WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

2233 KMUTT ผศ.ดร.นุจริน

มจธ.พัฒนา แบคทีเรียย่อยขนไก่สายพันธุ์ทนร้อน

คำตอบใหม่เพื่อผู้เลี้ยงไก่ขนาดกลางและขนาดเล็ก

นักวิจัย มจธ. พัฒนา แบคทีเรียทนร้อนที่มาช่วยลดขั้นตอนในการย่อยขนไก่

อันเป็นของเหลือทิ้งในอุตสาหกรรมแปรรูปไก่เนื้อปีละหลายพันตัน 

          ในแต่ละปี อุตสาหกรรมการเลี้ยงไก่เนื้อของประเทศไทยได้ทำให้เกิดขยะขนไก่จากกระบวนการแปรรูปในปริมาณมหาศาล (ไก่โตเต็มวัย 1 ตัว จะมีขนไก่มากถึง 10 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักตัว) ซึ่งแม้ว่าในขนไก่จะประกอบด้วยโปรตีนประมาณ 85% ที่หากสกัดออกมาได้จะสามารถนำไปสร้างมูลค่าได้มหาศาล ตั้งแต่ผสมในอาหารสัตว์ ไปจนถึงผลิตภัณฑ์ด้านอาหารและยาที่มีมูลค่าสูง แต่ปัญหาคือ โปรตีนในขนไก่เป็นโปรตีนประเภทเคราติน (Keratin) ที่โครงสร้างแข็งแรงมากและยังใช้ประโยชน์ไม่ได้ ต้องใช้ เอนไซม์เคราติเนส” (Keratinase) มาย่อยโครงสร้างโปรตีนนี้เสียก่อน

          “ในการสกัดเคราตินจากขนไก่ จะมี 2 ขั้นตอนหลัก เริ่มจากการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นจุลินทรีย์หรือแบคทีเรียสายพันธุ์ที่ผลิตเอนไซม์เคราติเนสได้ในปริมาณสูง (เกือบทั้งหมดนำเข้าจากต่างประเทศ) มาหมักขนไก่ในถังขนาดใหญ่ อุณหภูมิประมาณ 70 องศาเซสเซียส เพื่อย่อยเคราตินให้เป็นกรดอะมิโนชนิดต่างๆ เสียก่อน ก่อนที่เข้าสู่กระบวนการนึ่งด้วยความร้อนประมาณ 120 องศาเซลเซียสเพื่อให้ขนไก่คลายตัว และปล่อยกรดอะมิโนเหล่านี้แยกตัวออกมาจากเซลล์ในที่สุด ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นกระบวนการที่ซับซ้อน และมีต้นทุนพลังงานและอุปกรณ์ที่ค่อนข้างสูงผศ.ดร.นุจริน จงรุจา อาจารย์ประจำภาควิชาจุลชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) กล่าวถึงข้อจำกัดที่ผ่านมาของกระบวนการสกัดโปรตีนจากขนไก่

          นั่นจึงเป็นที่มาของโครงการวิจัยตัวเร่งปฏิกิริยาชีวภาพเคราติเนสทนร้อนที่ได้จากดีเอ็นเอลูกผสมที่เริ่มดำเนินโครงการมาตั้งแต่ปี 2563 โดยได้รับทุนวิจัยจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) และสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) มีวัตถุประสงค์สำคัญคือ การหาแบคทีเรียที่มีประสิทธิภาพสูงในการผลิตเอนไซม์เคราติเนส ที่อุณหภูมิ 120 องศาเซลเซียส

          “เป็นไปแทบไม่ได้ที่เราจะไปเจอจุลินทรีย์ที่มีคุณสมบัติเช่นนี้ในธรรมชาติ เราจึงใช้ความเชี่ยวชาญทาง Bio Technology เพื่อนำยีนส่วนที่คาดเดาว่าน่าจะทนร้อน ไปใส่ในแบคทีเรียที่ใช้ผลิตเอนไซม์ตัวนี้ เริ่มจากการการออกแบบและวิเคราะห์แบคทีเรียต้นแบบด้วยเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ว่าตัวใดมีความเป็นไปได้มากที่สุด จากนั้นก็เป็นการทำวิศวกรรมเอนไซม์ เพื่อตัดต่อยีนตัวนี้ลงไปในตัวแบคทีเรีย ตำแหน่งที่กำหนดไว้ และด้วยเทคนิคนี้ทำให้เราได้แบคทีเรียที่สามารถย่อยเคราตินในขนไก่ ที่อุณหภูมิ 120 องศาเซลเซียสในที่สุดผศ.ดร.นุจริน ในฐานะหัวหน้าโครงการวิจัย กล่าวถึงแนวทางและข้อค้นพบการทำวิจัย

