- Details
- Category: อสังหาริมทรัพย์ฯ
- Published: Monday, 03 August 2015 22:21
- Hits: 6025
SENA เปิดตัวโครงการคอนโดฯสุดหรู'เดอะนิช ไพรด์ ทองหล่อ-เพชรบุรี' โอบล้อมด้วยธรรมชาติ สิ่งอำนายความสะดวกครบ เริ่มต้น 2.59 ลบ. พรีเซลวันที่ 8 - 9 ส.ค.นี้
บมจ.เสนาดีเวลลอปเม้นท์ (SENA) เปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมสุดหรู! ตั้งตระหง่านบนถนนเพชรบุรี ใกล้ถนน 'ทองหล่อ-เพชรบุรี-พระราม 9' มูลค่าโครงการกว่า 2.2 พันล้านบาท โดดเด่นด้วยการออกแบบงดงามผสมผสานความเป็นธรรมชาติได้อย่างลงตัว เพิ่มมนต์เสน่ห์ให้อารมณ์แห่งการพักผ่อนด้วยสวนสวยขนาดใหญ่ สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มั่นใจตอบโจทย์ชีวิตคนเมือง พร้อมติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป เพื่อนำพลังงานแสงอาทิตย์มาผลิตกระแสไฟฟ้าใช้ในพื้นที่ส่วนกลาง ขนาด 1 ห้องนอน 30 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.59 ล้านบาท Pre-sales อย่างเป็นทางการในวันเสาร์ที่ 8 และวันอาทิตย์ที่ 9 ส.ค.นี้ พิเศษสุด!!! สำหรับลูกค้าที่ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์รับส่วนลด 100,000 บาท
ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการบริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (SENA) เปิดเผยว่า เป็นครั้งแรกของเสนาฯ สำหรับการเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมสุดหรู ใจกลางเมือง'เดอะนิช ไพรด์ ทองหล่อ-เพชรบุรี'พื้นที่โครงการ 3 ไร่เศษ สงบและเป็นส่วนตัวมีเพียง 1 อาคาร 33 ชั้น จำนวน 667 ยูนิตเท่านั้น ขนาดห้องเริ่มต้นที่ 1 ห้องนอน 30 ตร.ม. ราคาเริ่มเพียง 2.59 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 2,230 ล้านบาท โดยจะเปิด Pre-sales ในวันเสาร์ที่ 8 และวันอาทิตย์ที่ 9 ส.ค.นี้ ที่สำนักงานขายโครงการติดถนนเพชรบุรี พิเศษสุดสำหรับลูกค้าที่ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์รับส่วนลด 100,000 บาท ผู้ที่สนใจติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่ 1775 กด 30 หรือ www.sena.co.th
นอกจากนี้ อาคารยังมีความโดดเด่นด้วยการออกแบบที่นำความงดงามจากธรรมชาติมาผสมผสานอย่างลงตัว ภายนอกอาคารออกแบบด้วยลวดลายเปลือกไม้ Cedar Crust เพิ่มมนต์เสน่ห์ให้อารมณ์แห่ง
การพักผ่อน พร้อมสวนสวยขนาดใหญ่ ตั้งแต่ทางเข้าจนถึงทุกสัมผัสของการใช้ชีวิตภายในโครงการ
อีกทั้ง ยังดีไซน์ทุกตารางนิ้วเพื่อรองรับการอยู่อาศัยอย่างแท้จริง ด้วยการคำนึงถึงความคล่องตัวในทุกฟังก์ชั่นของการใช้งาน เต็มตากับวิวเมืองด้วย Unblock View ซึ่งทุกห้องสามารถเปิดรับวิวธรรมชาติและวิวเมืองได้หลากหลายอารมณ์
ขณะเดียวกัน ยังเพิ่มบรรยากาศที่จะทำให้คุณผ่อนคลายด้วยการโอบล้อมของธรรมชาติรอบตัว เพลิดเพลินกับสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการ ทั้งสระว่ายน้ำยาว 35 เมตร พร้อม Jacuzzi และสระเด็ก ห้องฟิตเนส ซาวน่า Exclusive Lounge และสวนสวยสไตล์ Tropical ขนาดใหญ่ เพื่อการพักผ่อนอย่างลงตัว
“มั่นใจว่า โครงการ'เดอะนิช ไพรด์ ทองหล่อ-เพชรบุรี' จะได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค เนื่องจากมีจุดเด่นในเรื่องของทำเลที่ตั้ง ตัวอาคารตั้งบนถนนเพชรบุรี เชื่อมทุกความสะดวกสบายใน
