- Details
- Category: การศึกษา
- Published: Thursday, 27 April 2023 17:54
- Hits: 1589
กรุงเทพธนาคม จับมือ มจธ. เพิ่มประสิทธิภาพและสมรรถนะเรือโดยสารพลังงานไฟฟ้าในคลองผดุงกรุงเกษม
ตามที่กรุงเทพมหานครได้มีนโยบายกลับมาเปิดให้บริการเดินเรือโดยสารพลังงานไฟฟ้า (EV) ในคลองผดุงกรุงเกษมอีกครั้งเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา หลังจากเปิดให้บริการครั้งแรกเมื่อกลางปี 2563 และได้หยุดให้บริการไปเมื่อช่วงปลายปี 2565 โดยมอบหมายให้บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด เป็นผู้ดำเนินการ แต่เนื่องจากเรือเดิมมีการใช้งานมาสักระยะหนึ่ง เมื่อมีนโยบายให้บริการเรือไฟฟ้าในคลองผดุงกรุงเกษมอีกครั้ง บริษัทจึงได้ทำการสำรวจเรือเพื่อเตรียมความพร้อมในการให้บริการ พร้อมทั้งทำการซ่อมบำรุงให้เรืออยู่ในสภาพสมบูรณ์ และพร้อมให้บริการ โดยเบื้องต้นได้ขอรับคำปรึกษาจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) เมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา พบว่าระบบกักเก็บพลังงานหรือแบตเตอรี่ของเรือนั้นเสื่อมสภาพ ไม่สามารถอัดประจุและจ่ายพลังงานไฟฟ้าเพื่อขับเคลื่อนเรือได้ และจำเป็นต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ชุดใหม่เข้ามาทดแทน ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปด้วยความรอบคอบ คุ้มค่า และเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพและสมรรถนะให้แก่เรือ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องทำการศึกษา ค้นคว้าและวิจัยทางวิศวกรรม เพื่อหาวิธีการที่เหมาะสมในการใช้งาน ดูแลรักษาและในการซ่อมบำรุงเรือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบขับเคลื่อนและระบบกักเก็บพลังงานไฟฟ้า (แบตเตอรี่) ของเรือ รวมทั้งแนวทางในการลดค่าใช้จ่ายในการเดินเรือเพื่อการให้บริการที่ยั่งยืนต่อไป
เป็นที่มาของพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือว่าด้วยการศึกษา ค้นคว้าและวิจัย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและสมรรถนะของเรือโดยสารพลังงานไฟฟ้า ระหว่างบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ขึ้น เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2566 ณ ห้อง X01 อาคาร KX ถนนกรุงธนบุรี โดยมีศาสตราจารย์พิเศษ ธงทอง จันทรางศุ ประธานบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด, ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ประแสง มงคลศิริ กรรมการผู้มีอำนาจลงนามผูกพันบริษัท, รองศาสตราจารย์ ดร.สุวิทย์ แซ่เตีย อธิการบดี และรองศาสตราจารย์ ดร.ธเนศ ธนิตย์ธีรพันธ์ คณบดีคณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ร่วมในการลงนามครั้งนี้
ศาสตราจารย์พิเศษ ธงทอง จันทรางศุ ประธานบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด กล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า ปัจจุบันเรือโดยสารไฟฟ้ายังคงให้บริการประชาชน โดยใช้งบประมาณการเดินเรือของ กทม. มีเรือที่เปิดให้บริการอยู่จำนวน 7 ลำ ระยะทาง 5.5 กม. จำนวน 11 ท่า เส้นทางจากท่าเรือสถานีรถไฟหัวลำโพง ถึงท่าเรือตลาดเทวราช โดยยังไม่มีการจัดเก็บค่าโดยสาร ซึ่งกทม. มีนโยบายลดต้นทุนด้านงบประมาณ จึงเป็นโจทย์ที่ท้าทายของบริษัทที่จะต้องยกระดับการเดินทางของประชาชนควบคู่กับการลดงบประมาณการบริหารจัดการ ซึ่งในปัจจุบันต้นทุนของแบตเตอรี่มีแนวโน้มที่ลดลง ประกอบกับแม้มีผู้ผลิตและผู้พัฒนาแบตเตอรี่ในประเทศไทย แต่ยังอยู่ในช่วงเริ่มของการแข่งขันด้านราคาและการตลาด ทางบริษัทจึงได้ขอคำปรึกษาทางด้านเทคนิค และแนวทางการปรับปรุงคุณภาพและประสิทธิภาพการเดินเรือไฟฟ้าจาก มจธ.ในฐานะที่เป็นสถาบันอุดมศึกษาที่ผลิตบัณฑิตด้านวิศวกรรมศาสตร์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศในด้านต่างๆ แล้ว ยังมีความโดดเด่นด้านการวิจัยและการบริการวิชาการแก่ภาครัฐและภาคเอกชนในการศึกษา ค้นคว้า และวิจัยเกี่ยวกับยานยนต์ไฟฟ้าและระบบกักเก็บพลังงานในรูปแบบแบตเตอรี่มาอย่างต่อเนื่อง
