- Details
- Category: อสังหาริมทรัพย์ฯ
- Published: Tuesday, 24 May 2016 18:08
- Hits: 1642
ส.รับสร้างบ้าน ชี้ทิศตลาดรับสร้างบ้านโตแต่เหนื่อย แนะเร่งสร้างแบรนด์-บริหารสภาพคล้อง-เพิ่มรายได้
สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน เชื่อภาพรวมธุรกิจยังเติบโตแต่ไม่หวือหวา หวั่นผู้ประกอบการขนาดกลาง-เล็กคุมต้นทุนไม่อยู่ แนะเร่งสร้างแบรนด์ บริหารสภาพคล่อง ชูความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านที่มีอยู่เพิ่มรายได้เข้าองค์กร
ธุรกิจรับสร้างบ้านอาจไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้างเหมือนกับธุรกิจบ้านจัดสรร แต่หากมองในมุมการเติบโตแล้วดูเหมือนว่าจะเติบโตแบบเงียบๆไม่หวือหวา แต่ในเชิงการแข่งขันก็พบว่าธุรกิจรับสร้างมีการแข่งขันกันค่อนข้างรุนแรงไม่แพ้ธุรกิจบ้านจัดสรร เพียงแต่หากเปรียบเทียบความเสี่ยงแล้วยังถือว่าต่ำ เพราะใช้เงินทุนไม่มากเมื่อเทียบกับธุรกิจบ้านจัดสรร
ทั้งนี่ ได้มีการประเมินกันว่าในแต่ละปีการปลูกสร้างบ้านเอง(ไม่ผ่านโครงการจัดสรร)ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลมีมูลค่าราวๆ 4-5 หมื่นล้านบาท มีผู้ประกอบการรับสร้างบ้านทั้งใหญ่และเล็กอยู่รวมนับร้อยราย ยังไม่รวมผู้รับเหมาทั่วไปมีอีกนับไม่ถ้วน ซึ่งผู้รับเหมาเหล่านี้ครองส่วนแบ่งการตลาดอยู่เกือบ 80% ที่เหลือราวๆ20%เป็นของผู้ประกอบการธุรกิจรับสร้างบ้าน
นายพิชิต อรุณพัลลภ นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน (HBA : Home Builder Association) กล่าวว่า ปัจจุบันภาพของธุรกิจรับสร้างบ้านมีความชัดเจนและเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปมากขึ้น ซึ่งต่างจากอดีตที่ภาพและความรู้สึกของผู้บริโภคทั่วไปที่มีต่อผู้ประกอบการธุรกิจรับสร้างบ้านกับผู้รับเหมาทั่วไปนั้นมักจะแยกไม่ค่อยออกเหมารวมเป็นเรื่องเดียวกัน ทั้งนี้ที่ภาพธุรกิจรับสร้างบ้านมีความชัดเจนขึ้นนั้น มาจากปัจจัยหลักๆ ดังนี้ 1.ผู้ประกอบการรับสร้างบ้านมีการสร้างแบรนด์ให้ตลาดผู้บริโภครับรู้มากขึ้น 2.คุณภาพงานก่อสร้าง 3.คุณภาพวัสดุที่ใช้ 4.ราคาก่อสร้างที่เหมาะสม และ 5.การรับประกันรวมถึงการบริการทั้งก่อนและหลังการขาย
แนะเร่งสร้างแบรนด์-บริหารสภาพคล้อง-เพิ่มรายได้
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าธุรกิจรับสร้างบ้านเป็นธุรกิจที่มีอัตราการขยายตัวไม่หวือหวา แต่ก็เชื่อว่าตลาดโดยยังมีโอกาสขยายตัว เห็นได้จากประเภทที่อยู่อาศัยในตลาดบ้านสร้างเองมีราคาสูงขึ้นและตลาดใหญ่ขึ้น ประกอบกับทิศทางราคาเฉลี่ยต่อหลังของที่อยู่อาศัยในโครงการจัดสรรประเภทบ้านเดี่ยวในกรุงเทพฯและปริมณฑลสูงขึ้น รวมถึงราคาที่ดินที่พุ่งสูงขึ้นในกรุงเทพ ซึ่งนั่นสะท้อนถึงโอกาสสำหรับก่อสร้างที่อยู่อาศัยในตลาดบ้านสร้างเองบนที่ดินของผู้บริโภคนั้นจะมีมากขึ้น
