- Details
- Category: การแพทย์-สธ
- Published: Thursday, 20 January 2022 10:55
- Hits: 3236
กรมอนามัย แนะเตรียม'บ้าน-คอนโด' ให้พร้อม หากมีสมาชิกต้องแยกกักตัว
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข แนะครอบครัว เจ้าของหรือนิติบุคคลคอนโดมิเนียมหรือแฟลต เตรียมความพร้อมกรณีมีผู้ต้องแยกกักอยู่ที่บ้านหรือคอนโดมิเนียม (Home Isolation) จัดเตรียมพื้นที่และการจัดการบ้าน พร้อมให้แนวทางการปฏิบัติตัวของผู้ที่พักอาศัยและผู้ดูแลที่อยู่ร่วมกับผู้ติดเชื้อ ป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ภายในครอบครัว
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ โควิด-19 ทั้งสายพันธุ์เดลต้า และสายพันธ์โอมิครอนทำให้ต้องมีการแยกกักตัวระหว่างการรอเตียงเข้ากักตัวในสถานที่ที่รัฐจัดให้ เพื่อควบคุมป้องกันไม่ให้เชื้อโรคแพร่กระจายจึงมีความจำเป็นที่จะต้องมีการแยกกักตัวที่บ้าน หรือที่พักอาศัยประเภทคอนโดนิเนียม (Home Isolation) โดยมีคำแนะนำสำหรับครอบครัวเพื่อเตรียมความพร้อมกรณีมีผู้ต้องแยกกักตัวอยู่ที่บ้าน
ดังนี้ 1) แยกส่วนหรือพื้นที่เว้นระยะห่างอย่างน้อย 1.5 - 2 เมตร 2) หากมีพื้นที่จำกัดให้จัดทำฉากกั้นระหว่าง ผู้ต้องถูกแยกกักตัวและคนอื่นๆ ในครอบครัว 3) จัดห้องพักให้โปร่ง อากาศถ่ายเทได้ดี มีแสงแดดเข้าถึง 4) แยกของใช้ส่วนตัว เช่น ผ้าเช็ดตัว แก้วน้ำ จานชาม เป็นต้น 5) การทำความสะอาดเสื้อผ้า ใช้ผงซักฟอกตามปกติ หากมีเครื่องซักผ้าให้ซักด้วยผงซักฟอกหรือน้ำยาซักผ้า ในน้ำอุณหภูมิ 60 – 90 องศาเซลเซียส อย่างน้อย 25 นาที และผึ่งแดดให้แห้ง 6) การใช้ห้องน้ำ ห้องส้วมกรณีที่ไม่สามารถแยกห้องได้ ให้ผู้อื่นใช้ห้องน้ำก่อน
ส่วนผู้แยกกักตัวให้ใช้เป็นคนสุดท้าย พร้อมทำความสะอาดให้เรียบร้อย ด้วยผ้าชุบน้ำยาฟอกขาวความเข้มข้น 0.1 เปอร์เซ็นต์ หรือแอลกอฮอล์ 70 เปอร์เซ็นต์ หรือไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 0.5 เปอร์เซ็นต์ 7) เตรียมถังขยะส่วนตัว ที่มีฝาปิดมิดชิด และของใช้ส่วนตัวโดยเฉพาะทั้งในบริเวณที่นอนและห้องน้ำ 8) ถ้ามีห้องนอนห้องเดียว แต่ต้องนอนร่วมกับคนในบ้าน ต้องเปิดประตูหน้าต่างให้โล่งโปร่งที่สุด หรือใช้ฉากผ้าม่านกั้นระหว่างกัน พยายามอยู่ห่างจากคนในครอบครัวให้มากที่สุด และวัดไข้ทุกวัน หากมีอาการไข้สูงมากกว่า 39 องศาเซลเซียส หายใจหอบเหนื่อย วัดค่าออกซิเจนปลายนิ้วได้ น้อยกว่า 94 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งค่าปกติอยู่ที่ 96 - 100 เปอร์เซ็นต์ ให้รีบโทรติดต่อโรงพยาบาล หรือสถานพยาบาลใกล้บ้านทันที
นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าวต่อไปว่า คำแนะนำการปฏิบัติตัวของผู้ที่พักอาศัยและผู้ดูแลที่อยู่ร่วมกับผู้ติดเชื้อในบ้าน คอนโดมิเนียม หรือแฟลต ต้องสวมหน้ากากตลอดเวลา ล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่และน้ำ นานอย่างน้อย 20 วินาที แยกของใช้ส่วนตัว แยกกันกินอาหารและไม่ดื่มน้ำร่วมกัน เก็บล้างภาชนะด้วยน้ำยาล้างจาน นำไปผึ่งแดดให้แห้ง เตรียมจัดของใช้สำหรับผู้ต้องแยกกักกับผู้อื่น เช่น ผ้าเช็ดตัว เสื้อผ้า อุปกรณ์การกินอาหาร อุปกรณ์ทำความสะอาด หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดกับผู้แยกกัก โดยเฉพาะในห้องที่ใช้เครื่องปรับอากาศ แยกตะกร้าและแยกซัก ส่วนการใช้เครื่องซักผ้าสามารถซักรวมกันได้
โดยให้ซักผ้าของผู้ที่พักอาศัยและผู้ดูแลที่อยู่ร่วมกันก่อน ส่วนผู้แยกกักตัวให้ซักเป็นคนสุดท้าย และภายหลังการซักแล้วให้ฆ่าเชื้อด้วยน้ำยาฟอกขาว หรือน้ำยาฆ่าเชื้อ (เดทตอล) ปั่นหลังซักเสร็จเพื่อทำความสะอาดถังเครื่องซักผ้าซักอีกครั้งควรทำสะอาดบ้านสม่ำเสมอทุกวันด้วยน้ำยาถูพื้นหรือน้ำยาฆ่าเชื้อ สำหรับเช็ดพื้นผิว และน้ำยาอเนกประสงค์ บริเวณจุดสัมผัสต่างๆ
สำหรับ การกินอาหาร ต้องเน้น ปรุงสุก กินอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำสะอาด 6-8 แก้วต่อวัน พักผ่อนให้เพียงพอ หากิจกรรมผ่อนคลายเพื่อลดภาวะเครียด และขยะจากผู้ป่วยทุกชิ้นถือเป็นขยะติดเชื้อ ควรกำจัดให้ถูกวิธีคือ รวบรวมขยะทั้งหมดใส่ในถุง 2 ชั้น ราดด้วยสารฆ่าเชื้อ เช่น แอลกอฮอล์ 70 เปอร์เซ็นต์ สารฟอกขาว เพื่อทำลายเชื้อ แล้วปิดปากถุงให้สนิท และฉีดสารฆ่าเชื้อบริเวณปากถุงก่อนทิ้งที่ถังขยะติดเชื้อ
“ทั้งนี้ เจ้าของหรือนิติบุคคลคอนโดมิเนียมหรือแฟลต ขอให้เพิ่มช่องทางประชาสัมพันธ์ข้อมูลเกี่ยวกับโรคโควิด-19 เพื่อแจ้งเตือนพนักงาน ผู้พักอาศัย และผู้มาเยี่ยม เช่น โปสเตอร์การเว้นระยะห่าง การล้างมือและการสวมหน้ากากอนามัยที่ถูกวิธี รวมถึงแนวทางการปฏิบัติตัวให้กับผู้อยู่อาศัย มีการทำความสะอาดพื้นที่ส่วนกลางเป็นประจำทุกวัน และเพิ่มความถี่ในจุดเสี่ยงโดยใช้น้ำยาฆ่าเชื้อเช็ดทำความสะอาดบริเวณที่มีการสัมผัสร่วมกันบ่อยๆ เช่น ราวบันได ปุ่มกดลิฟต์ ลูกบิดประตู ตู้จดหมาย ป้ายประชาสัมพันธ์ โต๊ะ เก้าอี้ อุปกรณ์ฟิตเนส เครื่องเล่นเด็ก
รวมทั้งอาจจัดให้มีจุดบริการแอลกอฮอล์เจล 70 เปอร์เซ็นต์ บริเวณจุดเข้า-ออก ต่าง ๆ ด้วย นอกจากนี้ นิติบุคคลคอนโดมิเนียมหรือแฟลตควรจัดให้มีเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบของสถานประกอบการในการโทรแจ้งและติดต่อกับหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด เพื่อดำเนินการควบคุมโรคตามแนวทางของกระทรวงสาธารณสุขต่อไป”อธิบดีกรมอนามัย กล่าว