 

8444 KMUTT

 

          จากความสำเร็จครั้งนั้น ได้มีการการจดสิทธิบัตรการค้นพบ งานวิจัยนี้ได้รับรางวัลระดับเหรียญทอง รองชนะเลิศ อันดับ 2 ระดับอุดมศึกษา กลุ่มเกษตรและอาหาร การประกวดสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรม Thailand New Gen Inventors Award I - New Gen Award 2020 รวมถึงทางผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเลี้ยงไก่เนื้อรายใหญ่ที่เข้าร่วมในโครงการนี้ตั้งแต่ต้น มีการนำกรดอะมิโนที่ได้ไปศึกษาต่อและพบว่ามีกลุ่มสารอะมิโนที่อาจสามารถทำเป็นสารตั้งต้นของผลิตภัณฑ์มูลค่าสูงได้ ซึ่งทั้งหมดนี้อาจนับเป็นความสำเร็จของงานวิจัยชิ้นนี้แล้ว แต่สำหรับ ผศ.ดร.นุจริน และทีมวิจัย ยังมองเห็นโอกาสที่มากกว่า

          “ความโดดเด่นของงานนี้ คือการทำให้เกิดกระบวนการผลิตที่มีความซับซ้อนน้อยลง ดังนั้นอุตสาหกรรมเลี้ยงไก่ขนาดเล็กหรือกลุ่มผู้เลี้ยงไก่รายย่อย หรือระดับ SMEs รวมถึงโรงเชือดไก่ ที่กระจายกันอยู่ทั่วประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่ใช้การฝังกลบหรือการเผาขนไก่ แทนการสั่งซื้อผลิตภัณฑ์สารกำจัดขนไก่จาก ตปท. หากนำเทคนิคการกำจัดขนไก่ด้วยแบคทีเรียของเราไปใช้ นอกจากจะช่วยลดปัญหาเรื่องกลิ่นเหม็นจากการฝังกลบหรือเผาขนไก่ที่เป็นปัญหากับชุมชนรอบข้างในหลายพื้นที่แล้ว ยังสามารถนำสารที่สกัดได้ซึ่งมีโปรตีนกลุ่มที่มีประโยชน์ไปต่อยอดทำประโยชน์และใช้งานอื่นๆ ได้อีกด้วย

 

8444 ไก่ที่ชุมชนเลี้ยง

 

          ด้วยเหตุผลดังกล่าว จึงเป็นที่มาของ งานวิจัย การสำรวจตลาดเอนไซม์เคราติเนสทนความร้อนสูงเพื่อการกำจัดขนสัตว์ปีกจากอุตสาหกรรมเลี้ยงสัตว์ปีกอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ที่ได้รับทุนอุดหนุนการทำกิจกรรมส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยและนวัตกรรม ประจำปี 2564 จากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญคือ การศึกษาความเป็นไปได้ในการถ่ายทอดเทคโนโลยีการย่อยขนไก่ด้วยแบคทีเรียที่ค้นพบให้กับผู้ประกอบการเลี้ยงไก่ขนาดกลางและขนาดย่อม หรือกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้เลี้ยงไก่

          “เนื่องจากกลุ่มผู้เลี้ยงไก่ขนาดกลางและขนาดเล็กมองว่าเรื่องเอนไซม์เป็นเรื่องไกลตัว ทีมคณะวิจัยจึงจึงอยากเข้าไปสร้างความเข้าใจให้เกษตรกรเห็นถึงประโยชน์ จุดเด่นของการใช้กระบวนการสกัดโปรตีนจากขนไก่ด้วยเอนไซม์ เพื่อทราบข้อมูลว่าเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน จะมีสนใจมากน้อยแค่ไหน เพื่อเป็นข้อมูลเชิงเศรษฐศาสตร์ประกอบการศึกษาวิจัย ถึงจะขยายกำลังการผลิตจากระดับห้องทดลอง สู่ระดับการผลิตจริงในระยะต่อไปหัวหน้าโครงการวิจัยกล่าวสรุป

 

A8444

COREHOON

******************************************

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

 

EXIM One 720x90 C J

BITKUB Ad

SAM720x100px bgGC 790x90

smed banpu 720x90 new1 1

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!