- Details
- Category: อสังหาริมทรัพย์ฯ
- Published: Sunday, 02 July 2017 22:05
- Hits: 13543
CHEWA เปิดกลยุทธ์ครึ่งปีหลังลุยไม่ยั้งเชื่ออสังหาฯยังสดใส ผุด 7 โปรเจ็กต์ใหม่ มูลค่าโครงการ 7,700 ลบ.
บมจ.ชีวาทัย (CHEWA) กางแผนธุรกิจครึ่งปีหลัง รุกเปิดโครงการใหม่เพียบ ทั้งแนวราบ คอนโดมิเนียม และทาวน์โฮม เจาะกลุ่มลูกค้าทุกเซกเมนต์ เบื้องต้นได้เห็น 7 โครงการใหม่ คิดเป็นมูลค่า 7,700 ล้านบาท มั่นใจภาพรวมธุรกิจอสังหาฯ ครึ่งปีหลังยังสดใส รับมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ จากภาครัฐบาล แถมอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ หนุนผลงานปีนี้ฟื้นตัว
บริษัท ชีวาทัย จำกัด (มหาชน) หรือ CHEWA เปิดเผยถึงกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจครึ่งปีหลังปี 2560 ของบริษัทฯ ว่า มีแผนพัฒนาโครงการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้ง คอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว และทาวน์โฮม เพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าทุกเซกเมนต์ โดยเบื้องต้นในครึ่งหลังจะเปิดโครงการใหม่อีกจำนวน 7 โครงการ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 7,700 ล้านบาท
ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายปี 2560 ที่มีแผนจะเปิดโครงการใหม่ จำนวนทั้งสิ้น 7 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 7,700 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการที่ดำเนินการโดย CHEWA คือ โครงการบ้านเดี่ยวระดับลักชัวร์รี่ จำนวน 1 โครงการ มูลค่าโครงการ 1,200 ล้านบาท,โครงการทาวน์โฮม จำนวน 2 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 1,150 ล้านบาท,อาคารชุด จำนวน 1 โครงการ มูลค่าโครงการ 950 ล้านบาท และโครงการร่วมทุน คือ โครงการทาวน์โฮม จำนวน 2 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 500 ล้านบาท และอาคารชุด จำนวน 1 โครงการ มูลค่าโครงการ 3,900 ล้านบาท
สำหรับ ภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครึ่งปีหลังคาดว่า จะขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก เป็นผลต่อเนื่องมาจากมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาล ทั้งการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานโดยเฉพาะโครงการรถไฟฟ้า รวมถึงอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ ซึ่งส่งผลทำให้บริษัทฯ ได้รับปัจจัยบวกตามไปด้วย
อย่างไรก็ตาม จากแนวโน้มความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในช่วงที่เหลือของปีนี้ที่ยังมีทิศทางที่ดี ประกอบกับทยอยรับรู้รายได้จากยอดขายรอโอนประมาณ 1,600 ล้านบาท จากยอดขายรอโอนจากโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างและจะแล้วเสร็จพร้อมรับรู้รายได้ในปีนี้ ได้แก่ โครงการชีวาทัย เรสซิเดนซ์ บางโพ มูลค่าโครงการ 1,040 ล้านบาท และโครงการชีวาทัย เรสซิเดนซ์อโศก มูลค่าโครงการ 1,700 ล้านบาท และโครงการชีวารมย์ รังสิต-ดอนเมือง มูลค่าโครงการ 490 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 3,230 ล้านบาท ทำให้เชื่อว่าปีนี้ผลการดำเนินงานโดยรวมของกลุ่มบริษัทฯ จะพลิกฟื้นกลับมาได้ และคาดว่าน่าจะส่งผลผลักดันให้รายได้ปีนี้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้