- Details
- Category: อสังหาริมทรัพย์ฯ
- Published: Wednesday, 07 October 2015 22:10
- Hits: 1837
ดัชนีความเชื่อมั่น ผู้ประกอบการอสังหาฯ Q3/58 อยู่ที่ 52.2 เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับ Q2/58 รับแผนกระตุ้น ศก.ภาครัฐฯ
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เปิดเผยผลการสำรวจ ในการคำนวณดัชนีความเชื่อมั่น ผู้ประกอบการอสังหาฯ Q3/58 อยู่ที่ 52.2 เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับ Q2/58 ที่อยู่ที่ 50.4 รับแผนกระตุ้น ศก.ภาครัฐฯ ประกอบกับราคาวัสดุก่อสร้างที่ปรับตัวลง และการเปิดโครงการใหม่หรือเฟสใหม่เพิ่มขึ้น
นายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เปิดเผยว่า จากการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัย ประจำไตรมาส 3 ปี 2558 มีผู้ประกอบการตอบแบบสอบถามจำนวน 168 บริษัท เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ 32 บริษัท และบริษัทที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ 136 บริษัท พบว่า ค่าดัชนีความเชื่อมั่นในภาวะปัจจุบันอยู่ที่ 52.2 สูงกว่าค่ากลางที่ 50 และปรับเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2/2558 ที่อยู่ที่ 50.4 แสดงให้เห็นว่า ผู้ประกอบการมีความความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ เมื่อแยกประเภทผู้ประกอบการ พบว่า ผู้ประกอบการที่เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มีค่าดัชนีความเชื่อมั่นสูงกว่าผู้ประกอบการที่ไม่ใช่บริษัทจดทะเบียน โดยผู้ประกอบการที่เป็นบริษัทจดทะเบียนมีค่าดัชนีความเชื่อมั่นในภาวะปัจจุบันเท่ากับ 59.6 ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงขึ้นกว่าในไตรมาสก่อนหน้า ส่วนผู้ประกอบการที่ไม่ใช่บริษัทจดทะเบียน ส่วนใหญ่เป็นรายกลางและรายย่อย มีค่าดัชนีความเชื่อมั่นในภาวะปัจจุบันลดลง ค่าดัชนีเท่ากับ 44.8 ซึ่งต่ำกว่าค่ากลาง (ค่ากลางเท่ากับ 50)
ด้านผู้ประกอบการโดยภาพรวมมีค่าความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น โดยผู้ประกอบการที่จดทะเบียน มีความเชื่อมั่นที่ดีมากกว่าผู้ประกอบการรายกลางและรายย่อย ความเชื่อมั่นในภาวะปัจจุบันโดยภาพรวมเพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากการปรับเปลี่ยนทีมเศรษฐกิจและรายละเอียดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชัดเจนขึ้น ความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นทั้งในด้านยอดขาย การลงทุน ต้นทุนประกอบการที่ลดลงสอดคล้องกับราคาวัสดุก่อสร้างที่ปรับตัวลง และการเปิดโครงการใหม่หรือเฟสใหม่เพิ่มขึ้น
