- Details
- Category: อสังหาริมทรัพย์ฯ
- Published: Saturday, 15 April 2017 20:36
- Hits: 8544
ธนารักษ์จับมือ KTB ให้ชำระค่าเช่าที่ราชพัสดุผ่านบัตรเดบิต-เครดิต-หักบัญชีกรุงไทย-เคาท์เตอร์เซอร์วิส
นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า กรมธนารักษ์ได้ลงนามความร่วมมือกับธนาคารกรุงไทย (KTB) เปิดให้บริการชำระค่าเช่าที่ราชพัสดุผ่านช่องทางการชำระเงินด้วยบัตรอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านเครื่องรับบัตร EDC (บัตรเครดิตและบัตรเดบิต) และการหักบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทย เพื่อให้ผู้เช่าที่ราชพัสดุมีช่องทางในการชำระเงินที่สะดวกขึ้น สามารถดำเนินการได้ตลอด 24 ชั่วโมง และเปิดให้ชำระค่าเช่าข้ามเขตได้ ที่สำนักงานธนารักษ์พื้นที่ ซึ่งจะทำให้ปัญหาค้างชำระค่าเช่าลดลงได้ จากปัจจุบันที่มียอดค่าเช่าค้างชำระให้กับกรมธนารักษ์ในหลักร้อยล้านบาทต่อปี
"การเปิดชำระค่าเช่าผ่านช่องทางกรุงไทย จะสามารถช่วยให้ผู้เช่าชำระค่าเช่าได้สะดวก ตรงเวลามากขึ้น ซึ่งบางจังหวัดก็ไม่มีปัญหา บางจังหวัดก็ค้างชำระมาก บางพื้นที่มีภาระค่าเช่ากับกรมเดือนละหลักไม่กี่ร้อยบาท เขาก็ไม่สะดวกจะเดินทางมาจ่าย ความร่วมมือกับกรุงไทยน่าจะช่วยแก้ปัญหายอดค้างชำระในอดีตที่สูงมากให้ลดลงมากได้"นายจักรกฤศฏิ์ กล่าว
สำหรับ การชำระค่าเช่าด้วยบัตรเอทีเอ็ม วีซ่าเดบิตของธนาคารกรุงไทย จะมีค่าธรรมเนียมในอัตราคงที่ 15 บาทต่อรายการไม่จำกัดวงเงินรับ ส่วนบัตรเครดิต เดบิต ต่างธนาคาร จะมีค่าธรรมเนียม 1% ของยอดชำระต่อรายการ ขณะที่การชำระโดยการหักบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทย คิดอัตราเหมาจ่ายที่ 10 บาทต่อหนึ่งใบแจ้งชำระเงิน ไม่จำกัดวงเงินรับชำระ ทั้งนี้ ผู้เช่าจะเริ่มใช้บริการได้ตั้งแต่วันที่ 18 เม.ย.60 เป็นต้นไป
นายจักรกฤศฏิ์ กล่าวว่า การร่วมมือกับธนาคารกรุงไทยอยู่ในแผนการเพิ่มประสิทธิภาพช่องทางการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ให้ครบวงจร ซึ่งขณะนี้ดำเนินการครบแล้วทั้ง 4 แนวทาง ประกอบด้วย 1.การร่วมมือกับ บริษัท เคาท์เตอร์เซอร์วิส จำกัด 2.การชำระผ่านบัตรเดบิต เครดิต 3.การหักผ่านบัญชีธนาคารกรุงไทย และ 4.การชำระเงินต่างพื้นที่ทั่วประเทศ โดยได้เปิดบริการช่องทางชำระเงินผ่าน เคาท์เตอร์เซอร์วิส ไปแล้วเมื่อวันที่ 24 มี.ค.60 ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ กรมฯ ยังได้เสนอให้สำนักงานงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) พิจารณาการปรับเงื่อนไขผู้เข้าโครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐ โดยจะให้แก้ไขจากเดิมกำหนดผู้ที่เข้าโครงการว่าต้องเป็นบ้านหลังแรกเท่านั้น โดยให้ปรับใหม่เป็นไม่จำกัดในส่วนนี้ เพื่อเปิดกว้างให้ประชาชนสามารถเข้าถึงโครงการได้มากขึ้น ส่วนหลักเกณฑ์อื่นๆ ยังเป็นไปตามเดิม โดยคาดว่าจะเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาในเร็วๆ นี้
นายจักรกฤศฎิ์ กล่าวด้วยว่า กรมธนารักษ์ได้เสนอให้กระทรวงการคลังพิจารณาโครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐ เฟส 2 ใน 3 พื้นที่ ได้แก่ กรุงเทพฯ (พระราม 3), เชียงใหม่ และปทุมธานี โดยคาดว่าทั้ง 3 โครงการจะสร้างเป็นที่อยู่อาศัยแนวตั้ง หรือห้องชุดกว่า 2,000 ยูนิต และโครงการ Senior Complex ซึ่งร่วมกับโรงพยาบาลรามาธิบดี คาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้างราว 2 ปี เพื่อรองรับผู้สูงอายุให้มีที่พักยามเจ็บป่วย โดยหลังจากกระทรวงการคลังพิจารณาแล้ว จะเสนอให้ ครม. พิจารณาเห็นชอบต่อไป
อินโฟเควสท์
แก้บ้านธนารักษ์ไม่จำกัดแค่หลังแรก'เอพี'ตั้งเป้าปีนี้ยอดขาย 2.6 หมื่นล.
