- Details
- Category: อสังหาริมทรัพย์ฯ
- Published: Tuesday, 19 May 2015 08:47
- Hits: 2096
PACE ปลื้ม ยอด Backlog ‘มหานคร' ‘นิมิต หลังสวน’ พุ่ง 1.35 หมื่นลบ. เริ่มโอน Q4/58 ดันงบกระเตื้อง จากโค้งแรกขาดทุน 392 ลบ.
PACE ปลื้ม ยอด Backlog ‘มหานคร’ ‘นิมิต หลังสวน’ พุ่ง 1.35 หมื่นลบ. หลังเข้าถือหุ้น 'มหานคร' เต็ม 100% โดยซื้อหุ้นคืนจาก ไอบีซี ไทยแลนด์ แอลทีดี (IBC) เร่งเดินหน้าก่อสร้างโครงการมหานคร หลังแตะจุดสูงสุดที่ชั้น 77 พร้อมโอนเฟสแรกปลายปี 58 ขณะที่ไตรมาสแรกยังขาดทุน 392 ล้านบาท จากค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร โครงการนิมิต หลังสวนและ มหาสมุทร หัวหิน ตลอดจนค่าใช้จ่ายจากการเข้าซื้อกิจการ ดีน แอนด์ เดลูก้า สหรัฐอเมริกา
นายสรพจน์ เตชะไกรศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) หรือ PACE เปิดเผยว่า ปัจจุบัน PACE เป็นผู้ถือหุ้น 100% ในโครงการมหานคร หลังจากได้ซื้อหุ้นคืนจาก ไอบีซี ไทยแลนด์ แอลทีดี (IBC) โดย IBC ได้รับการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนของ PACE เป็นการตอบแทนสำหรับการขายหุ้นดังกล่าว
การเข้าถือหุ้นในโครงการมหานคร 100% จะช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการบริหารงานได้อย่างมีศักยภาพมากขึ้นเพื่อสร้างประโยชน์สูงสุดให้กับ PACE ขณะเดียวกันก็จะช่วยสร้างรายได้ให้ PACE อย่างเต็มประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังเป็นการแสดงถึงความแข็งแกร่งของ PACE ในด้านเงินทุน สะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่เรามีต่อโครงการมหานครในฐานะอาคารสูงระฟ้าที่มีคุณภาพดีที่สุดและหรูหราที่สุดของไทยซึ่งปัจจุบันได้รับการตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่องจากลูกค้า ขณะที่การร่วมทุนกับ IBC ก่อนหน้านี้ เพื่อสนับสนุนด้านเงินทุนในการก่อสร้างโครงการให้สำเร็จด้วยดี ในส่วนของความคืบหน้าด้านการก่อสร้างโครงการมหานคร ซึ่งเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับไฮเอนด์ ในรูปแบบมิกซ์-ยูส (Mixed-use) ล่าสุด โครงสร้างหลักก่อสร้างถึงชั้นที่ 77 ณ ความสูง 314 เมตรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา
นายสรพจน์ เปิดเผยเพิ่มเติมถึงยอดขายรอโอน (Backlog) ของ PACE ว่ามีมูลค่ารวม 1.35 หมื่นล้านบาท โดยแบ่งเป็น ยอดขายจากเดอะริทซ์ – คาร์ลตัน เรสซิเดนเซส ในโครงการมหานครจำนวน 8 พันล้านบาท และโครงการนิมิต หลังสวน อีก 5.5 พันล้านบาท ซึ่งยอดขายทั้งหมดนี้จะทยอยรับรู้เป็นรายได้เข้ามาในช่วง 3 ปี โดยช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ PACE จะเริ่มโอนเรสซิเดนซ์ในเฟสแรกของ เดอะริทซ์ – คาร์ลตัน เรสซิเดนเซสได้ตามแผนที่วางไว้ นอกจากนี้ หลังจากเมื่อปลายปี 2557 PACE ใช้เงินลงทุนมูลค่า 4,500 ล้านบาท ซื้อหุ้นบริษัท Dean & Deluca,Inc (D&D) ในสหรัฐอเมริกา ล่าสุดในที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2558 มีมติอนุมัติการเข้าซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ดีน แอนด์ เดลูก้า (ประเทศไทย) จำกัด (D&D Thailand) จำนวน ร้อยละ 99.9998 และรับโอนสิทธิการรับชำระเงินกู้ยืมผู้ถือหุ้นของ D&D Thailand จาก นายสรพจน์ เตชะไกรศรี คิดเป็นมูลค่าสิ่งตอบแทนทั้งสิ้น 240 ล้านบาท
