- Details
- Category: อสังหาริมทรัพย์ฯ
- Published: Sunday, 22 November 2015 19:55
- Hits: 3032
ไนท์แฟรงค์ฯ เผยราคาโครงการที่อยู่อาศัยระดับซุปเปอร์ไพร์มในภูเก็ตพุ่งสูงขึ้นกว่า 120% หลังกำลังซื้อจากต่างชาติยังทะลักต่อเนื่อง
นางสาวริษิณี สาริกบุตร ผู้อำนวยการ หัวหน้าฝ่ายวิจัยและที่ปรึกษา บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่าราคาของโครงการที่อยู่อาศัยระดับซุปเปอร์ไพร์มในภูเก็ตที่เปิดตัวในปี 2015 อยู่ที่ระหว่าง 7.5 - 15 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อยูนิต ในขณะที่ราคาขายต่ออยู่ที่ 20 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อยูนิตในปีนี้ ราคาของโครงการซุปเปอร์ไพร์มใหม่ๆ ได้เพิ่มสูงขึ้นถึง 120% เมื่อเทียบกับราคาของโครงการในระดับเดียวกันซึ่งเปิดตัวในระหว่างปี 2007 และปี 2011
ผลการวิจัยของไนท์แฟรงค์ประเทศไทยระบุว่าไม่มีโครงการที่อยู่อาศัยระดับซุปเปอร์ไพร์มเปิดตัวช่วงปี 2012 ถึงปี 2014 ในภูเก็ต อย่างไรก็ตาม ราคาขายของโครงการซุปเปอร์ไพร์มที่เปิดตัวระหว่างปี 2007 ถึงปี 2011 และยังคงเปิดขายอยู่ในปี 2014 มีราคาขายอยู่ที่ 3 -7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อยูนิต
คุณริษิณี กล่าวว่ากลุ่มผู้ซื้อโครงการซุปเปอร์ไพร์มในภูเก็ต ส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติในแถบเอเชีย โดยเฉพาะชาวฮ่องกง สิงคโปร์และเซี่ยงไฮ้ ส่วนใหญ่ผู้ซื้อกลุ่มนี้ได้อาศัยและทำงานอยู่ในภูมิภาคนี้มานานหลายปีและรู้จักคุ้นเคยกับจังหวัดภูเก็ตเป็นอย่างดีจากการใช้เวลาพักผ่อนวันหยุด นอกจากนี้ ยังมีนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลีย ฝรั่งเศส และแคนาดา และเอเชีย ที่เป็นกลุ่มผู้ซื้อรายใหม่ ซึ่งมักซื้อโครงการซุปเปอร์ไพร์มในภูเก็ตไว้เป็นบ้านหลังที่สอง หรือเพื่อใช้เป็นสถานที่พักผ่อนหรือเพื่อการอยู่อาศัยหลังเกษียณ ผู้ซื้อกลุ่มนี้ยังลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์ในหลายๆ แห่งทั่วโลก ลูกค้ากลุ่มนี้มักอาศัยความพึงพอใจและผลตอบสนองทางด้านอารมณ์และความรู้สึก ความคุ้นเคยกับทำเล รวมทั้งต้องการเยี่ยมชมโครงการ ก่อนตัดสินใจ ซึ่งอาจมีผลทำให้ช่วงเวลาการซื้อขายนั้นอาจยาวนานบ้างแล้วแต่กรณี คุณริษิณี กล่าวเพิ่มเติมว่าโดยเฉลี่ยแล้วขั้นตอนการขายตั้งแต่ต้นจนจบ ของโครงการระดับซุปเปอร์ไพร์มในภูเก็ตมักใช้เวลามากกว่าหนึ่งปี ปัจจัยสำคัญในการขายคือ สถานที่ตั้ง ทำเล ทัศนียภาพโดยรอบ สภาพแวดล้อม และโครงการที่พัฒนาในพื้นที่ใกล้เคียง รวมทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ
โครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับสุดหรูในจังหวัดภูเก็ต มักเป็นโครงการวิลล่าที่มีราคาขายกว่า 100 ล้านบาทต่อหน่วย ส่วนใหญ่เป็นวิลล่าที่อยู่ติดริมทะเล และมีการบริหารจัดการโดยเครือโรงแรมชั้นนำระดับโลก วิลล่าในประเภทนี้ส่วนใหญ่ประกอบด้วยอย่างน้อย 4 ห้องนอน มีพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวางสำหรับนั่งเล่น รับประทานอาหารและเพื่อความบันเทิง พร้อมกันนี้ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันระดับโลก เช่น ห้องออกกำลังกายส่วนตัว สปาและสระว่ายน้ำส่วนตัว มีพื้นที่ใช้สอยมากกว่า 1,000 ตารางเมตรบนพื้นที่กว่า 2 ไร่ (หรือ 3,200 ตารางเมตร) ของที่ดิน นอกจากนี้วิลล่าเหล่านี้ยังมีมาตรฐานการก่อสร้างอันดีเยี่ยม โดยใช้วัสดุ สเปค และรูปแบบการก่อสร้างที่มีคุณภาพสูง เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวสำหรับผู้อยู่อาศัยและการตกแต่งระดับพรีเมี่ยม
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย