- Details
- Category: การแพทย์-สธ
- Published: Thursday, 07 May 2020 18:48
- Hits: 781
สปสช.ประเมินผลกระทบ 'กองทุนบัตรทอง' กรณีสถานการณ์ 'โควิด-19'
สปสช.ประเมินผลกระทบ 'กองทุนบัตรทอง' จากสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 เตรียมจัดสรรงบขาลงปี 64 คงเพิ่มรายการบริการใหม่ พร้อมปรับปรุงงบปี 63 หลังพบบางรายการบริการลด เหตุหน่วยบริการงดบริการกันการแพร่ระบาด และมีค่าใช้จ่ายใหม่เพิ่มเติม
นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2563 ที่ผ่านมา สปสช.ได้มีการประชุมเพื่อเตรียมการจัดสรรงบ ปี 2564 ไปยังหน่วยบริการเพื่อดูแลประชาชนผู้มีสิทธิทั่วประเทศกว่า 48 ล้านคน ตามงบประมาณที่ได้รับ 194,508.78 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นงบเหมาจ่าย 177,198.99 ล้านบาท หรือ 3,719.23 บาทต่อประชากรผู้มีสิทธิ เมื่อหักเงินเดือนในส่วนของหน่วยบริการรัฐ เป็นงบประมาณที่ สปสช.ได้รับ 142,364.81 ล้านบาท ในการนำมาจัดสรรค่าบริการ
ในการประชุมนอกจากหารือการจัดสรรงบประมาณในส่วนบริการหลัก อาทิ บริการผู้ป่วยใน บริการผู้ป่วยนอก บริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค และบริการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์ เป็นต้นแล้ว ยังมีการพิจารณางบประมาณเพื่อดำเนินการในส่วนบริการใหม่ อาทิ ห้องฉุกเฉินคุณภาพ ร้านยาคุณภาพ การบริการฟื้นฟูผู้ป่วยระยะกลาง (Intermediate Care) บัญชียา จ.2 ใหม่ (ยาจำเป็นที่มีราคาแพง) และการฝังเข็มในผู้ป่วยหลอดเลือดสมอง เป็นต้น เพื่อให้ประชาชนได้รับการดูแลและเข้าถึงบริการอย่างครอบคลุมและทั่วถึงยิ่งขึ้น โดยจะนำรายละเอียดเสนอต่อคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ซึ่งมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธาน เพื่อเห็นชอบต่อไป
นพ.ศักดิ์ชัย กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อการให้บริการผู้ป่วย ซึ่งอาจจะทำให้การให้บริการในบางรายการลดลง และบางรายการเพิ่มขึ้น ดังนั้น สปสช.จึงได้มีการหารือและเตรียมพิจารณาเพื่อปรับงบประมาณที่จัดสรรให้เกิดความเหมาะสมทั้งในส่วนของงบประมาณปี 2563 ที่อยู่ระหว่างดำเนินการขณะนี้ และปีงบประมาณ 2564 ที่กำลังมาถึง รวมถึงการปรับรูปแบบการบริการของหน่วยบริการในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่อาจยังคงต่อเนื่องต่อไป
“ข้อมูลบริการลดลงที่เห็นชัดเจน อย่างเช่นบริการการแพทย์แผนไทย การนวดรักษา การบริการฟื้นฟูสุขภาพในชุมชน ที่ผ่านมาหน่วยบริการได้ระงับการให้บริการชั่วคราว เพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาด ทำให้การบริการในปีนี้อาจไม่เป็นไปตามเป้าหมาย แต่ขณะเดียวกันก็มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่เป็นผลจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 อาทิ การจัดส่งยาทางไปรษณีย์ให้ผู้ป่วยเรื้อรัง การให้ผู้ป่วยรับยาร้านยาใกล้บ้าน และการตรวจคัดกรองติดเชื้อโควิด-19 ก่อนทำหัตถการ รวมถึงอุปกรณ์ในการป้องกันที่เป็นค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมขณะนี้และอาจต่อเนื่องในอนาคต คงต้องนำทั้งหมดมาประเมิน เชื่อว่าในท้ายสุดยังคงต้องมีงบประมาณมาเสริมการปฏิบัติงานให้แก่หน่วยบริการต่อไป” เลขาธิการ สปสช. กล่าวและว่า นอกจากนี้จากสถานการณ์การปิดบริการของสถานบริการต่างๆ ที่ส่งผลให้เกิดการเลิกจ้างและมีผู้ที่ตกงานจำนวนมาก ทำให้มีประชาชนที่โอนการรักษาพยาบาลมายังสิทธิบัตรทองเพิ่มขึ้น คาดการณ์ว่าจะมีจำนวนหลายแสนคน ซึ่งเป็นส่วนที่ต้องนำมาพิจารณาด้วย
