นายณรงค์ เจียรวนนท์ ผู้ช่วยอาวุโสประธานกรรมการ บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด กล่าวว่าเครือเจริญโภคภัณฑ์มีความภูมิใจเป็นอย่างมากที่ได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาโครงการไอคอนสยามเพราะถือว่าเป็นการลงทุนที่สอดคล้องกับนโยบาย “3 ประโยชน์” ซึ่งเป็นค่านิยมองค์กรของเครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวคือ การลงทุนของเครือเจริญโภคภัณฑ์จะต้องก่อให้ประโยชน์ต่อประเทศ ประชาชน สุดท้ายจึงเป็นประโยชน์ของบริษัท และนอกจากนี้ภายใต้การดำเนินธุรกิจของเครือเจริญโภคภัณฑ์ซึ่งยึดหลัก “การพัฒนาอย่างยั่งยืน” หรือ “Sustainability” จึงเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าไอคอนสยามจะตอบโจทย์การพัฒนาประเทศไทยทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม สร้างชื่อเสียงและเกียรติภูมิให้แก่ประเทศไทย
นางชฎาทิพ จูตระกูล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด เปิดเผยว่าไอคอนสยาม เป็น อภิมหาโครงการเมืองที่ยิ่งใหญ่และอลังการที่สุดที่ภาคเอกชนเคยทำมาในประวัติศาสตร์ประเทศไทย มีมูลค่าการลงทุนรวม 50,000 ล้านบาท เป็นโครงการที่เกิดขึ้นจากการผนึกกำลังของสยามพิวรรธน์-แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น-เครือเจริญโภคภัณฑ์ ตั้งอยู่บนพื้นที่ขนาด 50 ไร่บนถนนเจริญนคร ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา
โครงการนี้จะกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งใหม่แห่งความภาคภูมิใจของประเทศไทย และคนไทยทั้งชาติ ซึ่งปัจจุบันได้เดินหน้าเริ่มงานก่อสร้างแล้วแห่งนี้ โดยภายในโครงการไอคอนสยามจะประกอบด้วย ศูนย์การค้าแห่งยุค ที่ล้ำเลิศที่สุดแห่งหนึ่งของโลก 2 อาคาร คอนโดมิเนียมที่พักอาศัยมาตรฐานระดับโลกที่หรูหราสง่างามริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา 2 อาคาร และสิ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวแห่งใหม่ทั้ง 7 ที่จะเป็นปรากฏการณ์ใหม่ครั้งแรกในประเทศไทย โดยได้รับการขนานนามให้เป็น “7 สิ่งมหัศจรรย์แห่งไอคอนสยาม” มีมูลค่ารวมกันกว่า 10,000 ล้านบาท อาทิ
- การแสดงสายน้ำผสมผสาน แสง สี เสียง ไฟ และมัลติมีเดีย (Multi-Media Water-and-Fire Feature) ที่ยาวที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีความยาวมากกว่า 400 เมตร ตระการตา ซึ่งจะสร้างความตื่นตาตื่นใจแก่นักท่องเที่ยวทุกคน
- พิพิธภัณฑ์ศูนย์รวมมรดกทางประวัติศาสตร์และสุดยอดภูมิปัญญาไทย พิพิธภัณฑ์ที่จะรวบรวมสมบัติและความภาคภูมิใจในภูมิปัญญาไทยมาจัดแสดงไว้ ณ ที่แห่งนี้ โดยความร่วมมือจากกระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงการคลัง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
ไอคอนสยามจะเป็นผู้นำในการบุกเบิกความร่วมมือระดับชาติครั้งแรกในประวัติศาสตร์ โดยได้จัดทำ “แผนแม่บทวิสัยทัศน์แห่งแม่น้ำเจ้าพระยา” ภายใต้ความร่วมมือของผู้ประกอบการและหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่มีอยู่ในปัจจุบัน รวมทั้งสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ นอกจากนี้ยังมีอีก 30 โครงการใหม่ที่เริ่มดำเนินโครงการระหว่างปี 2555 ถึง 2563 รวมกันแล้วมีมูลค่าถึง 142,000 ล้านบาท ผนึกกำลังพื้นที่ริมแม่น้ำสายนี้ตลอดระยะทางยาว 10 กิโลเมตร ให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าตื่นตาตื่นใจ ซึ่งจะตอกย้ำให้แม่น้ำเจ้าพระยาและกรุงเทพฯ เป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่สำคัญของโลก
ด้านนางสาวทิพาภรณ์ เจียรวนนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ได้กล่าวว่า “ไอคอนสยามจะเป็นโครงการที่เชิดหน้าชูตาที่สุดของกรุงเทพฯ เรากำลังสร้างโครงการไลฟ์สไตล์ที่เพียบพร้อมและสมบูรณ์แบบ เปรียบ เสมือนเมืองใหม่ ซึ่งครบถ้วนไปด้วยที่พักอาศัย ศูนย์การค้า และความงดงามทางวัฒนธรรมภายใต้มาตรฐานสูงสุดระดับสากล จนทำให้ทั่วโลกต้องหันมามองประเทศไทยอีกครั้ง ด้วยความรู้สึกที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง”
