- Details
- Category: การศึกษา
- Published: Sunday, 28 December 2014 17:57
- Hits: 4776
สบร.แนะความรู้คือโอกาส ชวนเกาะติดเทรนด์โลกในงานมหกรรมความรู้ ครั้งที่ 3
สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) เดินหน้าสร้างโอกาสและยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศด้วยการสร้างสังคมฐานความรู้ ล่าสุดร่วมกับสถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ (NDMI) สำนักงานอุทยานการเรียนรู้ (TK Park) ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (TCDC) จัดงานมหกรรมความรู้ (Knowledge Festival) ครั้งที่ 3 ภายใต้แนวคิด “ไทยม์แมชชีน: เมื่อเทรนด์โลก ย้อนสู่ภูมิปัญญาไทย” หวังจุดประกายให้คนไทยตระหนักและรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของโลก เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและให้ตระหนักถึงการพัฒนาศักยภาพและความคิดสร้างสรรค์ ให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงในกระแสโลก
นายอารยะ มาอินทร์ รองผู้อำนวยการสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) หรือ สบร. (OKMD) เปิดเผยว่า “ขณะนี้เราอยู่ในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปเร็วมาก ซึ่งส่งผลต่อการดำเนินชีวิตและกิจกรรมต่างๆ ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการเกิดขึ้นของนวัตกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ หลากหลายรูปแบบ การพัฒนาสู่ความเป็นเมืองและสังคมเมือง การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ การให้ความสนใจในประเด็นสิ่งแวดล้อม และกระแสความเปลี่ยนแปลงอื่นๆ ที่นำมาซึ่งโอกาสและความท้าทาย ความรู้นับเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้เรารับมือกับความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ได้ สบร. จึงจัดงานมหกรรมความรู้ขึ้น เพื่อให้คนไทยมีความตระหนักและรู้เท่าทันแนวโน้มและความเปลี่ยนแปลงของโลก และนำความรู้เหล่านี้ไปสร้างโอกาส ปรับตัว ต่อยอด เพิ่มพูนทักษะ และเสริมความแข็งแกร่งด้านความคิดสร้างสรรค์ ตลอดจนจัดการกับอุปสรรคต่างๆ เพื่อให้ก้าวต่อไปข้างหน้าได้อย่างมั่นใจ”
งานนี้ เป็นงานใหญ่ประจำปี โดยปีนี้จัดเป็นครั้งที่ 3 ภายใต้แนวคิด “ไทยม์แมชชีน: เมื่อเทรนด์โลก ย้อนสู่ภูมิปัญญาไทย” เน้นให้ข้อมูลความรู้เกี่ยวกับกระแสความเปลี่ยนแปลงของโลก โดยนำเสนอเนื้อหา เพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับแนวโน้มที่กำลังเกิดขึ้นและเป็นไปในอนาคต พร้อมพบปะกับสุดยอดนักคิดและผู้ประกอบการแถวหน้าในธุรกิจหลัก 4 สาขาได้แก่ อาหาร สุขภาพ ที่อยู่อาศัย และงานช่าง เรียนรู้จากบทวิเคราะห์เจาะลึกภูมิปัญญาของไทยว่าอยู่ตรงไหนในเทรนด์โลก รวมทั้งแนะโอกาสที่จะเกิดขึ้นสำหรับผู้ประกอบการธุรกิจ เพื่อให้สามารถนำข้อมูลไปพัฒนาสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคสมัยใหม่
งานมหกรรมความรู้ ประกอบด้วยกิจกรรมหลัก 3 กิจกรรม ได้แก่ นิทรรศการ (Exhibition) และกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ ซึ่งจะนำเสนอแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของโลกที่มีผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมและการดำเนินชีวิตของคนยุคใหม่ งานเสวนา/สัมมนา (Forum & Symposium) ซึ่งจะเป็นเวทีที่นำเสนอสาระความรู้ แนวคิด และประสบการณ์ในมิติต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการนำความรู้ ทักษะ และภูมิปัญญามาบูรณาการกับเทคโนโลยี ความคิดสร้างสรรค์ และการบริหารจัดการสมัยใหม่ เพื่อสร้างคุณค่า ทั้งในด้านการประกอบอาชีพและพัฒนาคุณภาพชีวิต โดยในครั้งนี้จะเน้นที่ 3 