- Details
- Category: ศาสนา
- Published: Wednesday, 10 September 2014 09:43
- Hits: 4887
วันที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8687 ข่าวสดรายวัน
มหาเถรจับตาหลวงปู่-เข้าโลงละสังขาร ศิษย์มา-แน่นวัด ถึงเวลา-ปิดกุฏิ ไม่มีใครเห็นจะจะ
ละสังขาร - สภาพโลงศพไม้ที่หลวงปู่ธนวัฒน์ สิริพิมโพ หรือหลวงปู่พิมพ์ เจ้าอาวาสวัดเวฬุวัน จ.ชัยภูมิ ลงไปนอนเพื่อละสังขาร เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 9 ก.ย. โดยมีลูกศิษย์และชาวบ้านร่วมพิธีจำนวนมาก |
ศิษยานุศิษย์รุดวัดเวฬุวัน จ.ชัยภูมิ ร่วมพิธี"หลวงปู่พิมพ์" ละสังขารเข้านอนในโลงวันที่ 9 เดือน 9 ตรงกับวันเกิด เผยสั่งเสียห้ามเปิดโลงออกจนกว่าจะครบ 3 วันคือวันศุกร์ จากนั้นให้แจ้งเจ้าหน้าที่ชันสูตรศพแล้วนำไปเผาแบบเรียบง่าย โดยห้ามทำ พิธีใดๆ หรือเศร้าโศกเสียใจอย่างเด็ดขาด ด้านโฆษกมหาเถรฯ ติงหากจะมรณภาพจริงก็ไม่ควรบอกใคร หรืออาจจะเป็นกุศโลบายให้เจริญมรณานุสติก็ได้ ด้านสำนักพุทธฯ เร่งประสานพศ.ชัยภูมิตรวจสอบเข้าข่ายอวดอ้างหรือไม่
จากกรณีพระครูเวฬุวันจันทรังษี หรือหลวงปู่ธนวัฒน์ สิริพิมโพ หรือหลวงปู่พิมพ์ อายุ 65 ปี เจ้าอาวาสวัดเวฬุวัน หมู่ 4 บ้านท่าเริงรมย์ ต.ทุ่งพระ อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ ประกาศละสังขารในวันที่ 9 เดือน 9 เวลา 21.00 น. ตรงกับวันที่ 9 ก.ย. และตรงกับวันคล้ายวันเกิด โดยเลือกละสังขารที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ข้างกุฏิ ด้วยการนอนภาวนาในโลงที่เตรียมไว้ พร้อมห้ามไม่ให้เปิดโลงอย่างเด็ดขาด ให้รอถึงวันที่ 11 ก.ย. จึงค่อยให้แพทย์และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมาชันสูตรศพนั้น
เมื่อวันที่ 9 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าศิษยานุศิษย์ทั้งในภาคอีสานและจากทั่วประเทศ ต่างเดินทางมาร่วมทำบุญและปฏิบัติธรรม ที่วัดป่าเวฬุวัน เป็นจำนวนมาก พร้อมร่วมสมทบเงินบริจาคทำบุญสร้างสะพาน ข้ามลำห้วยลำน้ำเซิน โดยทยอยเข้ามารับภาพของหลวงปู่พิมพ์ที่มอบให้ไว้เป็นที่ระลึกด้วย ในภาพมีคำสอนให้ยึดไว้เป็นแนวทางในการประพฤติปฏิบัติ ส่วนสาเหตุที่เลือกละสังขารในวันเดียวกันนี้ เพราะเมื่อปี 2538 หลวงปู่พิมพ์เห็นและรู้ว่าวันเวลามรณภาพตรงกับวันเกิด จึงกำหนดให้วันเกิดเป็นวันละสังขาร
หลวงปู่ธนวัฒน์ กล่าวว่า "อาตมาเป็นลูกศิษย์หลวงปู่มั่นรูปสุดท้ายยึดปฏิบัติตามแนว คำสอนอย่างเคร่งครัด เมื่อปี 2538 เห็นและ รู้วันเวลามรณภาพของตัวเอง บอกลูกศิษย์คนใกล้ชิดไว้ โดยไม่ได้ป่าวประกาศให้คนทั่วไปรับรู้ เมื่อถึงเวลาก็จะละสังขารตามกำหนด คือวันที่ 9 ก.ย. 2557 เมื่อพระอาทิตย์ตกดินอาตมาห้ามทุกคนเข้ามาในบริเวณกุฏิ เพื่อจะทำสมาธิและนอนในโลงที่เตรียมไว้ และจะแยกร่างปลงสังขารในเวลา 21.00 น.ระหว่างนี้ได้สั่งห้ามทุกคนเข้ามาจนกว่าจะครบ 3 วัน คือวันที่ 11 ก.ย. เวลาประมาณ 13.00 น. จึงให้ ลูกศิษย์เข้ามานำร่างไปไว้ยังสถานที่ประกอบ พิธีที่อยู่ใกล้กัน เพื่อนำร่างไปเผาในเวลา 21.00 น."หลวงปู่พิมพ์ระบุ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดทั้งวันหลวงปู่พิมพ์เตรียมตัวละสังขาร ด้วยการงดฉันน้ำและอาหาร แต่ยังคงปฏิบัติธรรมตามปกติ พร้อมกันนี้ได้กำชับให้ทุกคนไม่ต้องจัดพิธีศพ ไม่สวดศพ ไม่สั่งเสียก่อนละสังขาร ไม่ต้องร้องไห้เสียใจ เมื่อมรณภาพแล้วให้เผาอย่างเรียบง่ายเท่านั้น
หลวงพ่อพิมพ์ ได้เปิดเผยถึงการประกาศละสังขารว่า ที่ผ่านมาได้ใช้ชีวิตในชาติหนึ่งอย่างสมบูรณ์แล้ว เมื่อเกิดมาตัวเปล่าต้องไปด้วยตัวเปล่าเช่นกัน ชีวิตไม่มีอะไรเป็นแก่นสาร โดยฝากคำสอนทิ้งท้ายว่า อย่าเผลอสติ ต้องฝึกการมีสติ การใช้สติให้เกิดปัญญา โดยท่านเลือกละสังขารที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ข้างกุฏิภายในวัด ด้วยวิธีเข้าไปนอนภาวนาในโลงที่เตรียมไว้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลวงปู่พิมพ์ยังมีร่างกายปกติ สมบูรณ์แข็งแรงทุกอย่าง แถมยังพูดจาหยอกล้อติดตลกกับญาติโยม โดยไม่มีแววเศร้าโศกหรือเบื่อหน่ายชีวิตแต่อย่างใด ขณะเดียวกันลูกศิษย์ที่มีความศรัทธาต่างเชื่อว่าหลวงพ่อพิมพ์จะสามารถละสังขารสิ้นลมหายใจด้วยการเจริญภาวนาในโลงศพอย่างแน่นอน
ล่าสุด เมื่อช่วงเย็น หลวงปู่พิมพ์เข้าไปนั่งสมาธิในกุฏิ และเปิดโอกาสให้ลูกศิษย์ลูกหา ญาติโยม กราบไหว้เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะปิดประตูกุฏิ ห้ามใครรบกวน จนถึงเช้าวันที่ 11 ก.ย.หากท่านละสังขารจริงให้นำสังขารบรรจุโลงที่เตรียมไว้ และทำพิธีอย่างเรียบง่าย ไม่ต้องจัดพิธีใดๆ ซึ่งบรรยากาศช่วงนี้ยังคงมีญาติโยมไปกราบไหว้จนแน่นวัด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับโลงไม้ที่หลวงปู่พิมพ์จะเข้าไปนอนเพื่อละสังขารนั้น มีลักษณะเป็นโลง 2 ชั้น ชั้นบนมีการเจาะรูระบายอากาศไว้รอบผนังทั้ง 4 ด้านด้วย
ต่อมาเวลา 18.30 น. หลวงปู่พิมพ์นั่งให้พรลูกศิษย์และประชาชนที่มารอบริเวณหน้ากุฏิ จากนั้นได้เดินเข้าไปในกุฏิเพียงลำพังโดยไม่อนุญาตให้ใครเข้าไปด้วย ซึ่งตามกำหนด การเดิมหลวงปู่พิมพ์จะเข้าไปนอนในโลงในเวลา 21.00 น. เพื่อละสังขารตามที่ประกาศไว้ล่วงหน้า ทั้งนี้ เมื่อถึงเวลาที่กำหนดลูกศิษย์ไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้าไปในกุฏิ จึงไม่มีใครทราบว่าหลวงปู่พิมพ์นอนในโลงละสังขารหรือไม่
