- Details
- Category: ไอที-เทคโนฯ
- Published: Friday, 18 March 2016 11:54
- Hits: 2904
อิเมอร์สัน เนทเวอร์ค พาวเวอร์ ชูกลยุทธ์โครงข่ายประสิทธิภาพสุดล้ำแห่งอนาคต
โซลูชั่นการใช้งานแบบบูรณาการ ฉลาด ปรับเปลี่ยนได้รวดเร็ว ครบวงจร เปี่ยมประสิทธิภาพและความพร้อม
กรุงเทพมหานครฯ - อิเมอร์สัน เนทเวอร์ค พาวเวอร์ ผู้ให้บริการชั้นนำระดับโลกด้านโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญสูงสุดสำหรับระบบเทคโนโลยีข้อมูลและการสื่อสาร ชี้ให้เห็นถึงกลยุทธ์การเพิ่มการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี เพื่อรองรับข้อมูลจำนวนมหาศาลที่ส่งผ่านจากคนและเครื่องมือสื่อสารต่างๆ
การเกิดขึ้นของเทคโนโลยีใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็น อินเทอร์เน็ตออฟธิงส์ หรือ ไอโอที (Internet of Things : IoT) และคลาวด์คอมพิวติ้ง ทำให้องค์กรต่างๆ ต้องเคลื่อนย้ายระบบจัดเก็บข้อมูล ระบบเครือข่าย และแบนด์วิธ ให้ใกล้ชิดกับผู้ใช้งานหรืออุปกรณ์รอบข้างมากขึ้น สิ่งอำนวยความสะดวกเหล่านี้ เป็นที่รู้จักในนาม ศูนย์ข้อมูลใกล้เคียง หรือ ’neighborhood’ data center’ ที่ต้องพรั่งพร้อมด้วยประสิทธิภาพ ความยืดหยุ่น ระบบประมวลผล และความสามารถในการจัดเก็บข้อมูลมหาศาลได้
มร.แดเนียล ซิม ผู้อำนวยการ ช่องทางธุรกิจ อิเมอร์สัน เนทเวอร์ค พาวเวอร์ ภูมิภาคเอเชีย กล่าวว่า "ปีนี้คาดการณ์ได้ว่า การบริโภคข้อมูลด้านดิจิตัลจะมีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งจะทำให้เกิดจุดอัดตัวเป็นอุปสรรคต่อการเก็บรวบรวม และวิเคราะห์ข้อมูล ดังนั้น “ระบบศูนย์ข้อมูลใกล้เคียง” จึงมีความสำคัญ โดยเฉพาะกับกลุ่มธุรกิจและการธนาคาร ที่จำเป็นต้องอาศัยระบบโครงสร้างพื้นฐานที่มีความยืดหยุ่น สามารถปรับเปลี่ยนขนาดได้ และคุ้มค่าการลงทุนเพื่อรับมือกับความท้าทายใหม่ๆ ดังนั้น องค์กรต่างๆ จึงต้องให้ความสำคัญกับการวางกลยุทธ์โครงข่ายเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดและล้ำสมัยรองรับกับการใช้งานในอนาคต โดย
หนึ่ง ต้องออกแบบให้มีความยืดหยุ่น เนื่องด้วยศูนย์ข้อมูลใกล้เคียง ที่อยู่รอบข้างจะมีบทบาทมากขึ้นในการรองรับการส่งผ่านข้อมูล การประมวลผล พร้อมจัดเก็บข้อมูลจำนวนมหาศาลเหล่านี้ และทำหน้าที่เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างเครือข่ายและอุปกรณ์จำนวนมากเข้าด้วยกัน ซึ่ง การ์ดเนอร์ บริษัทวิจัยและให้คำปรึกษาด้านไอทีในสหรัฐอเมริกา คาดการณ์ว่า ในปี 2563 จะมีอุปกรณ์เชื่อมต่อมากถึง 6.4 พันล้าน จากอิทธิพลของ IoT ส่งผลให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือและประสิทธิภาพการใช้งาน ด้าน Jay Wirts รองประธานและผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายบริหารไอที อิเมอร์สัน เนทเวอร์ค พาวเวอร์ ให้ข้อคิดว่า “เมื่อถึงจุดหนึ่งองค์กรต่างๆ จำเป็นต้องคำนึงถึงอัตราการเติบโต ทั้งในเชิงกว้างและลึก เพราะมันไม่ได้ง่ายแค่ปรับเปลี่ยนระบบเครือข่ายให้รองรับการเจริญเติบโตตามขนาดของธุรกิจภายในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งเท่านั้น แต่ต้องสามารถปรับใช้กับพื้นที่ใหม่อื่นๆ ได้อย่างรวดเร็วด้วย เช่น ระบบ SmartCabinet และ SmartRow ระบบขนาดเล็กที่สามารถปรับขยายการใช้งานได้ตามความจำเป็น สะดวกรวดเร็ว และประหยัดค่าใช้จ่ายในการลงทุน
สอง การแสดงผลที่ชัดเจน การจัดการอุปกรณ์เทคโนโลยีระยะไกลจากส่วนกลาง เป็นสิ่งท้าทายและจำเป็นต้องมีบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญมาดูแลซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูง เพื่อเป็นการประหยัดงบ ขณะที่ยังมั่นใจได้ว่าการบริหารจัดการ “ระบบศูนย์ข้อมูลใกล้เคียง” จะไม่เกิดข้อผิดพลาด องค์กรต่างๆ จำเป็นต้องมีระบบไอทีที่ทำงานแบบเรียลไทม์ทั้งหมด ทั้งจากส่วนกลางและโครงข่ายรอบนอก ซึ่งโครงข่ายระบบจ่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ เช่น Liebert MPH 2 สวิตช์ KVM และโซลูชั่นการบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานของระบบดาต้า เซ็นเตอร์ จะช่วยให้สามารถจัดการระบบศูนย์ข้อมูลจากส่วนกลางได้ผ่านการควบคุมเซิร์ฟเวอร์ระยะไกล ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถทำงานเชิงรุกและพบความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที
สาม มีความยืดหยุ่นในทุกระดับ จากที่สังคมปัจจุบันเชื่อมต่อถึงกันหมด ผู้ใช้งานต่างคาดหวังว่าแอพพลิเคชั่นต่างๆ จะใช้งานได้อย่างต่อเนื่องไม่มีสะดุด แต่จากการศึกษาล่าสุดของ สถาบันโพนีมอน (Ponemon Institute ) (ภายใต้การสนับสนุนจาก อิเมอร์สัน เนทเวอร์ค พาวเวอร์) เกี่ยวกับสาเหตุการหยุดทำงาน (downtime) ของระบบดาต้า เซ็นเตอร์ พบว่า สาเหตุอันดับหนึ่งที่ทำให้ระบบศูนย์ข้อมูลหยุดทำงาน เกิดขึ้นจากความล้มเหลวของเครื่องสำรองไฟฟ้า โดยก่อให้เกิดความเสียหายสูงถึง 8,851 เหรียญสหรัฐ ต่อนาที (ประมาณ 315,000 บาทต่อนาที) หรือคิดเฉลี่ยประมาณ 740,357 เหรียญสหรัฐ ต่อการหยุดทำงานต่อครั้ง (ประมาณ 26 ล้านบาทต่อครั้ง) ซึ่งสามารถหลีกเลี่ยงปัญหาดังกล่าวได้ด้วยการใช้ยูพีเอสที่มีความคงทน เช่น เครื่องสำรองไฟฟ้า Liebert GXT4 ที่ช่วยปกป้องอุปกรณ์ไอทีให้ปลอดภัยจากกระแสไฟที่ไม่สม่ำเสมอ
มร.แดเนียล กล่าวว่า โครงสร้างพื้นฐานไมโครแบบครบวงจรข้างต้น เหมาะสำหรับการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์รอบข้างหลากหลายรูปแบบ อีกทั้งถูกออกแบบมาให้ควบคุมการทำงาน พร้อมโซลูชั่นครบวงจรสำหรับสำนักงานสาขา ควบคุมการทำงานระยะไกล และเชื่อมต่อกับเครือข่ายรอบข้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับ ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโซลูชั่นโครงสร้างพื้นฐานแบบครบวงจรของอิเมอร์สัน เนทเวอร์ค พาวเวอร์ ติดต่อ: www.EmersonNetworkPower.com/Edge
เกี่ยวกับ อิเมอร์สัน เนทเวอร์ค พาวเวอร์ (Emerson Network Power) : อิเมอร์สัน เนทเวอร์ค พาวเวอร์ หน่วยธุรกิจของ อิเมอร์สัน (ที่ NYSE: EMR) เป็นผู้ให้บริการชั้นนำระดับโลกของเทคโนโลยีสำหรับโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ เราให้บริการดูแลตลอดวงจรของระบบโครงข่ายไอที ครอบคลุมเทคโนโลยีข้อมูลและการสื่อสาร ด้วยความต้องการที่ขยายเพิ่มขึ้นมากมายในการมองหาโซลูชั่นส์ที่เป็นอัจฉริยะและสามารถนำมาใช้อย่างรวดเร็วด้านฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์ สำหรับบริหารจัดการพลังงาน ความร้อน และโครงสร้างพื้นฐาน อิเมอร์สัน เนทเวอร์ค พาวเวอร์ มีระบบโครงข่ายไอทีที่มีประสิทธิภาพและโซลูชั่นส์ให้เลือกสูงสุด ตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.EmersonNetworkPower.Asia
เกี่ยวกับ อิเมอร์สัน (Emerson) : อิเมอร์สัน (NYSE: EMR) มีสำนักงานใหญ่ที่ เซนต์หลุยส์ มิสซูรี สหรัฐอเมริกา เป็นผู้นำระดับโลก ในการนำ เทคโนโลยีและวิศวกรรม มาพัฒนาร่วมกัน เพื่อจัดหาโซลูชั่นส์ที่เป็นนวัตกรรม สำหรับลูกค้าในภาคอุตสาหกรรม การค้า และตลาดผู้บริโภคทั่วโลก บริษัทฯ ประกอบด้วย 5 ธุรกิจหลัก : การจัดการกระบวนการธุรกิจ, ระบบอัตโนมัติทางอุตสาหกรรม, พลังงานเครือข่าย, เทคโนโลยีภูมิอากาศ และ โซลูชั่นส์สำหรับพาณิชยกรรมและที่พักอาศัย ในปีงบประมาณ 2557 มียอดขายรวมเป็นมูลค่า 24.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม : www.emerson.com
Emerson Network Power Identifies Strategies to Future-Proof Network Edge Facilities
Intelligent, rapidly deployable integrated solutions provide efficiency and availability
Bangkok, Thailand– Emerson Network Power, a business of Emerson (NYSE: EMR) and the world’s leading provider of critical infrastructure for information and communications technology systems, today identified strategies for organizations to better support edge facilities amid continued explosion of data generated by people and devices.