สำหรับ ดัชนีความคาดหวังในอีก 6 เดือนข้างหน้า มีค่าเท่ากับ 66.3 ปรับลดลงจากไตรมาสที่แล้ว ซึ่งมีค่าเท่ากับ 67.8ความคาดหวังในอนาคตโดยภาพรวมยังดีอยู่ โดยผู้ประกอบการมีความคาดหวังมาตรการกระตุ้นภาคที่อยู่อาศัยที่กระทรวงการคลังกำลังพิจารณารูปแบบที่เหมาะสม เมื่อแยกประเภทผู้ประกอบการ พบว่า ผู้ประกอบการที่เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มีค่าดัชนีความคาดหวังในอีก 6 เดือนข้างหน้าเท่ากับ 74.0 ซึ่งเท่ากับไตรมาสที่แล้ว ส่วนผู้ประกอบการที่ไม่ใช่บริษัทจดทะเบียน มีค่าดัชนีความคาดหวังในอีก 6 เดือนข้างหน้าเท่ากับ 58.5 ปรับลดลงจากไตรมาสที่แล้ว โดยไตรมาสที่แล้วมีค่าดัชนีเท่ากับ 61.6
ทั้งนี้ ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ระบุว่า ข้อมูลโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล 5 จังหวัด (นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร นครปฐม) พบว่าในครึ่งแรกของปี 2558 มีการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยรวมกันประมาณ 83,800 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 2 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2557 ซึ่งมีจำนวนประมาณ 82,400 หน่วย
จากปริมาณการโอนกรรมสิทธิ์เฉพาะที่อยู่อาศัย จำนวน 83,800 หน่วยนี้ แบ่งเป็นยอดโอนในเดือนมกราคมประมาณ 13,000 หน่วย เดือนกุมภาพันธ์ประมาณ 12,700 หน่วย เดือนมีนาคมประมาณ 15,100 หน่วย เดือนเมษายนประมาณ 11,400 หน่วย เดือนพฤษภาคมประมาณ 14,500 หน่วย และเดือนมิถุนายนประมาณ 17,100 หน่วย
ยอดโอนกรรมสิทธิ์ในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ในครึ่งแรกของปี 2558 แบ่งเป็นห้องชุดคอนโดมิเนียมมากที่สุด จำนวน 29,900 หน่วย (สัดส่วนร้อยละ 36 ของหน่วยการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทุกประเภทรวมกัน) รองลงมาเป็นทาวน์เฮ้าส์ 28,500 หน่วย (สัดส่วนร้อยละ 34) บ้านเดี่ยว 14,900 หน่วย (สัดส่วนร้อยละ 18) อาคารพาณิชย์ 7,200 หน่วย (สัดส่วนร้อยละ 9) ที่เหลือเป็นบ้านแฝดประมาณ 3,300 หน่วย
ส่วนมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัย ในครึ่งแรกของปี 2558 มีมูลค่ารวมกันประมาณ 201,100 ล้านบาท แบ่งเป็น ห้องชุดมีมูลค่าการโอนประมาณ 66,500 ล้านบาท บ้านเดี่ยวมีมูลค่าการโอนประมาณ 61,800 ล้านบาท ทาวน์เฮ้าส์มีมูลค่าการโอนประมาณ 42,300 ล้านบาท อาคารพาณิชย์มีมูลค่าการโอนประมาณ 23,000 ล้านบาท และบ้านแฝดมีมูลค่าการโอน 7,500 ล้านบาท จากจำนวนหน่วยห้องชุดที่มีการโอนกรรมสิทธิ์ทั้งหมด พบว่าเป็นหน่วยห้องชุดใหม่ประมาณ 80% และเป็นหน่วยห้องชุดมือสอง 20%
การโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยประเภทห้องชุด มีมากที่สุดในกรุงเทพฯ ประมาณ 22,800 หน่วย ในจังหวัดนนทบุรีประมาณ 3,800 หน่วย จังหวัดสมุทรปราการประมาณ 1,800 หน่วย จังหวัดปทุมธานีประมาณ 940 หน่วย จังหวัดนครปฐมประมาณ 340 หน่วย และจังหวัดสมุทรสาครประมาณ 210 หน่วยพื้นที่เฉลี่ยต่อหน่วยของห้องชุดที่มีการโอนกรรมสิทธิ์ในกรุงเทพฯอยู่ที่ประมาณ 27.3 ตารางเมตร ส่วนในจังหวัดปริมณฑลอยู่ที่ประมาณ 28.2 ตารางเมตร
