- Details
- Category: อสังหาริมทรัพย์ฯ
- Published: Monday, 07 July 2014 21:34
- Hits: 3370
SIRI มั่นใจรายได้ปีนี้เข้าเป้า 3.4 หมื่นลบ. คาดอัตรากำไรสุทธิพุ่งแตะ 11% หลังลุยลดต้นทุนบริหาร-ค่าการตลาด
SIRI มั่นใจรายได้ปีนี้เข้าเป้า 3.4 หมื่นลบ. คาดอัตรากำไรสุทธิพุ่งแตะ 11% หลังลุยลดต้นทุนบริหาร-ค่าการตลาด เตรียมเปิด 13 โครงการใหม่ช่วงครึ่งปีหลัง มูลค่ารวม 2.36 หมื่นลบ. ตั้งงบซื้อที่ดินปีนี้ 4 พันลบ. เผยเล็งซื้อที่ดินย่านศรีนครินทร์ จาก BLAND เพิ่ม หากโครงการบ้านหรูได้รับการตอบรับดี ขณะที่ยอมรับยอดปฏิเสธสินเชื่อเพิ่มขึ้นเป็น 8-10% หลังแบงก์เข้มงวดปล่อยกู้มากขึ้น แต่ยังเป็นระดับที่ยอมรับได้
นายอภิชาติ จูตระกูล ประธานอำนวยการ บริษัท แสนสิริ จำกัด(มหาชน) หรือ SIRI กล่าวว่า บริษัทมั่นใจว่ารายได้ปีนี้จะเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ที่ 3.4 หมื่นล้านบาท เนื่องจากธุรกิจอสังหาฯเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวดีขึ้น หลังการเมืองกลับมามีเสถียรภาพอีกครั้ง ขณะเดียวกันบริษัทมีงานในมือ(Backlog)รอรับรู้รายได้สูงถึง 5.4 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ตั้งแต่ปีนี้ไปจนถึงปี 59
ทั้งนี้ คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นปีนี้จะใกล้เคียงปีก่อนที่ทำได้ 33-34% แต่อัตรากำไรสุทธิจะเพิ่มขึ้นค่อนข้างมากแตะระดับ 11% จากปีก่อนที่ทำได้เพียง 7-8% ซึ่งเป็นผลจากการเดินหน้าลดต้นทุนในการบริหารงาน และลดค่าดำเนินกิจกรรมการตลาด
"ปีนี้เป็นปีที่เราจะเก็บเกี่ยว Backlog ให้มากที่สุด และเป้าหมายของเราคือการทำกำไรเป็นหลัก หลังจากก่อนหน้านี้ลงทุนไปพอสมควรแล้ว"นายอภิชาติ กล่าว
สำหรับ ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/57 คาดว่าจะดีกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากบริษัทสามารถโอนที่อยู่อาศัยให้ลูกค้าได้มากขึ้น โดยในไตรมาสดังกล่าวมียอดโอนมากกว่าเป้าที่ตั้งไว้ที่ 5.5 พันล้านบาท ขณะเดียวกันคาดว่ายอดโอนจะเร่งตัวขึ้นในช่วงไตรมาส 3 และจะมียอดโอนสูงสุดในช่วงไตรมาส 4 เนื่องจากเป็นช่วงที่คอนโดมิเนียมก่อสร้างเสร็จพร้อมกันหลายโครงการ
นายอภิชาติ กล่าวว่า ในช่วงครึ่งหลังปีนี้บริษัทจะขยายโครงการที่อยู่อาศัยใหม่อีกประมาณ 13 โครงการ แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 8 โครงการ บ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ 5 โครงการ มูลค่ารวม 2.36 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมตัวเปิดโครงการใหม่ในจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งเป็นการขยายตลาดสู่ทำเลภาคเหนือตอนล่าง เพื่อตอบสนองกลุ่มลูกค้าของแสนสิริให้ครอบคลุมอีกด้วย
"ขณะนี้สถานการณ์ธุรกิจอสังหาฯเริ่มฟื้นตัวและมีความชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะดีมานด์บ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ที่ฟื้นตัวดีขึ้นมาตั้งแต่เดือนเม.ยที่ผ่านมา ส่วนคอนโดมิเนียมฟื้นตัวอย่างช้าๆ แต่คาดว่าจะดีขึ้นชัดเจนในระยะถัดไป ทำให้บริษัทมั่นใจว่าโครงการใหม่ที่กำลังจะเปิดตัวจะได้รับการตอบที่ดีจากลูกค้า"นายอภิชาติ กล่าว
ในส่วนของการซื้อที่ดิน ปีนี้บริษัทตั้งงบประมาณไว้ที่ 4 พันล้านบาท โดยล่าสุดใช้ไปแล้วประมาณ 1 พันล้านบาท และยังคงมองหาโอกาสในการซื้อที่ดินที่มีศักยภาพเพิ่มเติม เพื่อรองรับการพัฒนาอสังหาฯในอนาคต
ขณะที่ก่อนหน้านี้บริษัทได้ซื้อที่ดินของบริษัทบางกอกแลนด์ จำกัด(มหาชน) หรือ BLAND จำนวน 100 ไร่ บริเวณถนนศรีนครินทร์ เพื่อใช้พัฒนาโครงการบ้านเดี่ยว "เศรษฐสิริ" ซึ่งมีระดับราคาจำหน่ายอยู่ที่ 8-15 ล้านบาท จำนวน 200 ยูนิต ทั้งนี้หากโครงการดังกล่าวได้รับการตอบรับที่ดี บริษัทอาจพิจารณาซื้อที่ดินจาก BLAND เพิ่มเติม เพื่อใช้พฒนาโครงการอื่นๆต่อไป โดยบริษัทสามารถซื้อที่ดินจาก BLAND ได้อีกประมาณ 400 ไร่นายอภิชาติ จูตระกูล ประธานอำนวยการ บริษัทแสนสิริ นายอภิชาติ ยอมรับว่า ปัจจุบันยอดปฏิเสธสินเชื่อเพื่อซื้อที่อยู่อาศัย(Rejection Rate)ของบริษัทอยู่ที่ประมาณ 8-10% เพิ่มขึ้นจากเดิมที่เฉลี่ยอยู่ที่ 6-8% ซึ่งเป็นผลจากการที่ธนาคารเข้มงวดปล่อยกู้มากขึ้น ตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตามมองว่ายอดปฏิเสธสินเชื่อดังกล่าวยังอยู่ในระดับที่รับได้
ขณะที่ก่อนหน้านี้บริษัทได้เพิ่มเงินดาวน์สำหรับการซื้อที่อยู่อาศัยอีกพอสมควร ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงให้กับทั้งบริษัทและธนาคารที่ปล่อยกู้
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย