- Details
- Category: อสังหาริมทรัพย์ฯ
- Published: Tuesday, 29 August 2017 07:07
- Hits: 3597
ORI ดึงโนว์ฮาวญี่ปุ่น Luxmore สร้างมิติใหม่การอยู่อาศัย โนมูระร่วมทุนตะลุยยาวอสังหาฯไทยครบวงจร
'ออริจิ้น' ผ่าแผนร่วมมือ 'โนมูระ' ดึงโนว์ฮาว Luxmore จากญี่ปุ่นสร้างมิติใหม่ของการใช้ชีวิตในคอนโดมิเนียมให้ผู้บริโภค ประเดิมขาย 3 โครงการแรก กว่า 1,600 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 6,100 ล้านบาท ในงานอีเวนท์ใหญ่ “My Life. My Origin” ณ สยามพารากอน 16-17 ก.ย.นี้ ด้านโนมูระเดินหน้าตามแผนลงทุน 3 แสนล้านเยนในต่างประเทศภายในปี 2025 หวังผนึกออริจิ้นลุยยาวโครงการอสังหาฯประเภทอื่นเพิ่มเติม
นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์เคนซิงตัน, นอตติ้ง ฮิลล์, และไนท์บริดจ์ เปิดเผยว่า หลังจากบริษัทได้ตัดสินใจร่วมทุนกับบริษัท โนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์ จำกัด บริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของญี่ปุ่นภายใต้การร่วมทุนผ่าน 4 บริษัทย่อย ล่าสุด บริษัทจะเริ่มนำดีไซน์ โนว์ฮาว และนวัตกรรมต่างๆ ของโนมูระ เข้ามาใช้กับ 3 โครงการแรกที่จะเปิดขายในไตรมาส 3 ปีนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโนว์ฮาวและนวัตกรรมสำคัญของโนมูระ ภายใต้โครงการ “Luxmore”
“โครงการ Luxmore เป็นแนวทางการพัฒนาที่อยู่อาศัยของโนมูระ ที่คำนึงถึงปัจจัยสำคัญต่อการใช้ชีวิตในที่อยู่อาศัย 5 ด้าน ได้แก่ 1.การสร้างสรรค์ไลฟ์สไตล์ที่สมบูรณ์ 2.ความสะดวกในการใช้สอย 3.การใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย 4.ดีไซน์ และ 5.การบำรุงรักษาและการทำความสะอาด ทำให้โครงการต่างๆ ของโนมูระสามารถสร้างสรรค์มิติใหม่ในการอยู่อาศัยให้แก่ผู้บริโภคชาวญี่ปุ่น เป็นจุดสำคัญที่ทำให้ออริจิ้นประทับใจในโนมูระ และจะนำแนวทางนี้มาใช้กับการพัฒนาโครงการใหม่ๆ ที่ร่วมทุนกัน” นายพีระพงศ์ กล่าว
ทั้งนี้ คำว่า Luxmore ประกอบขึ้นมาจากคำว่า Lux คือ Luxury หรือหรูหรางดงาม และการเล่นคำกับคำว่า Raku ในภาษาญี่ปุ่น หมายถึง ความสบาย กับคำว่า More หรือมากขึ้นไปอีก คำว่า Luxmore จึงต้องการสะท้อนแนวทางการพัฒนาที่อยู่อาศัยที่หรูหรางดงาม สะดวกสบายมากขึ้นไปอีกระดับ
นายพีระพงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับ 3 โครงการร่วมทุนที่จะเปิดขายในไตรมาส 3 ปีนี้ และอาจพิจารณานำแนวทาง Luxmore มาใช้ ได้แก่ 1.โครงการไนท์บริดจ์ ไพรม์ รัชโยธิน จำนวน 334 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,600 ล้านบาท 2.โครงการไนท์บริดจ์ ไพรม์ อ่อนนุช จำนวน 601 ยูนิต มูลค่าโครงการ 2,500 ล้านบาท 3.โครงการไนท์บริดจ์ คอลลาจ รามคำแหง จำนวน 685 ยูนิต มูลค่าโครงการกว่า 2,000 ล้านบาท รวม 3 โครงการระหว่างออริจิ้นและโนมูระในปีนี้ 1,620 ยูนิต มูลค่าโครงการรวมกว่า 6,100 ล้านบาท
“เราถือฤกษ์เปิดขาย 3 โครงการดังกล่าวในงานมหกรรมสุดยิ่งใหญ่ครั้งแรกของออริจิ้นภายใต้ชื่อ My Life. My Origin ณ แฟชั่น ฮอลล์ และรอยัล พารากอน ฮอลล์ 3 ศูนย์การค้าสยาม พารากอน รวมพื้นที่กว่า 2,400 ตร.ม. ในวันเสาร์และอาทิตย์ที่ 16-17 ก.ย.นี้ พร้อมกับโครงการในทำเลใกล้รถไฟฟ้าของออริจิ้นอีกรวม 28 โครงการ ด้วยความมุ่งหวังจะสร้างปรากฏการณ์และมิติใหม่แห่งการอยู่อาศัยให้แก่ผู้บริโภค” นายพีระพงศ์ กล่าว
สำหรับ พื้นที่บริเวณรอยัล พารากอน ฮอลล์ 3 จะจัดแสดงทั้ง 3 โครงการที่ร่วมทุนกับโนมูระ พร้อมด้วยโครงการที่อยู่ระหว่างพรีเซลและระหว่างก่อสร้างอีก 13 โครงการ ขณะที่บริเวณแฟชั่น ฮอลล์จะจัดแสดงโครงการพร้อมอยู่ 12 โครงการ นอกจากนี้ ภายในงานยังมีไฮไลต์อีก 1 อย่าง คือการแสดงจากนายณเดชน์ คูกิมิยะ ซูเปอร์สตาร์ของเมืองไทยและพรีเซ็นเตอร์ของออริจิ้น ในวันที่ 17 ก.ย. นี้