พื้นที่ซึ่งมีจำนวนหน่วยการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดใหม่ (โอนจากนิติบุคคล) มากที่สุดในครึ่งแรกของปีนี้ ได้แก่ เขตพระโขนง อำเภอเมืองนนทบุรี เขตสวนหลวง เขตห้วยขวาง และเขตบางซื่อ ส่วนพื้นที่ที่มีจำนวนหน่วยการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดมือสอง (โอนจากบุคคลธรรมดา) มากที่สุด ได้แก่ เขตบางซื่อ เขตพระโขนง เขตบางกะปิ เขตธนบุรี และเขตห้วยขวาง ตามลำดับ
พื้นที่ซึ่งมีจำนวนหน่วยการโอนกรรมสิทธิ์บ้านเดี่ยวขายใหม่มากที่สุดในครึ่งแรกของปีนี้ ได้แก่ อำเภอบางบัวทอง อำเภอบางพลี อำเภอลำลูกกา เขตสายไหม และอำเภอปากเกร็ด ส่วนพื้นที่ที่มีจำนวนหน่วยการโอนกรรมสิทธิ์บ้านเดี่ยวมือสองมากที่สุด ได้แก่ เขตบางกะปิ เขตบางเขน อำเภอลำลูกกา เขนมีนบุรี และอำเภอเมืองสมุทรปราการ ตามลำดับ
พื้นที่ซึ่งมีจำนวนหน่วยการโอนกรรมสิทธิ์ทาวน์เฮ้าส์ขายใหม่มากที่สุดในครึ่งแรกของปีนี้ ได้แก่ อำเภอบางพลี อำเภอเมืองสมุทรปราการ อำเภอเมืองสมุทรสาคร อำเภอเมืองปทุมธานี และอำเภอลำลูกกา ส่วนพื้นที่ที่มีจำนวนหน่วยการโอนกรรมสิทธิ์ทาวน์เฮ้าส์มือสองมากที่สุด ได้แก่ อำเภอเมืองสมุทรปราการ เขตบางเขน อำเภอบางบัวทอง อำเภอคลองหลวง และอำเภอลำลูกกา ตามลำดับ
ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ เผยดัชนีบ้านเดี่ยว-ทาวน์เฮ้าส์-คอนโดฯ ในกทม.-ปริมณฑล Q3/58 เพิ่มขึ้น
นายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ระบุว่า จากการจัดทำดัชนีราคาห้องชุด ดัชนีราคาบ้านเดี่ยว และดัชนีราคาทาวน์เฮ้าส์ ประจำงวดไตรมาส 3/58 เทียบกับไตรมาส 3/57 พบว่า ดัชนีราคาห้องชุดรวมทุกระดับราคาในกรุงเทพฯ นนทบุรี และสมุทรปราการ ปรับเพิ่มขึ้น 4.8% โดยเขต/อำเภอที่มีการปรับราคาห้องชุดเพิ่มขึ้นมาก ได้แก่ เขตห้วยขวาง เขตราชเทวี เขตปทุมวัน เขตสาทร เขตบางรัก เขตวัฒนา เขตคลองเตย เขตพระโขนง เขตบางนา เขตบางพลัด และอำเภอเมืองนนทบุรี (ถนนรัตนาธิเบศร์) ใกล้แนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง
เมื่อแยกช่วงระดับราคา พบว่า ห้องชุดที่มีระดับราคาต่ำกว่า 50,000 บาท/ตารางเมตร ปรับเพิ่มขึ้น 3.1%ห้องชุดที่มีระดับราคา 50,000-80,000 บาท/ตารางเมตร ปรับเพิ่มขึ้น 4.0%,ห้องชุดที่มีระดับราคา 80,001-120,000 บาท/ตารางเมตร ปรับเพิ่มขึ้น 5.9% และห้องชุดที่มีระดับราคามากกว่า 120,000 บาท/ตารางเมตรขึ้นไป ปรับเพิ่มขึ้น 4.7%
ขณะที่ ดัชนีราคาบ้านเดี่ยว ในกรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ ปรับเพิ่มขึ้น 2.9% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/57 แบ่งเป็น ดัชนีราคาบ้านเดี่ยว ในกรุงเทพฯ ปรับเพิ่มขึ้น 2.8% และดัชนีราคาบ้านเดี่ยว ในนนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ ปรับเพิ่มขึ้น 3.0%
ส่วนดัชนีราคาทาวน์เฮ้าส์ ในกรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ ปรับเพิ่มขึ้น 4.0% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2557 แยกรายละเอียดเป็น ดัชนีราคาทาวน์เฮ้าส์ ในกรุงเทพฯ ปรับเพิ่มขึ้น 4.2% และ ดัชนีราคาทาวน์เฮ้าส์ ในนนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ ปรับเพิ่มขึ้น 3.8%
อินโฟเควสท์