- Details
- Category: ศาสนา
- Published: Friday, 12 September 2014 09:29
- Hits: 4778
12 กันยายน พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8689 ข่าวสดรายวัน
หลวงปู่พลิก-อยู่ยาว อีก 15 ปี จิตแพทย์เยียวยา อ้างนิมิต-อายุ 80 เท่าพระพุทธเจ้า 'สมเด็จ'ชี้สาเหตุ วิปัสสนาจนป่วย ตร.สอบบัญชีวัด พบมีเงินบริจาค
เลิกแล้ว - พล.ต.ต.พินิต มณีรัตน์ ผบก.ภ.จว.ชัยภูมิ เยี่ยมอาการหลวงปู่พิมพ์ ที่ร.พ.คอนสาร หลังเลิก พิธีละสังขาร โดยหลวงปู่ระบุขออยู่ไปอีก 15 ปี เพราะตอนนั้นจะมีอายุ 80 ปีเท่ากับพระพุทธเจ้า เมื่อวันที่ 11 ก.ย. |
'หลวงปู่พิมพ์'เปลี่ยน ใจ ขออยู่ต่ออีก 15 ปีจนถึงอายุ80 เท่าพระพุทธเจ้า อ้างนิมิตเห็นครูบาอาจารย์สั่งให้อยู่ทะนุบำรุงศาสนา วัด และญาติโยม เผยอาการอาพาธดีขึ้น รู้สึกสบายดี ไม่มีการเจ็บป่วย ผู้การชัยภูมินำจิตแพทย์เข้าเยี่ยม พร้อมให้การดูแลรักษาอย่างเต็มที่ แต่ยังไม่ฟันธงว่ามีอาการทางจิตหรือไม่ ให้พักที่ร.พ. อีกคืนก่อนอนุญาตให้กลับวัดได้ สภ.คอนสารตรวจสอบเงินบริจาคช่วงก่อนหลวงปู่ประกาศละสังขาร พบมี 3 แสนกว่าบาท เตรียมจัดทำบัญชีก่อนแจ้งญาติโยมได้รับทราบ สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ชี้หลวงปู่อาจสำคัญผิดว่าได้บรรลุธรรม โดยไปติดในวิปัสสนูปกิเลส
จากกรณีพระครูเวฬุวันจันทรังษี หรือหลวงปู่พิมพ์ อายุ 65 ปี เจ้าอาวาสวัดเวฬุวัน อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ ประกาศเจริญภาวนาเพื่อละสังขาร ด้วยการนอนในโลงภายในกุฏิ ตั้งแต่เวลา 21.00 น. วันที่ 9 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยสั่งห้ามรบกวนและเปิดฝาโลงอย่างเด็ดขาด จนกว่าจะถึงเวลา 16.00 น. วันที่ 11 ก.ย. ท่ามกลางการจับตาจากหลายฝ่าย และกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าอาจเข้าข่ายอวดอุตริมนุสธรรม ต่อมาวันที่ 10 ก.ย. เจ้าคณะจังหวัดชัยภูมิ พร้อมด้วยผบก.ตร.ภ.จ.ชัยภูมิ ผกก.สภ.คอนสาร และคณะแพทย์ ได้เข้าเจรจากับหลวงปู่พิมพ์จนยอมยุติการละสังขาร จากนั้นเจ้าหน้าที่หิ้วปีกหลวงปู่พิมพ์ออกจากกุฏินำส่งร.พ.คอนสาร เพื่อรักษาอาการอาพาธโรคเกาต์ และกรดไหลย้อน อาการอาพาธที่ทำให้หลวงปู่อยากละสังขาร พร้อมกันนั้นตำรวจได้ยกโลงจากกุฏิหลวงปู่ไปเก็บไว้ที่โรงพัก ตามข่าวที่ "ข่าวสด" นำเสนอมาตามลำดับแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 11 ก.