ธุรกิจหลักที่สามารถนำภูมิปัญญาไทยมาเพิ่มมูลค่าให้สอดคล้องกับเทรนด์โลก ได้แก่ อาหาร สุขภาพ และที่อยู่อาศัย สำหรับวิทยากรและผู้เชี่ยวชาญที่จะมาร่วมแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ในงาน ได้แก่ เดวิด ทอมป์สัน เชฟชื่อดังและเจ้าของร้าน Nahm เชฟโบ ดวงพร แห่งร้านโบลานและเจ้าของรางวัลเชฟหญิงที่ดีที่สุดในเอเชียประจำปี 2556 กรด โรจนเสถียร นายกสมาคมสปาไทยและผู้อำนวยการชีวาศรม อะคาเดมี อนุปามา คุณดู สถาปนิกชาวอินเดีย ผู้ออกแบบบ้านนวัตกรรม “วอลล์เฮ้าส์” (Wall House) อันโด่งดัง เป็นต้น และสุดท้ายเป็นส่วนของกิจกรรมอบรมเชิงปฏิบัติการ (Workshop) เพื่อถ่ายทอดแนวคิด ความรู้ และประสบการณ์เชิงลึกในแง่งานฝีมือ โดยเฉพาะในประเด็นการวิเคราะห์โอกาสและแนวทางการบริหารจัดการที่ควรรู้ในธุรกิจที่มีศักยภาพ ซึ่งเหมาะสำหรับคนรุ่นใหม่หรือผู้ประกอบการที่สนใจในธุรกิจนั้นๆ โดยมีผู้ประกอบการที่เป็นต้นแบบความสำเร็จในแต่ละประเภทธุรกิจมาร่วมเป็นวิทยากร อาทิ ดวงฤทธิ์ แคล้วปลอดทุกข์ ฟู้ดสไตลิสต์ กรกต อารมย์ดี ดีไซเนอร์ เจ้าของรางวัลดีไซเนอร์ยอดเยี่ยมประจำปี 2008 ดร. ฐิติพร ฌานวังศะ ดีไซเนอร์ ผู้ก่อแบรนด์พีคฌาน เฟอร์นิเจอร์และพรมนวดเท้าเพื่อสุขภาพจากปอและหิน
“นอกจากเนื้อหาสาระที่เป็นประโยชน์สูงสุดแก่ผู้เข้าร่วมกิจกรรมแล้ว งานมหกรรมความรู้ครั้งนี้ยังถือเป็นครั้งแรกที่มีการจัดสัมมนาแบบ Experience Symposium ที่ไม่เพียงแต่ที่ผู้ฟังจะได้รับความรู้ แต่ยังได้ความรู้สึกและสัมผัสประสบการณ์จริงจากการบรรยายและกิจกรรมที่จะเกิดขึ้น วิทยากรที่จะมาให้ความรู้และแบ่งปันประสบการณ์ในปีนี้ล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขาทั้งชาวไทยและต่างประเทศ โดยจะมีทั้งการบรรยายและอบรมเชิงปฏิบัติการ ซึ่งจะเกิดประโยชน์อย่างมาก ตั้งแต่การวิเคราะห์แนวโน้ม ไปจนถึงการกำหนดกลยุทธ์และการนำภูมิปัญญาไทยไปสร้างเอกลักษณ์และมูลค่าเพิ่มให้แก่ธุรกิจ เพื่อความสำเร็จในการแข่งขันในตลาดโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง” นายอารยะ กล่าว
นายกรด โรจนเสถียร นายกสมาคมสปาไทย (ในฐานะหนึ่งในทีมวิทยากรในงาน) เสริมว่า “ปัจจุบันหลายประเทศในโลกใช้สิ่งที่เรียกว่า Soft Power เป็นเครื่องมือในการแผ่อิทธิพลข้ามพรมแดนเข้าไปในประเทศหรือภูมิภาคอื่นๆ โดยแต่ละประเทศพยายามนำเสนอจุดแข็งของตน ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี อาหาร วัฒนธรรมร่วมสมัย กีฬา หรือแม้แต่ความบันเทิงอย่างภาพยนตร์หรือละคร เพื่อปูทางไปสู่การสร้างแบรนด์ของประเทศและยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้า ประเทศไทยเองก็มีจุดแข็งหลายด้านที่สามารถนำไปต่อยอดได้ โดยเฉพาะอาหาร สุขภาพ ท่องเที่ยว และการต้อนรับ นับเป็นโอกาสอันดีที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันจัดมหกรรมความรู้ครั้งนี้ขึ้น เชื่อว่าการร่วมค้นหาภูมิปัญญาไทยที่สอดคล้องกับเทรนด์โลกจะเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้ผู้ประกอบการพัฒนาสินค้าและบริการที่สามารถตอบสนองความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภคในปัจจุบัน ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นการกระตุ้นคนรุ่นใหม่ให้เกิดแรงบันดาลใจและบ่มเพาะความรู้และทักษะให้สามารถนำไปพัฒนาอาชีพและคุณภาพชีวิตของตนให้ดีขึ้นเพื่อเป็นกำลังที่สำคัญในการพัฒนาประเทศในอนาคต”
งานมหกรรมความรู้ ครั้งที่ 3 ภายใต้แนวคิด ไทยแมชชีน : เมื่อเทรนด์โลก ย้อนสู่ภูมิปัญญาไทย จะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 17 ถึงวันจันทร์ที่ 19 มกราคม 2558 ณ พารากอนฮอลล์ ศูนย์การค้าสยามพารากอน ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรมได้ฟรี ที่ www.okmd.or.th