“ไอคอนสยามอภิมหาโครงการเมือง มีขนาดพื้นที่ 750,000 ตารางเมตร ประกอบด้วย 2 อาณาจักรศูนย์การค้าแห่งยุคพื้นที่ 525,000 ตารางเมตร และอาคารที่พักอาศัยริมน้ำระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ 70 ชั้น 1 อาคาร และ 40 ชั้น 1 อาคาร นอกจากนี้ ยังมี ‘7 สิ่งมหัศจรรย์แห่งไอคอนสยาม’ ที่ไม่เคยมีมาก่อน ในประเทศไทย โดยทั้งหมดนี้สร้างขึ้นเพื่อให้ไอคอนสยามเป็นสถานที่นำเอาสิ่งที่ดีที่สุดของไทยมาปรากฎในโครงการและนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดของโลกมารวมกันไว้ เพื่อให้โครงการไอคอนสยามเป็นโครงการระดับโลกอย่างแท้จริง กลายเป็นจุดหมายปลายทางที่ชาวต่างชาติ และคนไทยจากทั่วประเทศจะต้องมาเยี่ยมชม”
โครงการที่พักอาศัยที่ตั้งอยู่ในไอคอนสยาม มีชื่อว่า “Magnolias Waterfront Residences” ซึ่งถือเป็นโครงการที่พักอาศัยเหนือระดับ ที่อยู่แถวหน้าของโลก จะสร้างมาตรฐานใหม่ของโครงการที่พักอาศัยในประเทศไทย ในแง่คุณภาพและความหรูหราที่สามารถติดต่อสัมพันธ์และเชื่อมโยงกับชุมชนโลก ผ่านเทคโนโลยีการสื่อสารระบบไฟเบอร์ออพติคที่ให้ความเร็วสูงสุดแห่งแรกในประเทศไทย FTTX (Fiber to Home) ซึ่งจะกลายเป็นหนึ่งในโครงการที่พักอาศัยที่มีคุณภาพสูงและดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลกอีกด้วย เพื่อตอบสนองและรองรับการใช้ชีวิตในอนาคต และเปิดโอกาสให้ผู้พักอาศัยเป็นส่วนหนึ่งกับชุมชนโลกแบบไร้รอยต่อ เพื่อรองรับชุมชนนานาชาติที่กำลังขยายตัว ทุกองค์ประกอบในโครงการล้วนถูกออกแบบโดยมุ่งเน้นให้ความสำคัญเรื่องคุณภาพ ความสะดวกสบาย และการบริการให้อยู่ในระดับสูงสุด เฉกเช่น เดียวกับการอาศัยอยู่ ในลอนดอน โตเกียว หรือ นิวยอร์ก”
นางสาวทิพาภรณ์ กล่าวว่า Magnolias Waterfront Residences ที่ไอคอนสยามมอบส่วนผสมที่ลงตัวซึ่งหาได้ยาก ด้วยคุณภาพที่เป็นเลิศ โดยเริ่มต้นจากการจัดวางทิศทางของอาคารให้ได้ประโยชน์จากธรรมชาติได้มากที่สุดเพื่อลดการใช้พลังงาน และให้ผู้พักอาศัยได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ยังมีการนำนวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัยที่ทำให้สุขภาพดีเข้ามาผสมผสานในงานออกแบบด้วย อาทิ เช่น
- การหมุนเวียนและการถ่ายเทอากาศที่สามารถลดอุณหภูมิของอากาศภายนอกก่อนไหลเวียนเข้าสู่ห้องพัก
- ระบบการกรองฝุ่นและการควบคุมความชื้น
- ทุกยูนิตมีระเบียงใหญ่ที่สามารถออกมาใช้ชีวิตใกล้ชิดแม่น้ำและอากาศบริสุทธิ์โดยมีการออกแบบอาคารและเปลือกอาคารให้มีลักษณะ self-shadingไม่ต้องกังวลเรื่องแดดและความร้อนแต่ยังคงได้รับอากาศบริสุทธ์และแสงธรรมชาติอย่างเต็มที่
- ทุกยูนิตสามารถมองเห็นทัศนียภาพที่งดงามของแม่น้ำเจ้าพระยา ฯลฯ
Magnolias Waterfront Residences ที่ไอคอนสยาม ได้นำเสนอมิติใหม่ของการอยู่อาศัยเหนือระดับในภาคพื้นเอเซียเป็นแห่งแรก กล่าวคือ เป็นการอยู่อาศัยท่ามกลางการคมนาคมในหลากหลายรูปแบบ มีความสะดวกในการใช้ชีวิตที่สุนทรีย์ไม่ว่าในด้านการจับจ่ายใช้สอยหรือใกล้แหล่งบันเทิงระดับโลก ศูนย์การประชุมและการแสดงนานาชาติ ฯลฯ ท่ามกลางอารยธรรมและวิถีชีวิตไทยบนศูนย์กลางแห่งแม่น้ำเจ้าพระยา ทั้งยังได้อยู่ใกล้ชิดและสัมผัสกับธรรมชาติเพื่อสุขภาพที่ดีได้ในทุกวันอีกด้วย
นางสาวทิพาภรณ์กล่าวว่า ความใส่ใจในการออกแบบโครงการไอคอนสยาม และการให้ความสำคัญกับการดำเนินงานที่มุ่งเน้นในเรื่องการพัฒนานวัตกรรมและความยั่งยืน ถือเป็นหลักการทำงานของเราที่ตั้งใจมอบสิ่งดีๆ เพิ่มคุณภาพชีวิตให้กับคนในสังคม ทั้งผู้พักอาศัยในโครงการและรวมถึงผู้อยู่อาศัยและชุมชนโดยรอบโครงการให้ได้รับประโยชน์ไปด้วยกัน
ขณะนี้ โครงการไอคอนสยามได้เปิดรับจองพื้นที่ศูนย์การค้าและที่พักอาศัยแล้ว ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนผ่านทางwww.ICONSIAM.com โดยการก่อสร้างโครงการ มีกำหนดจะแล้วเสร็จในปี 2560
|