นพ.ศักดิ์ชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้หารือให้ทำการตรวจสอบงบประมาณที่ยังขาดตกบกพร่องและโครงการที่จำเป็นในการดูแลประชาชนแต่ยังไม่มีงบประมาณรองรับ ทั้งนี้เพื่อจัดทำคำของบประมาณเพิ่มเติมภายใต้งบประมาณเงินกู้ 45,000 ล้านบาท และงบกลางที่รัฐบาลกำลังเตรียมการโอนงบประมาณมาช่วย ตามที่รัฐบาลมอบให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการ เพื่อสนับสนุนระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
กองทุนบัตรทอง กรณีโควิด 19 รพ.ทยอยเบิกค่าบริการแล้วกว่า 143 ลบ.
สปสช.เปิดข้อมูล 'กองทุนบัตรทอง กรณีโควิด 19' หน่วยบริการทั่วประเทศทยอยส่งเบิกค่าใช้จ่ายแล้วรวมกว่า 143 ล้านบาท ทั้งค่าบริการคัดกรอง ค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยนอก ผู้ป่วยใน ระบุหน่วยบริการภาครัฐ เอกชนร่วมรักษาผู้ป่วย ดูแลประชาชน ช่วยควบคุมและลดการแพร่ระบาดโควิด 19
นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ตามที่คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน ได้บรรจุให้การรักษาพยาบาลและดูแลประชาชนกรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 เป็นสิทธิประโยชน์ภายใต้'กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ' หรือกองทุนบัตรทอง ที่ครอบคลุมทั้งการคัดกรองสำหรับผู้ป่วยทุกสิทธิ การดูแลผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอกสำหรับประชาชนสิทธิบัตรทอง โดยได้จัดสรรงบประมาณการดูแลที่แยกออกจากงบกองทุนบัตรทองในระบบปกติจำนวน 4,280 ล้านบาท ที่ได้จากเงินรายได้สูง (ต่ำ) กว่าค่าใช้จ่ายสะสม กองทุนบัตรทองจำนวน 1,020 ล้านบาท และงบกลางโดยรัฐบาล จำนวน 3,260 ล้านบาท
จากข้อมูลการเบิกจ่ายในระบบกองทุนบัตรทองเมื่อวันที่ 30 เมษายน ที่ผ่านมา หน่วยบริการทั่วประเทศได้เริ่มทยอยส่งเรื่องเบิกค่าใช้จ่ายแล้ว รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 143.9 ล้านบาท โดยเป็นค่าใช้จ่ายในการตรวจคัดกรองและตรวจทางห้องปฏิบัติการและค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลผู้ป่วย
นพ.ศักดิ์ชัย กล่าวว่า การเบิกจ่ายค่าตรวจคัดกรองและตรวจทางห้องปฏิบัติการมีจำนวน 33,731 ครั้ง เบิกจ่ายเป็นจำนวน 119.2 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลผู้ป่วยโควิด 19 จำนวน 24.7 ล้านบาท
“ข้อมูลข้างต้นเป็นการเบิกจ่ายกรณีโควิด 19 ที่หน่วยบริการได้เริ่มทยอยเบิกจ่ายเข้ามาที่ สปสช.จากหน่วยบริการทั่วประเทศทั้งในส่วนภาครัฐและเอกชน ซึ่งได้ร่วมมือกันในการดูแลผู้ป่วยและประชาชนในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด 19 ช่วยให้ประชาชนเข้าถึงบริการอย่างทั่วถึงทั้งในส่วนของการรักษาพยาบาลและคัดกรอง ที่เป็นส่วนสำคัญในการควบคุมและลดการแพร่ระบาดของโรคได้”เลขาธิการ สปสช. กล่าว
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web