- Details
- Category: อสังหาริมทรัพย์ฯ
- Published: Saturday, 18 July 2015 14:22
- Hits: 5315
Thai Home Builders รับสร้างบ้านครึ่งปีหลังแข่งเดือด
บ้านเมือง : นายสิทธิพร สุวรรณสุต นายกสมาคมไทย รับสร้างบ้าน หรือ (Thai Home Builders Association: THBA) เปิดเผยตลาดรับสร้างบ้านในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมทั้งในต่างจังหวัด ในช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายนที่ผ่านมา พบว่า ความต้องการสร้างบ้านและกำลังซื้อของผู้บริโภคปรับตัวลดลงชัดเจน โดยลดลงทั้งในแง่ของปริมาณรวมและมูลค่าต่อหน่วย กล่าวคือ ความต้องการสร้างบ้านหลังใหม่ปริมาณลดลงกว่าในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้กว่าร้อยละ 20 ขณะเดียวกันมูลค่าหรือราคาบ้านต่อหน่วยก็ลดลงด้วยเช่นกัน โดยผู้บริโภคส่วนใหญ่หันมาเลือกปลูกสร้างบ้านราคาไม่เกิน 2-3 ล้านบาทเศษ จากเดิมที่นิยมเลือกสร้างบ้านในระดับราคา 3-5 ล้านบาทขึ้นไป สถานการณ์ดังกล่าวสะท้อนได้ว่าผู้บริโภคและประชาชนทั่วไป ยังไม่เชื่อมั่นต่อทิศทางเศรษฐกิจประเทศและรายได้ของตัวเองในอนาคต ทั้งนี้กำลังซื้อที่ลดลงเกิดขึ้นหลายไตรมาสติดต่อกันแล้ว ซึ่งเป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่ถดถอย นับตั้งแต่ประเทศไทยปรับโหมดการปกครองประเทศโดยรัฐบาลทหาร
ในช่วงไตรมาสสองที่ผ่านมา ภาพการแข่งขันของตลาดรับสร้างบ้านในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล กลุ่มผู้ประกอบการรับสร้างบ้านหรูมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย อาทิ แถมทองคำ แจกรถยนต์ ในขณะที่กลุ่มผู้ประกอบการรับสร้างบ้านหลังเล็ก-กลางนั้นต่างเน้นกลยุทธ์ลดราคา เช่น ส่วนลดเงินสดสูงสุด 10-20% (มีเงื่อนไข) ทั้งนี้เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อผู้บริโภค แต่ด้วยภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาและผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายมีความระมัดระวัง ในการลงทุนและใช้จ่ายมากกว่าภาวะปกติ ทำให้ไม่สามารถปลุกกำลังซื้อให้คึกคักได้ ซึ่งจากการสำรวจความเห็นผู้ประกอบการต่างยอมรับว่า ความสนใจสร้างบ้านหลังใหม่ในช่วงไตรมาสสองค่อนข้างเงียบเหงากว่า เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสแรกและไตรมาสเดียวกันปีที่แล้ว อย่างไรก็ดี สำหรับผู้ประกอบการที่เลือกเจาะตลาดหรือเข้าถึงกำลังซื้อผู้บริโภคกลุ่มพื้นที่ใหม่ๆ หรือโฟกัสกลุ่มลูกค้าเป้าหมายชัดเจนและมีการแข่งขันน้อย พบว่ายังมีกำลังซื้อและขยายตัวได้ในระดับหนึ่ง แต่แชร์ส่วนแบ่งที่เพิ่มขึ้นก็ไม่อาจช่วยให้มูลค่าตลาดรวมรับสร้างบ้านขยายตัว
นายสิทธิพรกล่าวถึงทิศทางตลาดครึ่งปีหลังว่า ประเมินว่ายังมีปัจจัยลบรอบด้านทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่จะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นและกำลังซื้อผู้บริโภค อาทิ ปัญหาภัยแล้ง ปัญหาหนี้เสียสถาบันการเงิน ปัญหาการผิดนัดชำระหนี้ของกรีซและเศรษฐกิจยุโรปทรุด ฯลฯ ในขณะที่มองหาปัจจัยบวกเพื่อจะเรียกความเชื่อมั่นและกระตุ้นกำลังซื้อผู้บริโภคแทบไม่มี ดังนั้นเชื่อว่าแนวโน้มการแข่งขันของผู้ประกอบการในครึ่งปีหลัง น่าจะรุนแรงมากกว่าในช่วงครึ่งปีแรก โดยเฉพาะตลาดรับสร้างบ้านในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่มีผู้ประกอบการแข่งขันกันอยู่มากกว่า 100 ราย รวมถึงตลาดรับสร้างบ้านต่างจังหวัดที่มีการแข่งขันไม่มาก แต่ด้วยกำลังซื้อที่มีอยู่จำกัดก็น่าจะทำให้การแข่งขันรุนแรงเช่นกัน โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อยที่มักใช้กลยุทธ์ตัดราคา เพื่อให้ได้งานและมีเงินหมุนเวียนมาเลี้ยงพนักงานในช่วงที่เศรษฐกิจถดถอย ซึ่งเป็นความเสี่ยงสำหรับผู้บริโภคที่เลือกใช้บริการ หากว่าผู้ประกอบการประสบปัญหาและปิดกิจการลง
นอกจากนี้ สถานการณ์ตลาดรับสร้างบ้านครึ่งปีหลังแนวโน้มไม่สดใส หากไม่มีการกระตุ้นกำลังซื้อหรือขาดแรงจูงใจผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายที่ดีพอ เชื่อว่ามูลค่ารวมตลาดรับสร้างบ้านปี 2558 นี้ มีโอกาสปรับตัวลดลงไม่น้อยกว่าร้อยละ 10-20 จากที่ก่อนหน้านี้ประเมินไว้ว่า มูลค่ารวมตลาดรับสร้างบ้านปีนี้ประมาณ 1.6 หมื่นล้านบาท ดังนั้นทางออกของผู้ประกอบการในธุรกิจนี้มี 2 แนวทางที่สมาคมฯ แนะนำคือ 1.ควบคุมการบริหารจัดการและปรับลดค่าใช้จ่าย เพื่อประคองตัวรอรับเศรษฐกิจฟื้น 2.สร้างมูลค่าเพิ่มและโฟกัสกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจน พร้อมสร้างแรงจูงใจหรือกระตุ้นกำลังซื้อที่โดนใจมากขึ้น ทั้งนี้ทั้งนั้น หากผู้ประกอบการเลือกที่จะแข่งขันและใช้แนวทางใดแนวทางหนึ่ง สมาคมฯ แนะว่า ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีการตัดราคาขายจนเท่าทุนหรือขาดทุน เพราะจะกลายเป็นว่าเอาตัวรอดได้ในวันนี้ กลับต้องไปเผชิญปัญหาในวันหน้า แต่สิ่งที่ผู้ประกอบการควรเน้นปฏิบัติคือ การสร้างความแตกต่างกับคู่แข่งในตลาด และทำให้ผู้บริโภคเชื่อมั่นในมาตรฐานคุณภาพและบริการ เพราะด้วยสถานการณ์ที่ผู้บริโภคไม่อาจไว้วางใจผู้ประกอบการรายใดว่าจะรอดหรือไม่รอด "ความเชื่อมั่น" เท่านั้นที่จะเป็นแรงจูงใจหรือกระตุ้นการตัดสินใจ "ราคา" หาใช่ปัจจัยแรกหรือสำคัญที่สุดต่อการตัดสินใจ