ย. ที่ร.พ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ เจ้าหน้าที่ร.พ.และตำรวจเฝ้าดูแลห้องพระครูเวฬุวันจันทรังษี หรือหลวงปู่พิมพ์ อย่างใกล้ชิด ไม่อนุญาต ผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้าเยี่ยมอย่างเด็ดขาด โดยมีลูกศิษย์จำนวนหนึ่งเดินทางมาเขียนลงในสมุดเยี่ยมที่จัดไว้ นพ.สุภาพ สำราญวงษ์ ผอ.ร.พ. คอนสาร กล่าวว่า จากการตรวจวัดความดันและชีพจรของหลวงปู่เมื่อเวลา 08.00 น. พบว่าเป็นปกติ หายจากอาการอ่อนเพลียแล้ว สามารถพูดคุยได้ปกติ ฉันอาหารได้ปกติ ซึ่งแพทย์ยังให้น้ำเกลือเสริมอยู่
"หลวงปู่พิมพ์พูดว่าหายดีแล้ว รู้สึกสดชื่น ไม่มีอาการเจ็บปวดในช่องท้องแล้ว และพูดอีกว่าจะให้กลับเมื่อไหร่ก็แล้วแต่หมอ" ผอ.ร.พ.คอนสารกล่าวและว่า เบื้องต้นประเมินแล้วจะให้หลวงปู่พักรักษาตัวที่ร.พ.อีก 1 คืน จึงจะให้กลับวัด
เมื่อถามว่าหลวงปู่พิมพ์พูดถึงเรื่องละสังขารอีกหรือไม่ นพ.สุภาพกล่าวว่า ไม่แล้ว ท่านพูดว่าหายดีแล้ว
ต่อมาเวลา 11.30 น. พล.ต.ต.พินิต มณีรัตน์ ผบก.ภ.จ.ชัยภูมิ พร้อมด้วยพ.ต.อ.พงศ์ศักดิ์ สุขอิ่ม ผกก.สภ.คอนสาร และนพ.สกล ด่านภักดี จิตแพทย์ รพ.ชัยภูมิ เข้าเยี่ยมหลวงปู่พิมพ์ ท่ามกลางญาติหลวงปู่กว่า 10 คน รอต้อนรับ
หลวงปู่พิมพ์ กล่าวกับคณะที่เข้าเยี่ยมว่า ขณะนี้รู้สึกสบายดี ไม่ได้เจ็บป่วยอะไร เมื่อวาน เวลา 09.00 น. อาตมาเข้าฌาน เพื่อถอดจิต ตั้งใจจะให้จิตดับไป แต่ครูบาอาจารย์มานิมิตว่าให้อยู่ทะนุบำรุงศาสนา บำรุงวัด ช่วยเหลือชาวบ้านต่อไป อาตมาจึงตื่นขึ้นรู้สึกปลาบปลื้มที่จะได้อยู่ต่อไป ด้วยการรักษาศีล อาตมาคิดว่าได้ต่ออายุขัย และคงอยู่ได้อีก 15 ปี ก็จะอายุครบ 80 ปีพอดี ซึ่งพระพุทธเจ้าท่านก็อยู่ถึงอายุ 80 ปี เช่นกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า อีก 15 ปีคิดว่าจะละสังขารอีกหรือไม่ หลวงปู่พิมพ์กล่าวว่า เป็นเรื่องของอนาคต อีก 15 ปี ก็แก่ชราไปตามสภาพ ตอนนี้ยังสาว ยังสวย เดี๋ยวก็แก่ไปเป็นยาย ร่างกายก็เหี่ยวเหมือนกัน
เมื่อถามว่า มีคนจำนวนหนึ่งรู้สึกเหมือนถูกหลอก หลวงปู่พิมพ์กล่าวว่า อาตมาไม่ได้หลอกใคร เคยบอกไว้กับทุกคนที่มาเยี่ยมว่าอาตมาตั้งใจปฏิบัติ ทำสมาธิ ถ้าให้มือปืนมายิงอาตมาก็ตายเหมือนกัน
ด้านพล.ต.ต.พินิตกล่าวว่า ตั้งใจมาเยี่ยมหลวงปู่เท่านั้น เจ้าหน้าที่ไม่ได้ดำเนินคดีใดๆ เนื่องจากไม่พบว่าเข้าข่ายความผิด ทั้งเรื่องเงินบริจาค 2 แสนบาท เรื่องการบริหารจัดการ วัด ทางสภ.คอนสารได้เข้าตรวจสอบอย่างละเอียด ไม่พบปัญหาใดๆ