ดังนั้น เพื่อให้การเดินเรือเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในด้านการให้บริการ สมรรถนะของเรือ และวิธีการดูแลรักษาและซ่อมบำรุงระบบไฟฟ้าขับเคลื่อนและระบบกักเก็บพลังงานไฟฟ้าหรือแบตเตอรี่ ทั้งสองฝ่ายจึงตกลงร่วมมือกันเพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ดังกล่าว และได้จัดทำบันทึกความร่วมมือในครั้งนี้ขึ้น และถือเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือระหว่างทั้งสองฝ่ายนับจากนี้ไป
รองศาสตราจารย์ ดร.สุวิทย์ แซ่เตีย อธิการบดี มจธ. กล่าวว่า คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมและเทคโนโลยี มจธ. มีผู้เชี่ยวชาญและผลงานการวิจัยอย่างต่อเนื่องที่เกี่ยวข้องกับพลังงาน ยานยนต์และยานยนต์ไฟฟ้า รวมไปถึงงานทดสอบและวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการ มีความร่วมมือกับภาคเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ มีเครื่องมือและอุปกรณ์รองรับการเรียนการสอน การทดสอบ การทดลองได้อย่างเพียงพอ ประกอบกับการมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการศึกษา ค้นคว้าและวิจัยเกี่ยวกับยานยนต์ไฟฟ้า และระบบกักเก็บพลังงานในรูปแบบแบตเตอรี่มาอย่างต่อเนื่อง มหาวิทยาลัยฯ จึงมีศักยภาพทั้งในแง่ของบุคลากรและสิ่งจำเป็นต่างๆ ที่จะสามารถดำเนินการในด้านการศึกษา ค้นคว้าและวิจัย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและสมรรถนะของเรือไฟฟ้าโดยสารดังกล่าวของกรุงเทพมหานครได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับแนวทางการดำเนินงานระยะแรก ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.มานนท์ สุขละมัย อาจารย์ประจำสาขาวิชาครุศาสตร์เครื่องกล คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมและเทคโนโลยี มจธ. กล่าวว่า เบื้องต้นมหาวิทยาลัยจะทำการจัดเก็บข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับการใช้พลังงานของแบตเตอรี่ชุดใหม่ที่ทางบริษัทฯ ได้จัดซื้อมาใช้ทดแทนแบตเตอรี่เดิมที่เสื่อมสภาพ โดยจะเน้นการบริหารจัดการเรื่องการใช้พลังงาน หาวิธีในการควบคุมอุณหภูมิที่สูงภายในห้องเก็บแบตเตอรี่ และการดูแลบำรุงรักษา ทำอย่างไรที่จะยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ให้ยาวนานขึ้น โดยยังมีนักวิจัยท่านอื่นๆ ร่วมทีม อาทิ ผศ.ดร.ดนัย เผ่าหฤหรรษ์ จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ ผศ.ดร.สุจินต์ จิระชีวะนันท์ และนายจักรพันธุ์ มีอาษา จากคณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมและเทคโนโลยี โดยภายใน 6-8 เดือนนี้ คณะวิจัยจะทำการศึกษา ค้นคว้า วิจัย เพื่อหาพารามิเตอร์ที่เหมาะสมของแบตเตอรี่ชนิดลิเธียมไอออน (Li-ion) ที่ใช้กับเรือพลังงานไฟฟ้านี้ รวมถึงข้อมูลทางด้านเทคนิคที่เกี่ยวกับชุดต้นกำลังแบบมอเตอร์ไฟฟ้าที่ใช้ในการเดินเรือ และวิเคราะห์หาวิธีการปรับปรุงเรือที่เหมาะสมสำหรับการยืดอายุการใช้งานหรือการดูแลรักษาแบตเตอรี่ นอกจากนี้จะทำการศึกษา วิเคราะห์และกำหนดวิธีการหรือแนวทางในการใช้งานและการดูแลรักษาหรือซ่อมบำรุงที่เหมาะสมสำหรับเรือไฟฟ้าโดยสารในคลองผดุงกรุงเกษมนี้ต่อไป
“เพื่อยกระดับการบริการด้านการขนส่งที่จะอำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารและประชาชนที่อาศัยอยู่ในชุมชนริมคลองผดุงกรุงเกษมและบริเวณใกล้เคียง ที่จะเป็นตัวอย่างของการสัญจรทางน้ำที่มิได้ก่อให้เกิดมลพิษแก่กรุงเทพมหานคร ไม่ว่าจะเป็นมลพิษทางสิ่งแวดล้อมหรือทางเสียงไปพร้อมกัน”
A4904