“ตลาดบ้านสร้างเองมีการแข่งขันรุนแรงมาก ดังนั้นการให้ความสำคัญด้านการสร้างแบรนด์ และการสร้างความน่าเชื่อถือควบคู่ไปกับคุณภาพของงานให้กับกิจการมีความสำคัญยิ่ง ในขณะเดียวกันการบริหารสภาพคล่องทางการเงินยังเป็นความท้าทายที่สำคัญ โดยเฉพาะผู้ประกอบการรับสร้างบ้านขนาดกลางและขนาดเล็กที่มีข้อจำกัดด้านเงินทุนหมุนเวียน”นายพิชิต กล่าวพร้อมกับขยายความว่า รูปแบบการรับรายได้ของธุรกิจรับสร้างบ้านเป็นตามงวดงานดำเนินการก่อสร้าง
ในขณะที่ต้นทุนการประกอบธุรกิจสูงขึ้น เช่นค่าแรง วัสดุก่อสร้าง ฯลฯ อีกทั้งหากในช่วงที่เหลือของปี 2559 หรือปีถัดๆไปความคืบหน้างานก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐมีมากขึ้นและเดินไปตามแผนงานหรือนโยบาย ความต้องการใช้วัสดุก่อสร้างก็จะมีมากขึ้นตาม ผลที่ตามมาก็คือ ราคาวัสดุก่อสร้างอาจปรับเพิ่มสูงขึ้นหรืออาจเกิดปัญหาด้านเทคนิคสินค้าขาดตลาด จากปัจจุบันราคาเหล็กโรงงานใหญ่ (มอก.) ก็ได้ปรับขึ้นมาแล้วค่อนข้างมากถึง18-19บาทต่อกิโลกรัม จากเดิมเมื่อเดือนมกราคม 2559 ราคาซื้อขายกันอยู่ที่ราคา14-15 บาทต่อกิโลกรัม อาจเป็นเหตุให้ราคาวัสดุก่อสร้างในหมวดอื่นๆปรับตัวขึ้นตามและก่อให้เกิดเป็นต้นเหตุให้ต้นทุนสูงขึ้นสำหรับธุรกิจรับสร้างบ้านตามมา และอาจส่งผลให้เผชิญกับปัญหาขาดสภาพคล่องได้
ดังนั้น การบริหารจัดการจำนวนคนงาน และการสั่งซื้อวัสดุก่อสร้างที่เหมาะสมเพื่อควบคุมต้นทุนการก่อสร้าง รวมถึงการให้ความสำคัญกับการก่อสร้างอย่างรวดเร็วตามระยะเวลาที่กำหนดซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาการขาดสภาพคล่องและสร้างความน่าเชื่อถือให้กับตลาดผู้บริโภคได้ นอกจากนี้ ผู้ประกอบการในธุรกิจรับสร้างบ้านหรือที่อยู่อาศัยสามารถใช้ความรู้ความสามารถที่มีอยู่เฉพาะด้านให้บริการที่เกี่ยวเนื่องเพิ่มเติม เช่น เป็นที่ปรึกษา ตกแต่งภายใน ฯลฯ เพื่อสร้างรายได้เข้าสู่กิจการได้สม่ำเสมอเพิ่มจากรายได้หลักที่ส่วนใหญ่รายได้เข้าสู่กิจการจะเป็นไปตามงวดงานดำเนินการก่อสร้าง
พร้อมกันนี้นายพิชิต ยังกล่าวในตอนท้ายว่า ผู้ประกอบการในธุรกิจรับสร้างบ้านต้องนำเสนอจุดขายในด้านความยืดหยุ่นการให้บริการที่มากกว่าผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ และต้องตีโจทย์ความต้องการและข้อจำกัดของลูกค้าแต่ละรายให้ออกควบคู่ไปกับการอำนวยความสะดวกต่างๆ ทั้งนี้เพราะจากข้อมูลของสมาคมฯนั้นพบว่าอันดับแรกๆที่ผู้บริโภคตัดสินใจเลือกว่าจ้างบริษัทรับสร้างบ้านปลูกบ้านให้ส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับความน่าเชื่อถือและความสะดวกรวดเร็ว ที่มีการทำงานอย่างเป็นระบบมากกว่าผู้รับเหมาทั่วไป เช่นการดำเนินการขออนุญาตด้านต่างๆกับหน่วยงานราชการประสานงานด้านสินเชื่อกับสถาบันการเงิน เป็นต้น