ผบก.ภ.จ.ชัยภูมิ กล่าวต่อว่า หมอทุกฝ่ายจะดูแลหลวงปู่เป็นพิเศษ เพื่อทำการรักษาต่อไป โดยเฉพาะอาการอาพาธ แพทย์ให้ความช่วยเหลือเต็มที่ ส่วนสิ่งที่หลวงปู่พูดซึ่งตนก็ได้ยิน คงไม่สรุปว่าเป็นเรื่องเพ้อเจ้อ เรื่องจริงหรือไม่จริง อยู่ที่คนจะคิด แต่เพราะท่านเป็นพระผู้ใหญ่ของจังหวัด พวกเราจึงต้องช่วยกันประคับประคอง หมอและส่วนราชการต่างๆ จะช่วยกันทำให้กระจ่างชัดและคลี่คลายปัญหาไปได้
"ขณะนี้สิ่งที่ตำรวจและทุกคนต้องช่วยกันคือ การรักษาชีวิตของหลวงปู่ไว้ให้เป็นไปตามอายุขัย โดยเฉพาะเรื่องอาการอาพาธ ซึ่งแพทย์แจ้งว่าอีก 2-3 วันก็สามารถกลับไปพักผ่อนที่วัดได้ตามเดิม" ผบก.ภ.จ.ชัยภูมิกล่าวและว่า ส่วนกรณีทรัพย์สินของวัดนั้น เท่าที่ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามีเพียง 3 แสนกว่าบาทที่ได้จากการบริจาค ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ได้กำชับ ผกก.สภ.คอนสารให้เร่งสอบสวนและชี้แจงแก่สาธารณชนได้รับทราบเป็นการด่วน เนื่องจากเป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของคนทั่วไป
ขณะที่นพ.สกลกล่าวว่า ต้องให้เวลาแพทย์ได้พูดคุยกับหลวงปู่ การคุยวันสองวันคงไม่สามารถระบุอาการป่วยทางจิตเวชได้ และความคิดความเชื่อทางศาสนาเป็นเรื่องอ่อนไหวของสังคมไทย ซึ่งเป็นคนละฐานคิดกับวิชาจิตเวช ตอนนี้จึงบอกไม่ได้ว่าหลวงปู่พิมพ์มีอาการป่วยทางจิต แต่ยืนยันจะให้การช่วยเหลือเต็มที่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ ตำรวจเชิญกรรมการวัดและลูกศิษย์หลวงปู่พิมพ์ มาให้ข้อมูลเกี่ยวกับเงินบริจาค ช่วงที่ใกล้วันที่หลวงปู่ประกาศละสังขาร เพื่อจัดทำยอดบริจาคให้ถูกต้อง เป็นจริง ก่อนประกาศให้ญาติโยมรับทราบต่อไป
ส่วนบรรยากาศที่วัดเวฬุวัน อ.คอนสาร ศิษยานุศิษย์ที่ปักหลักพักค้างอยู่หลายร้อยคน ตั้งแต่วันที่ 8 ก.ย. ลดจำนวนลงจนบางตา ส่วนใหญ่ทยอยเดินทางกลับ เหลือเพียงชาวบ้านในพื้นที่ประมาณ 10 กว่าคน กับพระลูกวัดช่วยกันทำความสะอาดบริเวณวัด ขณะที่บนกุฏิหลวงปู่พิมพ์ มีชาวบ้านบางส่วนนั่งจับกลุ่มพูดคุยกันตามปกติ
