- Details
- Category: การแพทย์-สธ
- Published: Wednesday, 14 May 2014 00:04
- Hits: 4205
อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยคนไทยป่วยโรคปริทันต์อักเสบอย่างรุนแรงมากขึ้น แนะแปรงฟันให้ถูกวิธี ส่วนผู้ป่วยแล้วควรแปรงฟันคู่กับการแปรงซอกฟันทุกวัน
อธิบดี กรมอนามัย เปิดเผยคนไทยป่วยโรคปริทันต์อักเสบอย่างรุนแรงมากขึ้น แนะแปรงฟันให้ถูกวิธี ส่วนผู้ป่วยแล้วควรแปรงฟันคู่กับการแปรงซอกฟันทุกวัน
นายแพทย์พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า จากการสำรวจสภาวะสุขภาพช่องปากประเทศไทย พบว่าประชาชนกลุ่มวัยทำงานเริ่มมีปัญหาเรื่องโรคปริทันต์ โดยร้อยละ 15.6 เป็นโรคปริทันต์อักเสบอย่างรุนแรง และมากขึ้นในกลุ่มผู้สูงอายุถึงร้อยละ 32.1 ซึ่งโรคปริทันต์ประชาชนจะเข้าใจว่าเป็นโรคเหงือกอักเสบ แต่ความจริงแล้วมีความรุนแรงกว่าเหงือกอักเสบมากเพราะอาการอักเสบจะเกิดขึ้น ในอวัยวะอื่น ๆ ด้วย เช่น กระดูกเบ้าฟัน เอ็นยึดปริทันต์ และผิวรากฟัน โดยผู้ที่เป็นโรคปริทันต์มักมีอาการเลือดออกขณะแปรงฟัน เหงือกบวมแดง มีกลิ่นปาก เหงือกร่น มีหนองออกจากร่องเหงือก ฟันโยกหรือฟันเคลื่อนห่างออกจากกันนำไปสู่สาเหตุการสูญเสียฟันในที่สุด โดยโรคปริทันต์เกิดจากคราบจุลินทรีย์หรือพลัค ที่มีเชื้อโรคแฝงอยู่เป็นจำนวนมากพบมากที่บริเวณคอฟัน ขอบเหงือก และซอกฟัน
เมื่อรับประทานอาหารเข้าไปคราบจุลินทรีย์นี้จะใช้น้ำตาลจากอาหารสร้างกรดและ สารพิษ ทำลายเคลือบฟันทำให้ฟันผุ ประชาชนจึงควรดูแลและทำความสะอาดช่องปากและฟันให้สะอาดอยู่เสมอ โดยกรมอนามัยแนะให้ใช้สูตรแปรงฟัน 2 2 2 คือ แปรงฟันวันละ 2 ครั้ง ด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ โดยเน้นช่วงก่อนนอนแปรงฟันนานอย่างน้อย 2 นาที ให้สะอาดทั่วทั้งปากทุกซี่ ทุกด้าน และไม่กินขนมหรืออาหารหวานหลังแปรงฟัน 2 ชั่วโมง เพราะขนมและอาหารหวานจะกลายสภาพเป็นกรดทำลายสารเคลือบฟัน แต่สำหรับผู้ที่เป็นโรคปริทันต์หรือมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคปริทันต์ อักเสบ การแปรงฟันโดยปกติอาจไม่พอ เพราะมีช่องว่างระหว่างซี่ฟันบริเวณเหนือเหงือกขนาดใหญ่ การใช้แปรงซอกฟันทำความสะอาด จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำความสะอาดได้มากกว่าการแปรงฟันอย่างเดียวถึง ร้อยละ 20 ซึ่งการเลือกแปรงสำหรับแปรงซอกฟันควรเลือกขนาดให้เหมาะกับช่องว่างระหว่าง ซี่ฟัน ซึ่งจะมีตั้งแต่ขนาด 0.6 - 1.8 มม. วิธีการใช้ คือ สอดขนแปรงที่ช่องว่างระหว่างซี่ฟัน ดึงเข้าออก 3-4 ครั้ง และต้องใช้อย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกวัน วันละ 1 ครั้ง จึงจะได้ผลดีที่สุด หากมีข้อสงสัยขอรับคำแนะนำได้จากทันตบุคลากรที่สถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้าน