ด้านนายเอย์จิ คุสึคาเขะ ประธานกรรมการ บริษัท โนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์ จำกัด กล่าวว่า บริษัทวางแผนการเติบโตระยะกลาง-ยาวตั้งแต่ปีงบประมาณ 2559-2567 (สิ้นสุด มี.ค.2568) ด้วยการลงทุนในต่างประเทศภายใต้งบลงทุน 3 แสนล้านเยน (ราว 9.06 หมื่นล้านบาท) เน้นการลงทุนในประเทศแถบเอเชียเป็นหลัก เนื่องจากเป็นแถบที่ภาคอสังหาริมทรัพย์ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด จึงได้ตัดสินใจร่วมทุนกับออริจิ้น เพื่อเดินหน้าการลงทุนในกรุงเทพฯ ประเทศไทย นำโนว์ฮาวที่สั่งสมมาเพื่อช่วยประเทศในเอเชีย “เชื่อมต่อปัจจุบัน ด้วยความเป็นไปได้แห่งอนาคต”
“เรามองเห็นแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯว่ายังสามารถเติบโตอย่างมีเสถียรภาพได้ในระยะยาว เพราะกลุ่มผู้มีรายได้ปานกลางยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านจากการเติบโตเชิงปริมาณ สู่การเติบโตเชิงคุณภาพ เราเองเป็นผู้มีประสบการณ์ ดีไซน์ โนว์ฮาว และนวัตกรรมด้านการพัฒนาคอนโดมิเนียมที่มีคุณภาพในญี่ปุ่นมายาวนาน จึงมองเห็นโอกาสและเดินหน้าร่วมทุนกับบริษัทที่เชี่ยวชาญการพัฒนาที่อยู่อาศัยในไทย” นายเอย์จิ กล่าว
สำหรับ สาเหตุที่ตัดสินใจเลือกออริจิ้นเป็นพันธมิตรเดินหน้าลงทุนในไทยนั้น เนื่องจากออริจิ้นเป็นบริษัทที่ก่อตั้งมาเพียงประมาณ 8-9 ปี แต่สามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็วจนกลายเป็นบริษัทที่มียอดขายปีละมากกว่า 1 หมื่นล้านบาท สะท้อนให้เห็นว่าออริจิ้น เป็นบริษัทที่เข้าใจธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เข้าใจทำเล เข้าใจความต้องการผู้บริโภค และสามารถพัฒนาที่อยู่อาศัยให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคในไทยได้ ประกอบกับออริจิ้น มีวิสัยทัศน์ขยายธุรกิจสู่การเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร สอดคล้องกับทิศทางของโนมูระ ที่เป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร จึงเป็นโอกาสอันดีที่ทั้งสองบริษัทจะร่วมมือกันพลิกโฉมการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคในกรุงเทพฯและประเทศไทย
หลังจากการร่วมกันพัฒนาคอนโดมิเนียมระดับพรีเมียม 3 โครงการในปีนี้และอีก 1 โครงการในปีหน้าแล้ว ในอนาคตบริษัทมีแผนที่จะร่วมกันพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเพิ่มเติม และยังอาจพิจารณาร่วมมือกันพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทอื่นๆ ที่โนมูระมีประสบการณ์มาแล้วในประเทศญี่ปุ่น
บริษัท โนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์ จำกัด เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของญี่ปุ่น ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 2500 ปัจจุบันมีโครงสร้างธุรกิจหลากหลาย ได้แก่ 1.ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัย ทั้งคอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว 2.ธุรกิจจัดหาสำนักงานให้เช่า 3.ธุรกิจค้าปลีก 4.ธุรกิจโลจิสติกส์ และ 5.ธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ เช่น การขาย การซื้อ การเช่าอสังหาริมทรัพย์ มีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว (ณ 1 เม.ย.2560) จำนวน 2,000 ล้านเยน (ราว 600 ล้านบาท) มีรายได้จากการดำเนินการ (Operating Revenue) ในปีงบประมาณล่าสุด (1 เม.ย.2559-31 มี.ค.2560) จำนวน 4.01 แสนล้านเยน (ราว 1.2 แสนล้านบาท)
ขณะที่บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) มีโครงสร้างธุรกิจหลากหลาย ประกอบด้วย 1.ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย (Project Development Business) พัฒนาคอนโดมิเนียมมาแล้วประมาณ 38 โครงการ รวมมูลค่าโครงการกว่า 36,000 ล้านบาท 2.ธุรกิจที่สร้างรายได้หมุนเวียนต่อเนื่อง (Recurring Income Business) เช่น โรงแรม เซอร์วิสอพาร์ตเมนท์ ค้าปลีก 3.ธุรกิจบริการ (Service Business) เช่น ธุรกิจการจัดการอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจตัวแทนซื้อ ขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ และยังมีวิสัยทัศน์ในการขยายประเภทธุรกิจใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร