- Details
- Category: การแพทย์-สธ
- Published: Friday, 29 April 2022 21:01
- Hits: 2898
ผู้ป่วยปลื้ม ‘30 บาทรักษาทุกที่’ ใช้ได้จริง-ไม่มีขั้นตอนซับซ้อน เพิ่มความสะดวกโดยเฉพาะผู้ย้ายถิ่นฐาน
ประชาชนที่เข้ารับบริการ ณ รพ.สต.วัดพระญาติการาม และโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา ภายใต้นโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ ปลื้มการเข้าถึงการรักษาง่าย ไม่มีขั้นตอนซับซ้อน เพิ่มความสะดวกให้กับคนย้ายถิ่นฐานแต่ไม่ได้ย้ายสิทธิการรักษา
นางสุพรรณี ดีทะโชติ ประชาชนผู้มาเข้าใช้บริการ รพ.สต.วัดพระญาติการาม จ.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยถึงการใช้สิทธิระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) ภายใต้โครงการ “30 บาทรักษาทุกที่” ตอนหนึ่งว่า เดิมสิทธิของตนอยู่ที่โรงพยาบาลใน จ.นครราชสีมา แต่ปัจจุบันได้ย้ายถิ่นฐานมาทำงานที่ จ.พระนครศรีอยุธยา จึงเลือกเข้ารับการรักษาที่ รพ.สต.วัดพระญาติการาม เพราะใกล้ที่สุด ซึ่งแม้ตนเองจะย้ายมาจากจังหวัดอื่นและไม่ได้ทำการย้ายสิทธิใดๆ ก็ยังสามารถรักษาฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายได้เหมือนเดิม
สำหรับ ขั้นตอนการเข้ารับบริการก็ไม่ต่างไปจากการรับบริการที่เคยใช้ เช่น มีการตรวจสอบสิทธิ ซักประวัติ ฯลฯ ซึ่งทำให้สะดวกสบายมากขึ้นในการเข้ารับการรักษา ไม่ต้องกลับไปใช้สิทธิตามที่ลงทะเบียนไว้เพียงแห่งเดียว
“เราคิดว่าโครงการนี้ดีมากสำหรับคนที่ต้องย้ายถิ่นฐานทำมาหากิน แต่ยังไม่ได้ย้ายสิทธิการรักษามาด้วย เพราะตอนแรกก็มีความกังวลเหมือนกันว่าอาการป่วยมันเกิดขึ้นตอนนี้แต่สิทธิยังอยู่ที่เดิม ต้องกลับไปรักษาตามนั้นไหม แต่พอมารับการรักษาปรากฎว่าก็ฟรีไม่เสียอะไรเลย”นางสุพรรณี ระบุ
ด้าน นายสุริยะ เขียวมณี ประชาชนผู้ใช้บริการโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า พึ่งเคยมาใช้สิทธิ ‘30 บาทรักษาทุกที่’ ที่โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา เดิมอาศัยและทำงานอยู่ที่จังหวัดสุโขทัย การรับบริการการรักษาจะใช้อยู่ที่นั่นเป็นหลัก แต่ด้วยลักษณะงานที่ทำจะอยู่ต้องเดินทางไปต่างจังหวัดเป็นส่วนใหญ่ และครั้งนี้ก็เช่นกัน ซึ่งระหว่างทำงานเกิดอาการป่วยกระทันหันจึงเลือกมารับการรักษาที่นี่ เพราะใกล้สถานที่ทำงานมากที่สุด
สำหรับ มาตรฐานการบริการค่อนข้างดีมีความสะดวกสบาย ไม่ค่อยมีความแออัด การรอคิวหรือขั้นตอนเป็นไปตามปกติ ไม่มีอะไรติดขัดหรือซับซ้อน โดยการใช้สิทธิตามนโยบายดังกล่าวครอบคลุมค่าใช้จ่ายทั้งหมด ไม่ได้เสียค่าใช้จ่ายส่วนใดเพิ่มเลย
อนึ่ง นโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ เป็นนโยบายการยกระดับบัตรทองของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข (สธ.) ที่ได้เริ่มนำร่องเมื่อ ปี พ.ศ.2564 และต่อยอดครอบคลุมทั่วประเทศเมื่อต้นปี พ.ศ.2565 ที่ผ่านมา โดยหากประชาชนมีอาการเจ็บป่วย สามารถเข้ารับบริการรักษาที่หน่วยปฐมภูมิได้ฟรีทุกที่ทั่วประเทศ ไม่เฉพาะตามสิทธิที่ลงทะเบียนไว้ รวมถึงไม่จำเป็นต้องมีการส่งตัวกลับไปรักษาที่หน่วยบริการที่ลงทะเบียนไว้เหมือนในอดีต
หลักการของนโยบายนี้คือประชาชนสิทธิบัตรทองยังคงเข้ารับบริการที่สถานพยาบาลประจำของตัวเองซึ่งได้ลงทะเบียนใช้สิทธิ์ไว้ แต่กรณีอยู่ต่างพื้นที่และเกิดเจ็บป่วยขึ้น สามารถเข้ารักษาที่หน่วยบริการปฐมภูมิในระบบบัตรทองที่อยู่ใกล้ได้ โดยประชาชนไม่ต้องกลับไปรับใบส่งตัวเพื่อนำมายื่นในภายหลัง หรือถูกเรียกเก็บค่ารักษาเหมือนในอดีต โดยหน่วยบริการจะเรียกเก็บค่ารักษาจาก สปสช.แทน เป็นการเพิ่มคุณภาพและความสะดวกการรับบริการ ตามนโยบาย’ยกระดับบัตรทอง’
ทั้งนี้ บริการสุขภาพปฐมภูมิ คือ บริการสุขภาพด่านแรกของระบบบริการสาธารณสุข ซึ่งมีบทบาทในการดูแลสุขภาพประชาชนในท้องถิ่นโดยเน้นการป้องกันไม่ให้ป่วย หากเจ็บป่วยจะได้รับการดูแลรักษาเบื้องต้น (และครอบคลุมในกรณีที่จำเป็นจะต้องส่งต่อผู้ป่วยไปยังสถานพยาบาลที่รักษาโรคซับซ้อนมากขึ้น) ทั้งนี้รวมถึงบริการฟื้นฟูสุขภาพด้วย
ตัวอย่างหน่วยบริการปฐมภูมิ เช่น สถานีอนามัย, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล (รพ.สต.), หน่วยบริการปฐมภูมิของโรงพยาบาล, ศูนย์สุขภาพชุมชน ศูนย์บริการสาธารณสุข รวมถึง คลินิกชุมชนอบอุ่น เป็นต้น
สอบถามเพิ่มเติมการใช้สิทธิบัตรทอง ได้ที่ สายด่วน สปสช. 1330 หรือช่องทางระบบออนไลน์ทั้งไลน์ สปสช. (ไลน์ไอดี @nhso) หรือคลิก https://lin.ee/zzn3pU6 และ Facebook สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ https://www.facebook.com/NHSO.Thailand