การเดินทาง ใกล้ถนนทองหล่อ ถนนอโศก และถนนพระราม 9 ที่เชื่อมต่อสนามบินสุวรรณภูมิ สิ่งอำนายความสะดวกแบบครบครัน ทั้งร้านสะดวกซื้อ เซเว่น อีเลฟเว่น ภายในโครงการ และรายล้อมด้วยห้างสรรพสินค้า โรงเรียน และโรงพยาบาลชั้นนำ ตอบโจทย์ชีวิตคนเมืองได้อย่างลงตัว” ผศ.ดร.เกษรา กล่าว
คุณพนม กาญจนเทียมเท่า กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เผยระดับราคาคอนโดบริเวณถนนเพชรบุรี-รัชดา และย่านสุขุมวิทถึงพระโขนง ในช่วงครึ่งปีแรก ของปี 2558 ยังปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้งจำนวนอุปทานและราคา โดยคอนโดย่านสุขุมวิทถึงพระโขนงมีราคาเฉลี่ยสูงถึง 226,000 บาทต่อตารางเมตรในปี 2558 ราคาปรับเพิ่มสูงกว่าปี 2557 ถึง ร้อยละ 50 ขณะที่คอนโดบริเวณถนนเพชรบุรี-รัชดา มีราคาเฉลี่ยสูงถึง 111,000 บาทต่อตารางเมตรในปี 2558 ราคาปรับเพิ่มสูงกว่าปี 2557 ถึง ร้อยละ 28 สำหรับยอดขายโครงการเปิดใหม่ยังมีอัตราการขายที่ดีไม่ปรับตัวลดลง
คุณพนม ให้ข้อมูลว่า บริเวณพื้นที่เพชรบุรี-รัชดา มีจำนวนหน่วยคอนโดมิเนียมที่เปิดขายโครงการตั้งแต่ปีพ.ศ. 2551 ถึงครึ่ง ปีพ.ศ. 2558 รวม 46,363 ยูนิต โดยครึ่งแรกของปีนี้ มีจำนวนคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ประมาณ 4,593 ยูนิต ระดับราคาขายคอนโดมิเนียมใหม่ปีนี้ราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ราว 110,454 บาท ต่อ ตารางเมตร ปรับขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 28 (ปี 2557 มีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 86,486 บาท ต่อ ตารางเมตร)
ภาพในบรรทัด 1
ที่มา: บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด
ยอดขายเฉพาะโครงการคอนโดมิเนียมที่เปิดขายในปี (ถึงกลางปี) อยู่ที่ 29.37% เปรียบเทียบกับช่วง 3 ปีที่ผ่านมายังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ ไม่ลดลงตามภาวะตลาดรวม (ยอดขายโครงการเปิดขายใหม่แต่ละปีตั้งแต่ปี 2554 จะอยู่ในช่วง 52-62% ของจำนวนยูนิตที่เปิดขายใหม่)
ภาพในบรรทัด 5
ที่มา: บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด
ราคาขายคอนโดมิเนียมเกรดเอในย่านเพชรบุรี-รัชดา อยู่ในช่วง 116,667-159,173 บาท ต่อ ตารางเมตร โดยมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 137,365 บาท ต่อ ตารางเมตร ส่วนคอนโดเกรดบีราคาขายอยู่ระหว่าง 66,429 – 112,857 บาท ต่อ ตารางเมตร โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 92,135 บาท ต่อ ตารางเมตร
คุณพนม กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะที่คอนโดมิเนียมบริเวณสุขุมวิทจากสุขุมวิทซอย 1 ถึงพระโขนง มีจำนวนยูนิดที่เปิดขายใหม่ในปีพ.ศ. 2558 ครึ่งปี จำนวน 1,974 ยูนิต ซึ่งใกล้เคียงกับช่วง 3 ปีที่ผ่านมา แต่ราคาขายโครงการใหม่เฉลี่ยกลับมีการปรับราคาเพิ่มสูงขึ้นถึงร้อยละ 50 เทียบกับราคาขายปีที่ผ่านมา โดยราคาขายเฉลี่ยในปี 2558 มีราคาอยู่ที่ประมาณ 226,344 บาทต่อตารางเมตร (ปี 2557 มีราคาขายโครงการใหม่เฉลี่ย 151,396 บาทต่อตารางเมตร)
ภาพในบรรทัด 3
ที่มา: บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด
ปัจจุบันคอนโดมิเนียมเปิดใหม่ใน สุขุมวิทจากสุขุมวิทซอย 1 ถึงพระโขนง ตั้งแต่ปี 2551ถึงปัจจุบันมีจำนวนสะสมรวม 19,481 หน่วย จำนวนคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ในบริเวณนี้ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาอยู่ที่ประมาณ 2,500-3,800 หน่วยต่อปี ในส่วนระดับราคาขายเฉลี่ยมีการปรับเพิ่มสูงขึ้นทุกปีแต่ปี 2558 ระดับราคาขายเฉลี่ยปรับเพิ่มสูงกว่าปีที่ผ่านมาถึงร้อยละ 50 ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากโครงการที่เปิดขายส่วนมากเป็นโครงการในระดับเกรดเอและระดับพรีเมียมที่มีราคาขายเกิน 250,000 บาทต่อตารางเมตร
ภาพในบรรทัด 4
ที่มา: บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด
ราคาขายคอนโดมิเนียมระดับลักซ์ชัวรี่ในย่านสุขุมวิทมีระดับราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 262,628 บาท ต่อ ตารางเมตร มีราคาขายอยู่ระหว่าง 211,765 – 324,950 บาทต่อตารางเมตร ขณะที่คอนโดเกรดเอมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 161,870 บาทต่อตารางเมตร
ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ : IR network
คุณณัฐสินี ระเบียบนาวีนุรักษ์ (เก๋) Mobile 080-999-8028 e-mail : [email protected]
คุณปภาดา สุวรรณกูฏ (ตุ้ย) Mobile 090-972-3407 e-mail : [email protected]
SENA คาดแลกหุ้นบ.โซลาร์รูฟท็อปแล้วเสร็จก.ย.หวังเพิ่มสัดส่วนรายได้ปีนี้
นางเกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการบริหาร บมจ.เสนาดีเวลลอปเม้นท์ (SENA) เปิดเผยว่า บริษัทจะได้ข้อสรุปและสามารถทำการแลกหุ้นกับบริษัทที่ดำเนินธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง (EPC)และวางระบบวิศวกรรมโซลาร์รูฟท็อปได้แล้วเสร็จภายในเดือนก.ย.นี้ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาและเจรจาสัดส่วนการเข้าไปถือหุ้นของทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งการเข้าไปถือหุ้นในบริษัทดังกล่าวจะช่วยเสริมศักยภาพการดำเนินงานเกี่ยวกับโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ของบริษัทในอนาคต และบริษัทจะมีรายได้พิเศษเสริมเข้ามาจากการรับงานติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปให้กับผู้ประกอบการรายอื่นด้วย
ปัจจุบันบริษัทดังกล่าวได้รับงานติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ซึ่งหากการแลกหุ้นแล้วเสร็จจะทำให้สัดส่วนรายได้ของธุรกิจจากพลังงานแสงอาทิตย์ของบริษัทเพิ่มเป็น 5% ในสิ้นปีนี้ จากปัจจุบันที่ยังไม่มีรายได้จากส่วนธุรกิจนี้เข้ามาอย่างมีนัยสำคัญ
ส่วนโครงการโซลาร์ฟาร์มที่บริษัทร่วมทุนกับบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 48 เมกะวัตต์ จำนวน 5 แห่ง คาดว่าจะเริ่มทยอยจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้ภายในสิ้นปีนี้ โดยใช้เงินลงทุน 60-70 ล้านบาท/เมกะวัตต์ นอกจากนี้เมื่อกลางเดือน มิ.ย.บริษัทยังได้เริ่มจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ของโครงการโซลาร์รูฟท็อปที่ติดตั้งบนหลังคาโกดังของบริษัทที่สุขุมวิท ขนาดกำลังการผลิตไฟฟ้า 750 กิโลวัตต์ ทำให้ปีนี้จะรับรู้รายได้จากการขายไฟจากโครงการดังกล่าวเข้ามาประมาณ 3.5 ล้านบาท และในปี 59 จะรับรู้เต็มปีเป็นจำนวน 7 ล้านบาท
ทั้งนี้ สิ้นปี 58 สัดส่วนรายได้ของบริษัทจะแบ่งเป็นรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ 85% รายได้ค่าเช่า 10% และรายได้โครงการพลังงานไฟฟ้าแสงอาทิตย์ 5%
นางเกษรา กล่าวว่า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ตั้งแต่ต้นปีบริษัทสามารถทำยอดขายได้แล้ว 2.5-2.6 พันล้านบาท ทำให้มั่นใจว่าทั้งปีจะทำได้ 4.5 พันล้านบาทตามเป้าหมาย โดยในช่วงที่เหลือของปีบริษัทจะเปิดโครงการแนวราบอีก 4-5 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 3-4 พันล้านบาท หลังจากเปิดโครการคอนโดมิเนียมเดอะนิช ไพร์ด ทองหล่อ-เพชรบุรี มูลค่า 2.23 พันล้านบาทไปแล้ววันนี้
คอนโดมิเนียมดังกล่าวมียอดจองแล้ว 20% ของยูนิตทั้งหมด 667 ยูนิต และจะเปิดพรีเซลอย่างเป็นทางการในวันที่ 8-9 ส.ค.คาดว่าจะมียอดจองเข้ามาเพิ่มอีก 20% เนื่องจากทำเลของโครงการดังกล่าวเป็นทำเลที่มีศักยภาพในกรุงเทพฯ ใกล้รถไฟใต้ดินและแอร์พอร์ตเรลลิงค์ รวมไปถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ และราคาที่ขายเป็นราคาที่สามารถแข่งขันได้ โดยเริ่มต้น 2.59 ล้านบาท ขนาดห้อง 30 ตารางเมตร
ขณะที่รายได้ของบริษัทในปีนี้ยังคงเป้าหมายที่ 3 พันล้านบาท โดยคาดว่ารายได้ในครึ่งปีแรกของปี 58 จะทำได้ใกล้เคียงช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ราว 1 พันล้านบาท โดยปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) อยู่ที่กว่า 2 พันล้านบาท ซึ่งทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ 1 พันล้านบาท
นางเกษรา กล่าวว่า งบลงทุนเพื่อซื้อที่ดินที่ตั้งไว้ 800 ล้านบาทในปีนี้นั้น ปัจจุบันได้ใช้ไปเกือบหมดแล้ว ซึ่งบริษัทได้เข้าซื้อที่ดินส่วนใหญ่ในกรุงเทพฯและปริมณฑล ซึ่งสามารถรองรับการพัฒนาโครงการได้ในอีก 2 ปีข้างหน้า และในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้จะชะลอการซื้อที่ดิน เนื่องจากบริษัทต้องการเก็บกระแสเงินสดไว้ลงทุนโครงการในอนาคต รวมถึงบริษัทยังมีแผนที่จะเพิ่มทุนเพื่อรองรับการขยายงานในอนาคตด้วย
ล่าสุด คณะกรรมการบริษัทอนุมัติให้เพิ่มทุนจดทะเบียน 351.76 ล้านหุ้น จากทุนจดทะเบียนเดิม 882.75 ล้านหุ้น โดยแบ่งเป็นการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับผู้ถือหุ้นเดิม (RO) 262.76 ล้านหุ้น และเสนอขายให้กับบุคคลเฉพาะเจาะจง (PP) 87.59 ล้านหุ้น โดยบริษัทยังไม่ได้มีการติดต่อหรือเจรจากับนักลงทุนรายใดเป็นพิเศษเพื่อขายหุ้นเพิ่มทุน PP ให้ในขณะนี้
อีกทั้ง แผนการเพิ่มทุนดังกล่าวจะต้องผ่านการอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ ซึ่งวัตถุประสงค์หลักของการเพิ่มทุนในครั้งนี้เพื่อไว้ใช้ในการลงทุนโครงการพลังงานแสงอาทิตย์
นางเกษรา ยังกล่าวถึงภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ในครึ่งปีหลังว่า การแข่งขันรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะอสังหาริมทรัพย์ระดับบน เนื่องจากกำลังซื้อยังมีอยู่และไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวมากนัก แตกต่างจากตลาดระดับล่างราคา 1 ล้านบาทที่มีความเสี่ยงค่อนข้างมาก แต่อย่างไรก็ตาม มองว่าภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ของไทยยังมีโอกาสเดินหน้าได้ต่อไป เพราะที่อยู่อาศัยเป็นปัจจัยสี่ แม้อาจชะลอการตัดสินใจซื้อไปบ้างในภาวะที่เศรษฐกิจไม่ดี ประกอบกับปัจจุบันผู้บริโภคนิยมซื้อที่อยู่อาศัยเพิ่มมากกว่า 1 แห่ง ยังเป็นปัจจัยหนุนต่อตลาด
อินโฟเควสท์