ไทยโพสต์ : พระราม 6 * ธนารักษ์ชงปรับเงื่อนไขบ้านธนารักษ์ประชารัฐ ไม่จำกัดเฉพาะ "บ้านหลังแรก" เท่านั้น แต่เกณฑ์รายได้ยังใช้ไม่เกิน 20,000 บาท ด้าน "เอพี" ตั้งเป้ายอดขายบ้าน-คอนโดปีนี้ 26,000 ล้านบาท
นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) อยู่ระหว่างพิจารณาปรับเงื่อนไขโครงการและคุณสมบัติผู้ที่ต้องการเข้าโครงการบ้านธนา รักษ์ประชารัฐ เพื่อเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเร็วๆ นี้
โดยจะให้เปลี่ยนเงื่อนไขเพียงเรื่องเดียว คือ บ้านหลังแรก จากเดิมกำหนดให้ต้องเป็นบ้านหลังแรกเท่านั้น ปรับใหม่เป็น ไม่จำเป็นต้องเป็นบ้านหลังแรก เพื่อเปิดกว้างให้คนที่เคยมีบ้านหลังแรก แต่ปัจจุบันไม่มีชื่อครอบครองกรรมสิทธิ์แล้ว สามารถเข้าโครงการนี้ได้ด้วย ส่วนเรื่องเกณฑ์รายได้ขั้นต่ำ ยังเหมือนเดิม คือผู้กู้ต้องมีรายได้ไม่เกิน 2 หมื่นบาทต่อเดือน
นอกจากนี้ กรมเตรียมเปิด โครงการบ้านประชารัฐ เฟส 2 ใน 3 พื้นที่ ได้แก่ ที่กรุงเทพฯ ตรง พระราม 3 คลองเตย เนื้อที่ประ มาณ 3 ไร่, ที่ จ.เชียงใหม่ ใกล้ศูนย์ประชุมเชียงใหม่ และที่ จ.ปทุมธานี แถวลำลูกกา เนื้อที่ 7 ไร่ ซึ่งทั้งหมดจะสร้างในลักษณะของแนวตั้ง หรือห้องชุด คาดว่าจะสร้างบ้านเพื่อให้ผู้มีรายได้น้อยและปานกลางเข้ามาอยู่อาศัยได้ราว 2,000 ยูนิต
ขณะที่โครงการฯ เฟสแรก ยังอยู่ระหว่างการก่อสร้างในพื้นที่กรุงเทพฯ 2 แปลง คือ ตรงวัดไผ่ตัน และที่ตรงซอยพหลโยธิน 11 กับที่ใน จ.เพชรบุรี ที่มีการ พิจารณาคัดเลือกผู้ที่ผ่านคุณสม บัติได้ส่วนหนึ่งแล้ว
นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอพี (ไทยแลนด์) หรือ AP กล่าวว่า ในช่วงไตรมาสแรกปี 60 ตลาดอสังหาฯ โดยรวมยังคงทรงตัว ทั้งนี้ ปีนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายอยู่ที่ 26,000 ล้านบาท โดยมีแผนเปิดตัว 18 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 35,000 ล้านบาท เป็นแนวราบ 15 โครงการ มูลค่า 15,000 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 3 โครงการ มูลค่า 20,000 ล้านบาท
โดยช่วงไตรมาส 2 เตรียมเปิดตัว 4 โครงการ มูลค่า 15,650 ล้านบาท เป็นคอนโดมิเนียม 2 โครง การ และบ้านเดี่ยว 2 โครงการ หลังจากช่วงไตรมาสแรกสร้างยอดขายรวมได้กว่า 3,700 ล้านบาท.