- Details
- Category: อสังหาริมทรัพย์ฯ
- Published: Tuesday, 02 June 2015 22:40
- Hits: 1693
คิวเฮ้าส์ฯเนื้อหอมทุนยุ่นตามจีบสนใจพัฒนาอพาร์ตเมนต์ศรีราชา
บ้านเมือง : คิวเฮ้าส์ หวั่นเศรษฐกิจชะลอตัว หนี้ครัวเรือนสูง ปรับแผนเปิดโครงการใหม่เหลือ 26 โครงการ คาดไตรมาส 2 ธุรกิจอสังหาฯ ฟื้น พร้อมโชว์ผลงาน 4 เดือนกวาดยอดขาย 5,500 ล้านบาท
รศ.ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ QH เปิดเผยถึงภาพรวมเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสแรกว่ายังไม่ฟื้นตัวมากนัก ซึ่งทั้งปีคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตที่ประมาณ 3% ทั้งนี้ต้องดูสถานการณ์การส่งออกของประเทศว่าจะมีการฟื้นตัวมากน้อยเพียงใด ขณะที่ภาคเกษตรกรรม เริ่มมีแนวโน้มปรับตัวได้ดียิ่งขึ้น แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงในขณะนี้มากที่สุดคือปัญหาหนี้ครัวที่คาดว่าเพิ่มสูงขึ้นมาก จากปี 2557 ที่ผ่านมา โดยอัตราส่วนหนี้สินต่อรายได้ของประชาชนมีอัตราที่เพิ่มขึ้นเป็น 121%
ส่วนภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ยังคงดูทรงตัว ซึ่งคาดว่าในไตรมาส 2 นี้จะเริ่มกลับมาฟื้นตัวได้มากขึ้น โดยมีปัจจัยบวกจากอัตราดอกเบี้ยที่ปรับลดลง ที่เชื่อว่าจะลดต่ำลงไปอีกหลายปี เช่นเดียวกับญี่ปุ่น ซึ่งจะเป็นผลบวกกับผู้ประกอบการ โดยเฉพาะบริษัทที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะลงทุนกล้าลงทุนเพิ่มขึ้น เพราะมีต้นทุนที่ถูกลง ประกอบกับนักลงทุนจากต่างชาติก็เริ่มกลับเข้ามา ซึ่งจะเป็นผลดีต่อผู้บริโภคที่จะมีสินค้าให้เลือกมากขึ้น และเชื่อว่าตลาดจะมีการแข่งขันทางด้านราคาเพิ่มขึ้นด้วย
"ค่าเงินรัสเซียอ่อนค่าลง ส่งผลกระทบต่อภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมในพัทยาอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากชาวรัสเซียเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของตลาดในเมืองพัทยา แต่ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อบริษัทฯ มากนัก เนื่องจากกลุ่มลูกค้าหลักๆ ของบริษัทส่วนใหญ่เป็นคนในพื้นที่ มีความต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง และระดับราคาสินค้าของเรากลุ่มลูกค้าสามารถเป็นเจ้าของได้" นายชัชชาติ กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทถึงแม้ปัจจัยด้านเศรษฐกิจจะไม่ส่งผลกระทบ แต่บริษัทฯ ก็ยังคงดำเนินการกระตุ้น กำลังซื้อของกลุ่มลูกค้า มีการจัดแคมเปญทางการตลาดอย่างต่อเนื่อง มีการใช้กลยุทธ์ในการทำการตลาดเชิงรุก ใช้เครื่องมือด้านการสื่อสารการตลาดที่เฉพาะเจาะจงและตรงกลุ่มเป้าหมายให้มากยิ่งขึ้น เน้นการใช้สื่อออนไลน์เพิ่มขึ้นเนื่องจากเป็นสื่อที่เข้าถึงลูกค้าได้ง่าย
นายชัชชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ ได้เปรียบคู่แข่งในตลาด คือเรื่องของคุณภาพที่คุ้มค่ากับราคา ภายใต้มาตรฐานของเครือควอลิตี้เฮ้าส์ เช่น ดีไซน์ ที่ทันสมัยตอบรับกับความต้องการของผู้อยู่อาศัย มีการออกแบบตกแต่งห้องพร้อมเข้าอยู่ ในด้านสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ภายในโครงการมีความสวยงามและครบครัน อีกทั้งในด้านของระบบรักษาความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพ ลูกค้าจึงมั่นใจได้ในคุณภาพของสินค้าและบริการที่คุ้มค่ากับราคาภายใต้มาตรฐานของเครือควอลิตี้เฮ้าส์
สำหรับ แผนการดำเนินงานของบริษัทฯ ในปี 2558 นั้น จากสภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวดีนัก ส่งผลให้ในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ปรับแผนการพัฒนาโครงการทั้งปีจากเดิมตั้งเป้าไว้ที่ 30 โครงการ เหลือเพียง 26 โครงการ และปรับสัดส่วนการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมจากสัดส่วน 40-45% ลดลงเหลือ 30-35% โดยมุ่งเน้นในการพัฒนาโครงการแนวราบที่ในปัจจุบันมีสัดส่วนที่ 60-65% ของการพัฒนาโครงการทั้งหมด ทั้งนี้มูลค่าโครงการรวมทั้งหมดจะปรับลดลงประมาณ 2,000 ล้านบาท หรือเฉลี่ยโครงการละประมาณ 400-500 ล้านบาท ซึ่งมีที่ดินรองรับหมดแล้ว ขณะนี้ได้เปิดตัวไปแล้วประมาณ 10 โครงการ
"เราไม่ได้ลดโครงการแบบมีนัยแต่อย่างใด เพียงแต่บางโครงการที่เตรียมแผนจะเปิดตัวต้องเลื่อนออกไปก่อน ซึ่งมีอยู่ 4 โครงการ ได้แก่ โครงการคอนโดฯ ที่เชียงราย ระยอง และรัตนาธิเบศร์ ที่ต้องรอให้โครงการที่เปิดการขายไปก่อนหน้านี้ ปิดการขายให้หมดเสียก่อน เพื่อที่จะได้ไม่ต้องไปเปิดการขายทับซ้อนพื้นที่และแข่งกันเอง ส่วนอีก 1 โครงการ คือที่คลองบางไผ่ ที่เดิมจะพัฒนาคอนโดฯ สูง 8 ชั้น แต่เนื่องจากบริษัทฯ สามารถซื้อที่ดินได้เพิ่มขึ้น จึงมีแผนจะขยายเป็นอาคารสูงมากกว่า 8 ชั้น ประกอบกับสภาวะเศรษฐกิจยังไม่ดีเท่าที่ควร ดังนั้นจึงต้องเลื่อนการเปิดตัวออกไปก่อน"
YM นอกจากนี้ยังมีกลุ่มทุนจากญี่ปุ่นที่เข้ามาพัฒนา
CM โครงการอพาร์ตเมนต์ ย่านศรีราชา สนใจที่จะร่วมทุนกับบริษัทฯ ในการพัฒนาโครงการในทำเลอื่นMY ด้วย ซึ่งมีการเจรจาแล้วในระดับหนึ่ง อยู่ในระหว่างCY การศึกษารูปแบบ ซึ่งอาจจะเป็นการร่วมทุนหรือการ CMY เข้าไปบริหาร โดยมองไว้ 2 รูปแบบ คือการพัฒนา
Kในรูปแบบเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ หรือบ้านพักผู้สูงอายุ แต่ยังไม่สามารถสรุปได้ในขณะนี้ ส่วนการที่บริษัทฯ หันมาเจาะตลาดล่างด้วยการพัฒนาคอนโดฯ แบรนด์ 'เดอะ พอยต์ คอนโดฯ'ชิมลาง 2 โครงการ 2 ทำเล คือที่แหลมฉบัง และรังสิต คลอง 6 เป็นอาคารสูง 8 ชั้น ขนาด 26 ตารางเมตร ราคา 790,000 บาท/ยูนิต (แหลมฉบัง) และ 590,000 บาท/ยูนิต (รังสิต คลอง 6) ตามลำดับ ซึ่งได้เปิดพรีเซลได้ 3 เดือน ล่าสุดทั้ง 2 โครงการสามารถทำยอดขายได้ 30% แล้ว โดยเฉพาะโครงการ 'เดอะ พอยต์ คอนโด แหลมฉบัง'ที่มีนักลงทุนชาวกัมพูชา ซื้อห้องชุดผ่านโบรกเกอร์ ถึง 30 ยูนิต เพื่อปล่อยให้ชาวต่างชาติที่ทำงานในย่านแหลมฉบัง ศรีราชา ได้เช่าอาศัย
"การที่เราหันมาจับกลุ่มลูกค้าตลาดล่างนั้น เพราะต้องการกระจายความเสี่ยงในทุกเซกเมนต์ อีกทั้งกลุ้มเป้าหมายเป็นตลาดที่ใหญ่ แต่การทำการตลาดก็ไม่ง่าย เมื่อเทียบกับบ้านราคาแพง โดยทั้ง 2 โครงการนี้ เราตั้งเป้ายอดขายก่อนเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่ 80% ซึ่งขณะนี้สามารถทำได้ 30% แล้ว" สำหรับยอดโอนทั้งปี 2558 ทั้งเครือของ QH ตั้งเป้าไว้ที่ 22,000 ล้านบาท และมียอดขายรวมที่ 24,000 ล้านบาท