Because of emerging technologies such as the Internet of Things (IoT) and cloud computing, more organizations are now moving their storage, networking and bandwidth closer to users or in edge facilities. These facilities, also known as “neighborhood” data centers, face unique challenges of efficiency, availability and resiliency as they receive, process, and store huge amounts of data.
“We are expecting exponential growth in digital consumption this year, causing a spike in data that is being generated, collected and analyzed. Because of this, there is a growing importance on neighborhood data centers, especially in the areas of retail and banking,” said Daniel Sim, director, channel business, Emerson Network Power in Asia. “These facilities require critical infrastructure that is flexible, scalable and cost-effective to address new challenges at the edge.”
Below are strategies to future-proof the network edge:
1. Consider design flexibility : Neighborhood data centers, or edge facilities, are receiving, processing and storing huge amounts of data as more networks and devices are becoming increasingly connected to them. Gartner predicts that by 2020, there will be 6.4 billion connected devices because of IoT and this can cause concerns for uptime and reliability in edge facilities. Jay Wirts, vice president and general manager of IT management, Emerson Network Power says, “When it comes to edge, organizations need to think about growth both vertically and horizontally. It’s not just about deploying facilities that can scale to accommodate growth within a specific location, but also quickly deploying facilities in new locations.” The SmartCabinet and SmartRow systems that combine power, thermal and IT management in a small footprint are ideal in these deployments, as these can be expanded as needed and rapidly deployed. Further, standardized systems simplify design and cut deployment costs.
2. Ensure visibility at the edge : Managing several remote facilities can be a challenge and often require additional skilled manpower, which can be costly. To save on cost while ensuring insight into the neighborhood data center, organizations must enable real-time visibility of all IT networks, from core to the edge. Intelligent power distribution units such as the Liebert MPH2, KVM switches and data center infrastructure management solutions enable centralized management of remote servers, allowing operators to proactively detect and identify potential risks and address them immediately.
3. Resiliency in all levels : Because of today’s interconnected society, users expect applications to always be available. In the recent Ponemon Study on Data Center Downtime sponsored by Emerson Network Power, it found that the cost of downtime has increased to $8,851 per minute or an average of $740,357. UPS failure still accounts as the number one cause of data center outage. This can be avoided through reliable, fault-tolerant UPS such as the Liebert GXT4 that protect equipment against electrical disturbances.
Emerson Network Power’s micro unified infrastructure offerings are ideal for deployment in edge facilities. From row to rack deployments, these are self-contained, preconfigured, fully-integrated solutions for branch offices, remote offices and other edge of network facilities.
For more information on Emerson Network Power’s unified infrastructure solutions, visit www.EmersonNetworkPower.com/Edge or download the Executive Brief and Playbook.
About Emerson Network Power : Emerson Network Power, a business of Emerson (NYSE:EMR), is the world’s leading provider of critical infrastructure technologies and life cycle services for information and communications technology systems. With an expansive portfolio of intelligent, rapidly deployable hardware and software solutions for power, thermal and infrastructure management, Emerson Network Power enables efficient, highly-available networks. Learn more at www.EmersonNetworkPower.Asia.
About Emerson : Emerson (NYSE: EMR), based in St. Louis, Missouri (USA), is a global leader in bringing technology and engineering together to provide innovative solutions for customers in industrial, commercial, and consumer markets around the world. The company is comprised of five business segments: Process Management, Industrial Automation,Network Power, Climate Technologies, and Commercial & Residential Solutions. Sales in fiscal 2015 were $22.3 billion. For more information, visit Emerson.com.