- Details
- Category: อสังหาริมทรัพย์ฯ
- Published: Tuesday, 26 May 2015 23:58
- Hits: 1909
SENA จับมือ บี.กริม เพาเวอร์ ลุยโซลาร์ฟาร์ม คาดเริ่มจ่ายไฟเข้าระบบต้นปี 59
SENA จับมือ บี.กริม เพาเวอร์ ลุยโซลาร์ฟาร์ม คาดเริ่มจ่ายไฟเข้าระบบต้นปี 59 ระบุจะได้ข้อสรุปเงินลงทุน-กำลังผลิตโซลาร์ฟาร์มไตรมาส 3/58 นี้ ด้านธุรกิจสายอสังหาฯ เล็งปรับแผนเปิดโครงการใหม่ปีนี้ ลดเปิดคอนโดฯ-เพิ่มแนวราบ แต่ยังคงเป้ายอดขายที่ 4.5 พันลบ.
ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการบริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (SENA) กล่าวในงานลงนามในสัญญาความร่วมมือธุรกิจกับบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานยักษ์ใหญ่ ว่า "จากความเป็นนักพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องกว่า 30 ปี โดยมี Core Value มุ่งเน้นให้ความสำคัญกับลูกค้า (Customer Centric) ประกอบกับแนวคิดการบริการหลังการขาย 360 องศา ที่จะดูแลลูกค้าหลังการขายตลอดจนการสร้างมูลค่าเพิ่มให้บ้าน ทำให้บริษัทฯ มองเห็นความสำคัญในการเข้าสู่ธุรกิจพลังงานทดแทนในรูปแบบพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อต่อยอดธุรกิจหลัก ซึ่งการนำพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้ในโครงการอสังหาริมทรัพย์ เป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับบ้าน เจ้าของบ้านสามารถนำพลังงานไฟฟ้ามาใช้เองในบ้าน หรือขายให้กับภาครัฐ เพื่อสร้างรายได้ที่สม่ำเสมอได้"
หลังจากเหตุการณ์น้ำท่วมเมื่อปลายปี 2554 ทำให้บริษัทฯ เริ่มตระหนักถึงความอันตรายจากที่ภัยธรรมชาติที่ควบคุมไม่ได้ จึงเริ่มมีการศึกษาเรื่องพลังงานทดแทน ซึ่งเป็นพลังงานสะอาดเพื่อสนับสนุนการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และเป็นโอกาสที่ดีที่บริษัทฯ ได้พูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานอย่าง บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จนตกลงที่จะร่วมมือกันทำธุรกิจ Solar Farm เป็นการเริ่มต้นการทำธุรกิจพลังงานทดแทนขนาดใหญ่ เพื่อสร้าง Economy of Scale นำไปสู่การเพิ่มมูลค่าให้บ้านในโครงการของเสนา ด้วย Solar Rooftop
"การร่วมทุนกับ บี.กริม เพาเวอร์ ถือเป็นมิติใหม่ในการลงทุนของ SENA หลังจากบอร์ดได้มอบหมายให้ฝ่ายบริหารไปศึกษาแนวทางในการขยายการลงทุนสู่ธุรกิจพลังงานทดแทน เพื่อต่อยอดธุรกิจ และ บี.กริม เพาเวอร์ ถือได้ว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานชั้นนำของโลก ทำให้เราตัดสินใจร่วมลงทุนธุรกิจ Solar Farm โปรเจคแรกนี้ร่วมกับทาง บี.กริม เพาเวอร์ และมั่นใจว่าความร่วมมือในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์กับทั้งสองฝ่าย เนื่องจากต่างมีจุดแข็ง โดย SENA ถือเป็นผู้ประกอบการอสังหาฯชั้นนำของเมืองไทย มีที่ดินพร้อมสำหรับรองรับการก่อสร้าง หรือขยายการลงทุน ขณะที่ บี.กริมเพาเวอร์ ก็มีความชำนาญด้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ เมื่อผนวกกันแล้ว จะยิ่งทำให้มั่นใจว่าจะช่วยเสริมศักยภาพการดำเนินธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน และแข็งแกร่งในอนาคต" ผศ.ดร.เกษรา กล่าว
"เป้าหมายหลักในการลงทุนธุรกิจ Solar Farm จริง ๆ แล้วก็เพื่อต่อยอดไปยัง Solar Rooftop ในโครงการอสังหาริมทรัพย์ของเสนา การทำ Solar Farm จะทำให้ประหยัดต้นทุน ได้ราคาแผงโซล่าร์ที่ถูกลง อีกทั้ง ยังเป็นการต่อยอดธุรกิจ Recurring Income ของบริษัทฯ สร้างผลตอบแทนและรายได้ที่สม่ำเสมอ เนื่องจากปัจจุบันรัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมด้านพลังงานทดแทน รัฐจะรับซื้อไฟฟ้าที่ผลิตได้ทั้งหมด กำหนดให้ราคาเป็นแบบ Feed In Tariff ที่ 5.66 บาทต่อหน่วย (KW/H) เป็นระยะเวลา 25 ปี ทำให้เป็นการสร้างรายได้เพิ่มให้กับลูกบ้าน และสร้างความเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับบริษัท"ผศ.ดร.เกษรา กล่าว
นางปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ เปิดเผยว่า “การร่วมมือสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในครั้งนี้ สอดคล้องกับแผนธุรกิจของบริษัท ด้วยเหตุที่ บี.กริม เพาเวอร์ เป็นหนึ่งในผู้นำทางด้านธุรกิจผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชน ซึ่งปัจจุบันมีโรงไฟฟ้าที่ดำเนินการผลิตและขายไฟฟ้าและไอน้ำอยู่แล้วทั้งหมด 10 โรง กำลังการผลิตรวมประมาณ 1,200 เมกะวัตต์ และยังมีโรงไฟฟ้าที่กำลังดำเนินการก่อสร้างอีก 8 โรง กำลังการผลิตรวมทั้งสิ้นประมาณ 2,200 เมกะวัตต์ ด้วยประสบการณ์อันยาวนานและความพร้อมในทุกด้าน บี.กริม เพาเวอร์ จึงขยายธุรกิจมาทางด้านพลังงานทดแทน เช่น แสงแดด และ ลม รวมถึงการลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เวียดนาม ลาว และพม่า ในธุรกิจพลังงาน ทั้งที่ใช้ ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน และ น้ำ โดยวางเป้าหมายไว้ว่าในอีก 5 ปี ข้างหน้าจะมีกำลังการผลิตถึง 5,000 เมกะวัตต์
ในการพิจารณาการลงทุนของ กลุ่ม บี.กริม จะเน้นการเป็นพันธมิตรยาวนานกับบริษัทที่ได้รับความเชื่อถือและมีชื่อเสียงที่ดี กลุ่มเสนา ก็เป็นผู้ร่วมลงทุนที่เราภาคภูมิใจที่มีโอกาสได้ทำงานร่วมกันและเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่า เราจะร่วมมือกันก่อสร้างและบริหารโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพสูงสุด”
ผศ.ดร.เกษรา กล่าวต่อว่า บริษัทฯ จะร่วมลงทุนในธุรกิจโซลาร์ฟาร์มผ่านการตั้งบริษัทร่วมทุนโดยใช้ชื่อว่า บี.กริม เสนา จำกัด ซึ่งจะร่วมลงทุนในธุรกิจโซลาร์ฟาร์ม โดยคาดว่าจะได้สรุปเงินลงทุน ขนาดกำลังการผลิตของโซลาร์ ฟาร์ม ในช่วงไตรมาส 3/2558 โดยเบื้องต้นจะใช้งบลงทุนหลัก 1,000 ล้านบาท ซึ่งเงินลงทุนจะมาจากกระแสเงินสดของบริษัทฯและกู้ยืมจากสถาบันการเงิน ยืนยันว่าจะไม่มีการเพิ่มทุน
อย่างไรก็ตาม โครงการโซลาร์ฟาร์มดังกล่าวอยู่ระหว่างรอดูนโยบายของภาครัฐที่จะออกมาให้เปิดประมูล ซึ่งเป็นโครงการโซลาร์ฟาร์มค้างท่อ แต่มั่นใจว่าจะสามารถจ่ายไฟได้ในต้นปี 2559
"บริษัทฯ ได้ร่วมกับบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ ในการทำธุรกิจโซลาร์ฟาร์ม ซึ่งรูปแบบการลงทุนยังอยู่ในช่วงของการศึกษา และการตัดสินใจ แต่ทั้งนี้โครงการดังกล่าวบริษัทฯ ได้มีการศึกษามากว่า 3 ปี โดยเรามีความพร้อมที่จะดำเนินงาน ซึ่งงบลงทุนไม่ใช่ปัญหา โดยเบื้องต้นวางไว้หลัก 1,000 ล้านบาท คาดว่าจะเห็นภาพได้ชัดภายในไตรมาส 3 และจะจ่ายไฟได้ในต้นปี 59"ผศ.ดร.เกษรา กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทฯ เตรียมต่อยอดในโซลาร์รูฟท็อป ในโครงการอสังหาฯ ของ SENA โดยเบื้องต้นจะมีการติดตั้งบนหลังคาของโครงการ ซึ่งเตรียมวางแผนติดตั้ง 3 โครงการ หรือ 70 หลัง แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับลูกบ้านว่าสนใจที่จะติดตั้งหรือไม่ ซึ่งคาดว่าจะสามารถเริ่มติดตั้งได้ในไตรมาส 3 และคาดว่าจะเตรียมจ่ายไฟได้ในปี 2558
"บริษัทฯ ยังมีความสนใจทำโครงการโซลาร์รูฟ ท็อป โดยจะนำแผงไปติดบนหลังคาของโครงการอสังหาฯ ของบริษัทฯ เพื่อจะเป็นการต่อยอดธุรกิจและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับที่อยู่อาศัย โดยเบื้องต้นจะนำไปติดใน 3 โครงการ จำนวน 70 หลัง แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับลูกบ้านว่าจะติดตั้งหรือไม่แต่บริษัทฯ ก็เห็นข้อดีในการติด คือการลดค่าใช้จ่ายในอนาคต และเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบ้าน ซึ่งโครงการโซลาร์รูฟ บริษัทฯ ได้ยื่นขอ PPA กับภาครัฐ"ผศ.ดร.เกษรา กล่าว
ผศ.ดร.เกษรา กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ เล็งปรับแผนเปิดโครงการใหม่ปีนี้ โดยจะลดการเปิดคอนโดฯ ที่คาดว่าจะเปิดในปีนี้ 5 โครงการ โดยจะลดการเปิดเหลือ 3 โครงการ และไปเพิ่มการเปิดโครงการแนวราบในปีนี้ที่ตั้งเป้าไว้เปิด 6 โครงการ เป็น 8 โครงการ และมูลค่าโครงการคาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 10,000 ล้านบาท จากเดิมที่มีมูลค่าการลงทุนที่ 10,000 ล้านบาท โดยเป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันยังคงมีความเสี่ยง ซึ่งบริษัทฯ อยู่ระหว่างเฝ้าระวังและปรับตัว จึงปรับแผนไปเน้นลูกค้าระดับกลางบน (B+)เพื่อลดความเสี่ยง แต่อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ยังคงเป้ายอดขายปีนี้ 4.5พันล้านบาท และเป้าารายได้ 3 พันล้านบาท
"ในปีนี้บริษัทฯ ได้วางเป้าเปิดโครงการ 11 โครงการ โดยปัจจุบันได้เปิดไปแล้ว 5 โครงการซึ่งเป็นแนวราบทั้งหมด ซึ่งบริษัทฯ อยู่ระหว่างปรับลดเป้าเปิดคอนโดฯ บางส่วน โดยจะหันไปเปิดแนวราบแทน ซึ่งในสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันบริษัทฯ เองก็ต้องเฝ้าระวัง โดยได้มีกันที่ไว้ 2-3 แปลง ไว้ที่จะปรับแผน แต่ทั้งนี้ก็ยังคงเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 3พันล้านบาทและคงเป้ายอดขายปีนี้ 4.5 พันล้านบาทเช่นเดิม"ผศ.ดร.เกษรา กล่าว
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย