- Details
- Category: อสังหาริมทรัพย์ฯ
- Published: Saturday, 11 February 2017 12:13
- Hits: 2808
SC วางแผน Q1/60 เปิด 3 โครงการใหม่ คงเป้ารายได้ปี 62 ทะลุ 2 หมื่นลบ.
SC เดินหน้ายุทธศาสตร์เชิงรุก SC ยุค 4.0 มุ่ งเป้ารายได้ทะลุ 20,000 ลบ. ในปี 2562 เปิดโครงการ 28 Chidlom บนแปลงที่ถูกกล่าวขวัญมากสุดและทำเลดีที่สุดบนถนนชิดลม มูลค่าโครงการ 8,000 ลบ.พร้อมพรีเซลล์ 25-26 ก.พ. นี้
นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัทพัฒนาที่อยู่อาศัยคุณภาพทุกระดับราคา เปิดเผยว่า “ตามที่ SC ได้ประกาศยุทธศาสตร์เชิงรุก SC ยุค 4.0 พร้อมตั้งเป้ารายได้ทะลุ 20,000 ลบ. ในปี 2562 ล่าสุดได้เปิดโครงการ 28 Chidlom (ทเวนตี้เอท ชิดลม) มูลค่า 8,000 ล้านบาท ตามแผนธุรกิจปี 2560 ซึ่งเป็น 1 ใน 17 โครงการใหม่ โดยมูลค่าโครงการรวมทั้งหมด 27,000 ลบ. และเป็น 1 ใน 3 โครงการคอนโดมิเนียมในกลุ่ม Limited Luxury Collection by SC ASSET”
โครงการ 28 Chidlom (ทเวนตี้เอท ชิดลม) มีขนาดพื้นที่ 3-0-24 ไร่ มูลค่าโครงการ 8,000 ล้านบาท ประกอบด้วยอาคารสูง 2 อาคาร จำนวนห้องพักรวม 427 ยูนิต แบ่งเป็น อาคาร The Tower ขนาด 47 ชั้น จำนวน 243 ยูนิต ที่ได้รับการออกแบบ Facade อาคารให้มีลักษณะเสมือน Jewel-box Facade สะท้อนเอกลักษณ์และความแตกต่างอย่างที่สุดจากโครงการอื่นๆ ส่วนอาคาร The Villa ขนาด 20 ชั้น จำนวน 184 ยูนิต จุดเด่นที่สุดของโครงการ 28 Chidlom (ทเวนตี้เอท ชิดลม) คือ ทำเล ที่ดินแปลงนี้ถูกกล่าวขวัญมากที่สุดในปี ที่ผ่านมา ตั้งอยู่บนถนนชิดลมและเป็นทำเลที่ดีที่สุดแห่งหนึ่ง ด้วยปัจจัยสำคัญหลัก 3 ประการ ได้แก่
1. The Walking-distance Neighbourhood ระยะห่างเพียง 250 เมตร จากสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ชิดลม และ 180 เมตร จากเซ็นทรัล ชิดลม
2. The Location of Everything ใกล้แหล่งอำนวยความสะดวกชั้นนำอย่างครบครันในรัศมีเพียง 2 ก.ม. รอบๆ โครงการ ได้แก่ ห้างสรรพสินค้าชั้นนำอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น เซ็นทรัล เอ็มบาสซี, เกษร วิลเลจ, เซ็นทรัล เวิล์ด, สยามพารากอน, สยามเซ็นเตอร์ พร้อมด้วยสถานพยาบาลชั้นนำ อย่าง โรงพยาบาล บำรุงราษฎร์ และ BDMS ที่จะเป็น Medical Hub ที่สำคัญแห่งใหม่ของเอเชียในอนาคต ตลอดจนอาคารสำนักงาน และโรงแรมระดับ 5 - 6 ดาว ได้แก่ โรงแรม แกรนด์ ไฮแอทเอราวัณ, โรงแรมดิโอกุระ เป็นต้น อีกทั้ง ใกล้กับสถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียง รวมทั้งโรงเรียนสตรีชั้นนำของประเทศ อย่าง โรงเรียนมาแตร์ เดอี วิทยาลัย และ ยังใกล้สวนสาธารณะใหญ่ใจกลางกรุงเทพ อย่างสวนลุมพินี
3. The Rarest Oasis เนื่องจากการหาซื้อที่ดินขนาดใหญ่กว่า 3 ไร่ใจกลางเมืองในทำเลระดับ World Class อย่างโครงการ 28 Chidlom นี้ เป็นเรื่องยากมากในปัจจุบัน อีกทั้งในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา ยังไม่มีโครงการ High rise ที่ผู้ซื้อสามารถถือกรรมสิทธิ์แบบ Freehold และเป็นโครงการที่เปิดตัวใหม่ในรัศมี 500 เมตร รอบสถานีบีทีเอส ชิดลม ได้อีกแล้วด้วย
จุดเด่นนอกจากเรื่องของทำเล คือความโดดเด่นของงานออกแบบตัวอาคาร ซึ่งเป็นผลงานจากความร่วมมือกันระหว่างบริษัทออกแบบชั้นนำระดับโลก อย่างบริษัท Kohn Pederson Fox (KPF) ที่มีชื่อเสียงของเมืองนิวยอร์ค ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นที่ปรึกษาด้านงานออกแบบ โดยร่วมกับบริษัท Design 103 International สถาปนิกโครงการ พร้อมกับ TROP บริษัทออกแบบภูมิสถาปัตยกรรมระดับแนวหน้าของประเทศและมีผลงานเป็นที่ยอมรับจากทั่วโลก และอีกความร่วมมือจาก Breath ผลงานที่ได้จึงทำให้โครงการมีความสวยงามโดดเด่น พร้อมเป็น Landmark แห่งใหม่ใจกลางเมืองเมื่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ แนวคิดหลักของงานออกแบบโครงการ 28 Chidlom คือการออกแบบให้เป็น 'An Urban Oasis' ใจกลางเมือง ที่ให้ความสำคัญกับพื้นที่สีเขียว ซึ่งมีขนาดใหญ่ถึง 2 ใน 3 ของพื้นที่ชั้นล่างทั้งหมดของโครงการ โดยออกแบบให้มีการเชื่อมต่อกันระหว่างพื้นที่สีเขียวทั้งภายนอก และภายในอาคาร (A Series of Courtyard) เพิ่มความรื่นรมย์ให้กับผู้อยู่อาศัยอย่างลงตัว
อีกทั้ง ภายในห้องชุดทุกแบบ ถูกออกแบบให้มีเพดานสูงถึง 3.1 เมตร และยังใช้บานกระจกแบบ Full height สูงเต็มถึงฝ้าเพดาน ทำให้ห้องชุดดูโปร่ง รับแสงธรรมชาติ และวิวสวยได้อย่างเต็มตา ส่วนห้องชุดแบบ 2 และ 3 ห้องนอน ได้รับการวางตำแหน่งให้ทุกยูนิตเป็นห้องหัวมุม ให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัวสูงที่สุดสำหรับผู้อยู่อาศัย
นายณัฐพงศ์ กล่าวสรุปว่า “ปัจจุบัน โครงการ 28 Chidlom (ทเวนตี้เอท ชิดลม) ได้ผ่านการอนุมัติการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมจัดพรีเซลล์และเปิดให้ชมห้องตัวอย่างครั้งแรก ที่ Sales Gallery บนถนนชิดลม ณ ที่ตั้งของโครงการ ในวันที่ 25-26 ก.พ.นี้ โดยจะเปิดขายเพียงอาคาร The Tower ก่อนเท่านั้น ด้วยราคาพิเศษ เริ่มต้นที่ 14 ล้านบาท ซึ่งล่าสุดจากการเปิดขายในรอบ VVIP ที่ผ่านมา มียอดจองแล้วถึง 50% อีกทั้งเพนท์เฮาส์ทั้ง 2 ยูนิต ได้ขายหมดแล้ว”ลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิพิเศษที่ www.28chidlom.com หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 1749
SC ยุค 4.0 ประกาศแผนยุทธศาสตร์เชิงรุก ขยายเข้าตลาดที่อยู่อาศัยทุกระดับราคา พัฒนาบ้านรู้ใจ ตอบรับโลกยุค Connectivity พร้อมเปิด 17 โครงการ 27,000 ลบ. ในปี 60 มั่นใจรายได้ทะลุเป้า 20,000 ลบ. ในปี 62
นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “SC วางแผนยุทธศาสตร์เชิงรุก สำหรับการเติบโตอย่างยั่งยืนในยุค 4.0 ยุคแห่ง Connectivity ที่โลกเชื่อมต่อกันทั้งหมดด้วยระบบดิจิตอล เรามีแผนการเติบโตต่อเนื่อง 3 ปี โดยตั้งเป้าหมายในปี 2562 ทำรายได้เกิน 20,000 ล้านบาท ด้วยแผนยุทธศาสตร์ 4 ข้อคือ
1. top-line growth: แผนยุทธศาสตร์เชิงรุก พัฒนาที่อยู่อาศัยในทุกระดับราคา รักษาฐานผู้นำส่วนแบ่งตลาดของกลุ่ม high-end และ รุกขยายเพิ่มส่วนแบ่งตลาดของกลุ่ม mass
2. human-centric innovation: ผสานนวัตกรรมพัฒนา "บ้านรู้ใจ" ในทุกระดับราคา เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้คนที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในโลกยุค 4.0
3. top quality: รักษามาตรฐานคุณภาพทั้งสินค้าและบริการ
4. lean: ปรับ process ทั้งภายในและภายนอกให้เป็นระบบ digitization เพื่อความแม่นยำ และคล่องตัว และมีการปรับโครงสร้างองค์กรสำหรับยุค 4.0
ปัจจัยสำคัญสำหรับปี 2560 ภายใต้นโยบายใหม่ของสหรัฐอเมริกาที่มีประธานาธิบดีคนใหม่ จะมีบทบาทสำคัญต่อทิศทางเศรษฐกิจโลกทั้งหมด และจะมีผลต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย ทั้งในระยะกลางและระยะยาว ซึ่งมุมมองระยะสั้นสำหรับปีนี้ มี 2 เรื่องสำคัญที่ต้องจับตามอง คือ 1. หนี้ครัวเรือนเติบโตในอัตราที่ชะลอตัวลงมาก แต่ยังมีสัดส่วนต่อ GDP ที่สูงอยู่ และ 2. อัตราการปฏิเสธให้สินเชื่อจากธนาคาร (bank rejection) และhousing NPL ยังอยู่ในช่วงขาขึ้น ทั้ง 2 เรื่องเป็นความท้าทายต่อการเติบโตของธุรกิจอสังหาฯ ในปีนี้ อย่างไรก็ตามคาดการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ปีนี้จะเติบโตมากกว่า 5% ด้วย GDP ของประเทศไทยยังมีการเติบโตมากกว่า 3% ต่อปี นอกจากนี้กำลังซื้อของกลุ่มที่อยู่อาศัยราคา 3 ล้านบาทขึ้นไป ยังมีความแข็งแรงอยู่”
โดยในปี 2560 SC มีเป้าหมายรายได้ 14,800 ล้านบาท และยอดขาย 16,000 ล้านบาท เติบโต 38% พร้อมแผนเปิดโครงการใหม่ ทั้งหมด 17 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 27,000 ล้านบาท ในครึ่งปีแรก เปิด 6 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 14,000 ล้านบาท แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 4 โครงการ และ คอนโดมิเนียม 2 โครงการ ส่วนครึ่งปีหลังเปิด 11 โครงการ เป็นโครงการแนวราบ มูลค่ารวม 13,000 ล้านบาท ในส่วนอาคารสำนักงานแห่งใหม่ SC Tower ที่ได้รับความสำเร็จ ปัจจุบันมียอดจองครบ 100 % เรียบร้อยแล้ว และพร้อมเปิดดำเนินการในปลายไตรมาส 1 นี้
นายณัฐพงศ์ กล่าวอย่างมั่นใจว่า “ไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนแปลงเร็วอย่างไร SC พร้อมเติบโตอย่างยั่งยืน ทั้งปริมาณควบคู่ไปกับคุณภาพ”