สำหรับ หลวงปู่ธนวัฒน์เกิดเมื่อปีพ.ศ.2492 เดิมเป็นชาวจังหวัดเพชรบูรณ์ จากนั้นย้ายภูมิลำเนามาอยู่ที่ จ.ร้อยเอ็ด เมื่อเป็นหนุ่มเดินทางไปขายแรงงาน ขับรถเทรลเลอร์ที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย ระหว่างทำงานอยู่นานกว่า 13 ปีมีความสนใจเลื่อมใสพระพุทธศาสนา และศึกษาพระธรรมคำสอน เมื่อตัดสินใจเดินทางกลับประเทศไทยเมื่อปี 2536 จึงเข้าสู่ใต้ร่มกาสาวพัสตร์ ที่วัดอนงคาราม อารามหลวง เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร ศึกษาพระธรรมวินัยอยู่ประมาณ 1 ปี จนปี 2537 ตัดสินใจออกเดินธุดงค์ไปทั่วประเทศ กระทั่งปี 2541 มาพบสถานที่บ้านท่าเริงรมย์ ต.ทุ่งพระ อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ จึงตัดสินใจสร้างวัดป่าเวฬุวันขึ้นจนถึงปัจจุบัน
พระพรหมเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ ในฐานะโฆษกมหาเถรสมาคม กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า การที่ท่านพยากรณ์หรือใช้วิธีใดวิธีหนึ่ง ทราบถึงวันละสังขารนั้น เชื่อว่าในอดีตคงจะมีพระเถระนักปฏิบัติที่สามารถทราบถึงวันมรณภาพของตนเองได้ แต่โดยทางปฏิบัติของพระสงฆ์เมื่อพยากรณ์ว่าท่านจะมรณภาพเมื่อใดไม่มีความจำเป็นต้องบอกให้ผู้ใดทราบก็ได้ หรืออาจเป็นด้วยท่านเพียงแต่ต้องการสั่งเสียญาติผู้ใกล้ชิดให้ปฏิบัติตามคำสั่งเสียภายหลังที่มรณภาพไปแล้วเท่านั้น เพื่อเป็นการบอกเตือนให้ลูกศิษย์ได้เจริญมรณานุสติ ระลึกถึงความตาย เห็นความตายเป็นปกติธรรมดาของมนุษย์ที่ทุกคนต้องประสบ เพียงแต่คนทั่วไปเอาไปบอกเล่ากันต่อ จนกลายเป็นข่าวฮือฮาเช่นนั้น "อาตมามิได้รู้จักกับท่านเป็นการส่วนตัว ไม่ทราบถึงวัตรปฏิบัติของท่านแต่อย่างใด ส่วนท่าน จะมรณภาพตามที่บอกกล่าวหรือไม่คงต้องติดตามดูกัน"
ด้านนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า ตนได้สั่งการให้สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด (พศจ.) ชัยภูมิ หารือกับเจ้าคณะปกครองว่าการที่พระสงฆ์ออกมาประกาศละสังขารเข้าข่ายอวดอุตริมนุสธรรมหรือไม่ มีนัยอะไรแอบแฝง ซึ่งโดยปกติแล้วหากพระรูปใดจะละสังขารส่วนใหญ่ก็จะไม่มีการป่าวประกาศออกสื่อมวลชน หรือให้คณะลูกศิษย์ได้รับทราบ อย่างไรก็ตาม คงจะต้องจับตาดูว่าในคืนนี้เวลา 21.00 น. จะมีเหตุการณ์ตามที่ประกาศหรือไม่ หากไม่มีอะไรเกิดขึ้นคงต้องให้เจ้าคณะปกครองดำเนินการตามความเหมาะสมต่อไป