วันเดียวกัน นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) เปิดเผยว่า หลังจากหลวงปู่พิมพ์อาการอาพาธดีขึ้น ทางเจ้าคณะปกครองในพื้นที่ต้องตรวจสอบและสอบถามหลวงปู่พิมพ์กรณีประกาศละสังขาร ส่วนประเด็นการตรวจสอบทรัพย์สินของวัดนั้น สำนักพุทธฯไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบได้ เพราะวัดเป็นนิติบุคคลและตามระเบียบมหาเถรสมาคม (มส.) กำหนดให้เจ้าอาวาสต้องดูแลการใช้จ่ายภายในวัด และต้องทำบัญชีรายรับรายจ่าย แต่หากจำเป็นต้องเข้าไปตรวจสอบทรัพย์สินต่างๆ จะต้องเป็นไปตามขั้นตอน เช่น ขออำนาจจากศาลให้มีคำสั่งให้สำนักพุทธฯเข้า ไปตรวจสอบ เป็นต้น อย่างไรก็ตามเบื้องต้นจะประสานเจ้าคณะปกครอง เข้าไปดูแลเรื่องบัญชีใช้จ่ายทางการเงินของวัดว่าเป็นไปตามกฎเกณฑ์ที่กำหนดหรือไม่
"การที่หลวงปู่พิมพ์ประกาศละสังขารด้วยการนอนในโลงศพก็มีการสันนิษฐานไปต่างๆ นานา บางคนก็ว่าเป็นการโอ้อวดอุตริ แต่มองว่าท่านอาจจะมีความเชื่อฝังอยู่ ในเรื่องของการตาย แต่ทั้งหมดนี้ยังคงไม่สามารถสรุปอะไรได้ ต้องรอให้อาการอาพาธดีขึ้นก่อน จึงจะสอบถามจากหลวงปู่พิมพ์เพื่อให้ได้ ข้อเท็จจริง" ผอ.สำนักพุทธฯ กล่าว
ด้านสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ (สมศักดิ์ อุปสโม) เจ้าอาวาสวัดพิชยญาติการาม กรรม การมหาเถรสมาคม (มส.) กล่าวถึงกรณีที่เกิดขึ้นว่า เท่าที่ทราบหลวงพ่อพิมพ์เป็นพระนักปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานรูปหนึ่ง ขณะนี้อาพาธด้วยหลายโรค แต่ไม่ทราบว่า วิธีการปฏิบัติของท่านเป็นเช่นไร ซึ่งเมื่อปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานมาถึงขั้นหนึ่ง อาจจะทำให้สำคัญผิดได้ว่า ได้บรรลุธรรม เนื่องจากไปติดในวิปัสสนูปกิเลส หมายถึง อุปกิเลสแห่งวิปัสสนา เป็นธรรมารมณ์ที่เกิดแก่ผู้ได้วิปัสสนาอ่อนๆ สภาพน่าชื่นชมแต่ที่แท้เป็นโทษเครื่องเศร้าหมองแห่งวิปัสสนา ทำให้เข้าใจผิดว่าตนบรรลุมรรคผลแล้ว เป็นเหตุขัดขวางไม่ให้ก้าวหน้าต่อไปในวิปัสสนาญาณ
สมเด็จพระพุทธชินวงศ์กล่าวต่อว่า ส่วนหลวงพ่อพิมพ์อวดอุตริมนุสธรรมหรือไม่ ตอบได้ว่า ไม่น่าจะเข้าข่ายอวดอุตริมนุสธรรม เพราะหลวงพ่อพิมพ์ เป็นพระนักปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน และปฏิบัติดีมาโดยตลอด การที่จะเข้าข่ายอวดอุตริได้ คือ ผู้ไม่มีวิชาอะไรเลยแล้วไปอวดอ้างคุณวิเศษที่ไม่มีใน ตัวตน เพื่อหวังลาภสักการะ บริวาร ดังนั้นพระพุทธองค์จึงต้องบัญญัติ ห้ามพระภิกษุอวดอ้างคุณวิเศษที่ไม่มีในตัวตน ในการป้องกันพระสงฆ์ประพฤติไม่เหมาะสม