- Details
- Category: อสังหาริมทรัพย์ฯ
- Published: Sunday, 27 December 2015 11:09
- Hits: 2408
SAMCO สัมมากร เผยปีหน้า ทาวน์โฮม ฮอต! คอนโด ยังขายได้ ตามแนวรถไฟฟ้า
บริษัท สัมมากร จำกัด (มหาชน) วิเคราะห์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 58 ทรงตัว ขาดปัจจัยบวกกระตุ้นตลาด กำลังซื้อน้อยลง คนนิยมทาวน์โฮมมากขึ้น คาดปี59 ทาวน์โฮม ยังคงเป็นที่นิยม โครงการทาวน์โฮมขนาดเล็กจะผุดมากขึ้นรอบกรุงเทพ คอนโดยังขายได้ตามแนวรถไฟฟ้า แต่ไม่หวือหวา เนื่องจากคนชะลอการลงทุนตามสถานการณ์เศรษฐกิจ หวังปัจจัยบวกปี 59 หนี้สินครัวเรือนลดลง ความคืบหน้าโครงการภาครัฐจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ
นายกิตติพล ปราโมช ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท สัมมากร จำกัด (มหาชน)SAMCO สรุปสถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2558 ว่า เป็นปีที่ยากสำหรับทุกธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เพราะขาดปัจจัยบวกมากระตุ้นตลาดตั้งแต่ต้นปี ถึงแม้ว่าจะมีปัจจัยบวกจากมาตรการรัฐ ช่วยลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการโอนและจำนองอสังหาริมทรัพย์ในช่วงปลายปี สามารถสร้างความมั่นใจ และกระตุ้นการตัดสินใจของผู้บริโภคได้เพียงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับปัจจัยลบรุมเร้าต่อเนื่องตลอดทั้งปี ทั้งปัญหาหนี้สินครัวเรือน ความเปราะบางของเศรษฐกิจโลก และสถานการณ์ความไม่สงบ การก่อการร้ายทั้งในและต่างประเทศ สิ่งที่เห็นได้ชัดในปี 2558 คือ มีโครงการทาวน์โฮม เกิดขึ้นจำนวนมาก และมียอดโอนทาวน์โฮมเพิ่มขึ้น 16% สะท้อนให้เห็นถึงกำลังซื้อของผู้บริโภคมีเม็ดเงินลดลง เนื่องจากผู้บริโภคยังคงมีความต้องการฟังก์ชั่นเหมือนบ้านเดี่ยวแต่มีงบประมาณจำกัด จึงเปลี่ยนมาเลือกซื้อทาวน์โฮมที่มีราคาประหยัดกว่าทดแทน
นายกิตติพล กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปี 2559 แนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ มองว่า ทาวน์โฮม ยังคงเป็นพระเอกอยู่ เพราะแนวโน้มกำลังซื้อผู้บริโภคยังไม่ฟื้น โดยจะมีโครงการทาวน์โฮมผุดขึ้นจำนวนมากรอบกรุงเทพฯ และเป็นโครงการที่ไม่ใหญ่มากนัก ใช้พื้นที่ประมาณ 10-15 ไร่ หรือมีขนาดเพียง 100-250 ยูนิต นอกจากนี้ ยังมองว่าคอนโดมิเนียม ยังคงเติบโตมียอดขายไปได้เรื่อยๆ ตามแนวรถไฟฟ้า และจุดที่มีสาธารณูปโภคเกิดขึ้น แต่จะไม่มียอดขายเติบโตหวือหวา เนื่องจากกลุ่มผู้บริโภคที่ซื้อลงทุนชะลอการตัดสินใจตามสถานการณ์เศรษฐกิจและตลาดหุ้นที่มีความผันผวน
“สำหรับ ปัจจัยบวกในตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2559 วิเคราะห์ว่า ยอดหนี้สินครัวเรือนจะลดน้อยลง ผลกระทบจากหนี้สินรถคันแรกจะเบาลง และการลงทุนของภาครัฐจะมีความคืบหน้ามากขึ้น ส่วนปัจจัยลบ จะมาจากภายนอก เป็นปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ ทั้งความเสี่ยงที่จะเกิดสงครามระหว่างประเทศ อัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ สถานการณ์เศรษฐกิจยุโรป ซึ่งเป็นความกังวลที่ทำให้ผู้บริโภคจะชะลอการลงทุนเพื่อรอดูสถานการณ์ให้มั่นใจ”
นโยบายรัฐบาลที่จะกวาดล้างคอรัปชั่นจะส่งผลดีระยะยาวกับภาคธุรกิจ สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนต่างประเทศ และก่อให้เกิดการแข่งขันอย่างเสรี เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติอย่างแท้จริง ทั้งนี้ที่ผ่านมาในปี 2558 อาจยังไม่เห็นผลชัดเจน จนกระทั่งมีการประมูลคลื่นความถี่ 4G ครั้งล่าสุด ที่มีการประมูลแบบโปร่งใส รัฐได้เงินเข้าคลังมากกว่าที่คาด และเม็ดเงินหล่าวนี้จะมีผลในการกระตุ้นเศรษฐกิจในอีกไม่นานนี้ นายกิตติพล กล่าวสรุป