะเดินทางไปศาลอาญา เพื่อคัดค้านการประกันตัวนายศุภชัยกับพวกด้วย

ด้านพ.ต.ท.วรรณพงษ์กล่าวว่า ดีเอสไอเห็นความเดือดร้อนของประชาชนเป็น เรื่องใหญ่ โดยจะเร่งดำเนินคดีให้เร็วที่สุด พร้อมกับรับเรื่องทั้งหมดที่ร้องมาไปเสนอท่านสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีดีเอสไอ พร้อมคณะกรรมการพิจารณา

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!