นายสรพจน์ กล่าวว่า การซื้อกิจการ D&D Thailand จะทำให้ PACE สามารถสร้างรายได้จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นในระยะยาว ด้วยการเป็นผู้ประกอบการในประเทศไทยโดยตรง จากเดิมที่ได้รับเพียงค่าธรรมเนียมการใช้สิทธิจาก D&D Thailand ซึ่งจะทำให้ PACE มีอำนาจบริหารเบ็ดเสร็จ ช่วยให้เกิดความคล่องตัวในการบริหาร และการขยายสาขาในไทยซึ่งแผนการลงทุนและขยายสาขาจะเริ่มเห็นชัดเจนในปี 2559
D&D ประกอบธุรกิจร้านอาหาร เครื่องดื่มกูร์เม่ต์ และซูเปอร์มาร์เก็ต ที่มีชื่อเสียงระดับโลกจากสหรัฐอเมริกา ภายใต้เครื่องหมายการค้า Dean & DeLuca ซึ่งการดำเนินธุรกิจในสาขาในต่างประเทศจะ เป็นรูปแบบ Licensee โดยอนุญาตให้บริษัทชั้นนำในหลายประเทศ เช่น ญี่ปุ่น สิงคโปร์ เกาหลี ไทย และกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง เปิดและดำเนินงานร้านอาหาร Dean & DeLuca ในประเทศนั้นๆ ปัจจุบัน D&D มีสาขาในต่างประเทศ 31 สาขา ส่วน D&D Thailand ปัจจุบันมี 4 สาขา และปีนี้กำลังจะเปิดสาขาที่ 5 ที่ศูนย์การค้า EmQuartier โดยสาขาใหม่ในประเทศไทยนั้น PACE เป็นผู้ลงทุน โดย PACE มีแผนที่จะขยายสาขาในไทยอย่างต่อเนื่อง ภายใต้เป้าหมายที่จะเปิดสาขาใหม่ปีละ 2 แห่ง ซึ่งสาขาส่วนใหญ่ที่จะเปิดในอนาคต จะเป็นลักษณะร้านกาแฟซึ่งมีอัตรากำไรค่อนข้างสูงแต่การลงทุนไม่สูงมากนัก
ทั้งนี้ ในส่วนของผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2558 บริษัทฯ มีรายได้รวมทั้งสิ้นจำนวน 700.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 694.7 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2557 โดยเป็นรายได้จากธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มของ “ดีน แอนด์ เดลูก้า” จำนวน 623.3 ล้านบาท รายได้จากการขายอาคารชุดพักอาศัยจำนวน 30.0 ล้านบาท รายได้จากค่าเช่าและค่าบริการ จำนวน 16.5 ล้านบาท และรายได้อื่นๆ รวมเป็นจำนวน 30.4 ล้านบาท อย่างไรก็ตามในไตรมาสแรกของปี 2558 บริษัทฯ ยังคงมีผลขาดทุนอยู่ 392 ล้านบาท
“ผลขาดทุนของบริษัทฯ ในไตรมาสแรก จำนวน 392 ล้านบาทมาจากค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารของ 2 โครงการใหม่ที่ยังไม่สามารถรับรู้รายได้ ได้แก่ โครงการนิมิต หลังสวนและโครงการมหาสมุทร หัวหิน ตลอดจนค่าใช้จ่ายจากการเข้าซื้อกิจการ ดีน แอนด์ เดลูก้า สหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ คาดว่าในไตรมาสที่สี่ของปีนี้ โครงการมหานครจะสามารถเริ่มทยอยรับรู้รายได้จากการส่งมอบห้องชุดให้กับลูกค้า ในขณะที่โครงการมหาสมุทรจะเริ่มทำการขายวิลล่าในไตรมาสที่ 4 ส่วนโครงการนิมิตหลังสวนที่ได้ทำการขายไปแล้วกว่าร้อยละ 90 จะเริ่มการก่อสร้างในไตรมาสที่ 3 ปีนี้ ซึ่งจะช่วยให้ PACE เริ่มทยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่องจากโครงการอสังหาริมทรัพย์ตั้งแต่ปลายปีนี้เป็นต้นไป”นายสรพจน์กล่าว
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย