- Details
- Category: อสังหาริมทรัพย์ฯ
- Published: Tuesday, 19 May 2015 08:30
- Hits: 2597
ลลิล รุกพัฒนาอสังหาฯ ในภาคตะวันออกอย่างต่อเนื่องรวม 9 โครงการ พร้อมเปิดตัวแบบบ้านซีรีส์ใหม่ ชูคอนเซ็ปต์ดีไซน์ตอบรับคนรุ่นใหม่
บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) โชว์การบริหารงานอย่างมืออาชีพ เดินหน้าเปิดโครงการใหม่ในภาคตะวันออก รวม 9 โครงการ มูลค่ามากกว่า 6,640 ล้านบาท สนองนโยบายภาครัฐเดินหน้าก่อสร้างระบบคมนาคมและโลจิสติกส์ในพื้นที่ภาคตะวันออก ก่อนขยายธุรกิจครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์ รุกเปิดพรีเซลโครงการใหม่ล่าสุด ‘แลนซีโอ คริป ระยอง-แยกเนินสำลี’เพียง 1 นาทีจากนิคมและศูนย์ราชการ พร้อมพัฒนาแบบบ้านซีรีส์ใหม่ จับกลุ่มคนรุ่นใหม่ในพื้นที่ ในราคาเริ่มต้นที่ 2.3-5 ล้านบาท
นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ภายใต้คอนเซ็ปต์ 'บ้านที่ปลูกบนความตั้งใจที่ดี' เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยในจังหวัดระยองมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องและเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะตลาดบ้านแนวราบกับกลุ่มลูกค้า Real Demand โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการส่งเสริมด้านการคมนาคมและลอจิสติกส์ ทั้งเรื่องของการก่อสร้างโครงการรถไฟรางคู่แถบชายฝั่งทะเลตะวันออกที่มีระยะทางรวม 78 กิโลเมตร โครงการก่อสร้างท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 โครงการรถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพฯ-พัทยา-ระยอง ซึ่งเป็นการลงทุนจากรัฐบาลจีนในการเชื่อมต่อระบบขนส่งและลอจิสติกส์ระดับภูมิภาคเพื่อความสะดวกรวดเร็ว ตลอดจนโครงการก่อสร้างมอเตอร์เวย์สาย พัทยา-มาบตาพุด ระยะทาง 32 กิโลเมตร ที่คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในปี 2558 โดยจะแล้วเสร็จปี 2561 ล้วนเป็นปัจจัยสนับสนุนให้อสังหาฯ ในจังหวัดระยองและพื้นที่ข้างเคียง สามารถขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง
สำหรับ แผนการดำเนินงานของบริษัท ที่มองเห็นโอกาสในการเติบโต และต้องการขยายธุรกิจออกต่างจังหวัดอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนเป็นการขยายฐานลูกค้าใหม่รองรับการเติบโตของบริษัท รวมถึงกระจายความเสี่ยงด้านการลงทุน ให้มีทำเลที่หลากหลาย ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทได้พัฒนาโครงการในต่างจังหวัด ได้แก่ ชลบุรี ฉะเชิงเทรา และนครราชสีมา เป็นต้น โดยล่าสุด บริษัทได้รุกเข้าไปพัฒนาโครงการอสังหาฯ ในจังหวัดระยองรวมกว่า 3 โครงการ รวมมูลค่ามากกว่า 2,100 ล้านบาท ได้แก่ โครงการ แลนซีโอ คริป ระยอง - แยกเนินสำลี , ไลโอ ระยอง - แยกเนินสำลี และ โครงการ ไลโอ นอฟ ระยอง - ปลวกแดง
โครงการ 'แลนซีโอ คริป'ระยอง แยกเนินสำลี เพื่อตอบรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายโครงการ ได้แก่ กลุ่มคนทำงานในนิคมอุตสาหกรรม และกลุ่มคนรุ่นใหม่ในพื้นที่ที่ต้องการที่อยู่อาศัยในระดับราคา 2 - 5 ล้านบาท ซึ่งเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่และเป็นเซกเมนต์ที่มีความต้องการอยู่เป็นจำนวนมาก รวมทั้งยังมีช่องว่างและโอกาสในการขยายฐานได้ดี โดยแนวคิดในการพัฒนาแบบบ้านภายในโครงการเป็นการสร้างสรรค์ที่อยู่อาศัยแนวคิดใหม่ของบริษัท สไตล์ Modern Stripe Contemporary ที่นำเอาเส้นสายในลักษณะเส้นตั้งและเส้นนอนมาผสมผสานเข้ากับโทนสี Smoky ได้อย่างกลมกลืนสร้างสรรค์โดยบริษัทออกแบบชั้นนำระดับโลก KTGY และได้รับรางวัลมาอย่างต่อเนื่อง
โครงการ 'แลนซีโอ คริป'ระยอง แยกเนินสำลี ตั้งอยู่บนถนนเนินสำลี-มาบตาพุด บนขนาดพื้นที่ 43 ไร่ ตั้งอยู่บนทำเลที่สะดวกทุกการเดินทางทั้งปัจจุบันและอนาคต เพียง 1 นาทีจากนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดและศูนย์ราชการ รวมทั้งโครงการนี้ถือเป็นโครงการแรกที่บริษัทได้นำแบบบ้านซีรีส์ใหม่ของบริษัทมาพัฒนาในโครงการนี้ โดยแบบบ้านซีรีส์ใหม่นี้ เป็นแบบบ้านชั้นเดียว โดยเป็นแบบบ้านที่บริษัทได้สำรวจความต้องการของคนในพื้นที่ ซึ่งจะนิยมบ้านที่มีพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 50 ตร.ว. ขนาดพื้นที่ใช้สอยไม่น้อยกว่า 100 ตร.ม. ในระดับราคาไม่เกิน 2-3 ล้านบาท โดยบริษัทได้พัฒนาแบบบ้านชั้นเดียวให้เลือกสรรทั้งหมด 2 แบบ ได้แก่ แบบบ้าน Coast มี 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ และแบบบ้าน Complete มี 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ นอกจากนี้ บริษัทยังมีแบบบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ประกอบด้วย แบบบ้าน Cottage ขนาด 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ แบบบ้าน Crystal 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ พร้อมครัวไทยและ Pantry และแบบบ้านขนาดใหญ่ Crest มี 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ ในราคาเริ่มต้นที่ 2.3 - 5 ล้านบาท มูลค่าโครงการรวมกว่า 600 ล้านบาท
ภายในโครงการยังครบครันไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย อาทิ สระว่ายน้ำแบบ Infinity Edge คลับเฮ้าส์ ฟิตเนส และสวนสาธารณะขนาดใหญ่ ที่จะทำให้คุณดื่มด่ำกับการพักผ่อนที่ใกล้ชิดกับธรรมชาติมากที่สุด โดดเด่นด้วยซุ้มทางเข้าโครงการที่โอ่โถงอย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง โดยลูกค้าโครงการในต่างจังหวัดจะได้รับมาตรฐาน ทั้งรูปแบบโครงการ แบบบ้าน สิ่งอำนวยความสะดวกและการบริการเช่นเดียวกันกับโครงการที่เปิดขายในกรุงเทพฯ โดนผู้ที่สนใจ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร 038-010-771-3หรือค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.Lalinproperty.com
สำหรับ โครงการ 'ไลโอ ระยอง แยกเนินสำลี' ตั้งอยู่บนพื้นที่ 12 ไร่ โดยพัฒนาเป็นทาวน์โฮมกับสุดยอดทำเล 1 นาทีจากศูนย์ราชการและนิคมมาบตาพุด ในราคาเพียง 1.57 ล้านบาท และโครงการ ‘ไลโอ นอฟ ระยอง – ปลวกแดง’บนขนาดพื้นที่ 54 ไร่ โดยพัฒนาเป็นบ้านเดี่ยว บ้านแนวคิดใหม่และทาวน์โฮม 2 ชั้น พร้อมสวนสาธารณะและสโมสรกว่า 2 ไร่ ที่เดียวในปลวกแดง เพียง 5 นาทีจาก CK Plaza และตัวเมืองปลวกแดง ในราคาเริ่มต้นที่ 1.39 – 4 ล้านบาท
“ระยองถือเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจาก ชลบุรี และมีเศรษฐกิจค่อนข้างดี มีกำลังซื้อมาก ซึ่งจากผลการสำรวจของบริษัทพบว่า ที่อยู่อาศัยระดับราคา 2-5 ล้านบาทยังมีอัตราการขายที่ดีมาก จากปัจจัยการย้ายฐานการผลิตและเงินทุนสู่ภาคตะวันออกอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีแรงงานย้ายเข้ามาในพื้นที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ความต้องการที่อยู่อาศัยสูงขึ้น ขณะที่พฤติกรรมการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคในพื้นที่เอง จะเน้นเรื่องราคาควบคู่ไปกับคุณภาพชีวิตที่ดี ทำให้บริษัทเชื่อมั่นว่าสินค้าของเราจะได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าอย่างแน่นอน”นายชูรัชฏ์ กล่าว
นอกจากนี้ ยังมีโครงการที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง ทั้งในจังหวัดชลบุรีและฉะเชิงเทรา อีก 6 โครงการ ประกอบด้วย
1. โครงการ ‘ไลโอ ไพร์ม ศรีราชา – อีสเทิร์น’บนขนาดพื้นที่ 21 ไร่ โดยจะพัฒนาเป็นบ้านแฝดชั้นเดียว และทาวน์โฮมชั้นเดียว พร้อมสวนสาธารณะกว่าไร่ บนถนนสาย 331 สะดวกทุกการเดินทาง ในราคาเริ่มต้นเพียง 1.2 ล้านบาท
2. โครงการ ‘แลนซีโอ ไพร์ม ศรีราชา – บ่อวิน’ บ้านเดี่ยวชั้นเดียวครบทุกฟังก์ชั่นการใช้สอยสำหรับคนรุ่นใหม่ กับวิวภูเขาและโอบล้อมด้วยธรรมชาติ บนขนาดพื้นที่ 43 ไร่ ในระดับราคาเริ่มต้นที่ 1.8 -2.4 ล้านบาท
3. โครงการ ‘แลนซีโอ คริป ศรีราชา – บ่อวิน’บนขนาดพื้นที่ 78 ไร่ โดยจะพัฒนาเป็นบ้านเดี่ยว และบ้านแนวคิดใหม่ พร้อมสโมสรและสวนสาธารณะกว่า 3 ไร่ ติดถนนใหญ่ ใกล้แหล่งช้อปปิ้งเมก้าโฮมและโลตัสบ่อวิน ในระดับราคาเริ่มต้นที่ 2.49 – 5 ล้านบาท
4. โครงการ ‘แลนซีโอ คริป ศรีราชา – นาพร้าว’ โดยพัฒนาเป็นบ้านเดี่ยว และบ้านแนวคิดใหม่ พร้อมบรรยากาศที่เป็นส่วนตัวรายล้อมด้วยธรรมชาติ บนขนาดพื้นที่ 54 ไร่ สะดวกทุกการเดินทาง 5 นาทีจากโรงเรียนอัสสัมชัญและโรบินสัน ตัวเมืองศรีราชา ในระดับราคาเริ่มต้นที่ 2.1 – 5 ล้านบาท
5. โครงการ งแลนซีโอ คริป ฉะเชิงเทรา – โสธร’บนขนาดพื้นที่ 60 ไร่ โดยจะพัฒนาเป็นบ้านเดี่ยว และบ้านแนวคิดใหม่ พร้อมสโมสรและสวนสาธารณะกว่า 2 ไร่ บนทำเลศักยภาพ 1 นาทีจากโรบินสันและตัวเมืองโสธร ในราคาเริ่มต้นที่ 2.3 - 5 ล้านบาท
6. โครงการ ‘ไลโอ ฉะเชิงเทรา – บางพระ’ โครงการทาวน์โฮมขนาดใหญ่ 2 ชั้น มี 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ พร้อมสวนสาธารณะกว่าไร่ ราคาเริ่มต้นที่ 1.55 ล้าน
ทั้งนี้ บริษัท ฯได้ดำเนินการรุกโครงการใหม่ในโซนตะวันออก รวม 9 โครงการ คิดเป็นมูลค่าโครงการรวมทั้งสิ้น 6,640 ล้านบาท
AMERICA’S LARGEST AIRLINES RECEIVED BENEFITS WORTH US$71.48 BILLION, NEW STUDY SHOWS
Research commissioned by Etihad Airways, the national airline of the United Arab Emirates, has quantified a range of government and court-sanctioned benefits and concessions received by the three biggest US carriers, Delta Air Lines, United Airlines and American Airlines Group, and other airlines with which they have merged.
These US airlines have received benefits valued at US$71.48 billion, more than US$70 billion of which has been since 2000, enabling the nation’s three largest carriers to transition from the verge of bankruptcy to today’s industry leaders, each achieving multi-billion dollar profits.
Last year, the three big US carriers generated collective net profits of US$8.97 billion, equivalent to 45 per cent of the total US$19.9 billion profits achieved in 2014 by the global airline industry. The trend has continued into 2015, with all three major US airlines announcing strong net profits for the first quarter.
The international consultancy The Risk Advisory Group, which conducted the research for Etihad Airways, identified that the majority of benefits which accrued to Delta, United and American came from restructuring under Chapter 11 of the US Federal Bankruptcy Code, yielding them at least US$35.46 billion, and additional pension fund bailouts totalling US$29.4 billion from the US Government’s Pension Benefit Guaranty Corporation.
Etihad Airways has consistently denied claims by Delta Air Lines, United Airlines and American Airlines that it received subsidies, and has stated publicly that it has received equity and shareholder loans from its sole shareholder, the Government of Abu Dhabi, the largest emirate and capital of the UAE.
Releasing the findings by The Risk Advisory Group, the General Counsel and Company Secretary of Etihad Airways, Jim Callaghan, said today: “We do not question the legitimacy of benefits provided to US carriers by the US government and the bankruptcy courts.
“We simply wish to highlight the fact that US carriers have been benefitting and continue to benefit from a highly favorable legal regime, such as bankruptcy protection and pension guarantees, exemptions from certain taxes, and various other benefits. These benefits, which are generally only available to US carriers, have created a highly distorted market in which carriers such as Etihad Airways have to compete.”
Mr Callaghan said the figures produced by The Risk Advisory Group were conservative, quantifiable and credible, and obtained from public records and statements.
Mr Callaghan referred to a 2011 interview, published by America’s National Public Radio, in which a former Vice President of Continental Airlines, Pete Garcia, was quoted as saying: “Bankruptcy, for the airline industry in particular, is just a way to refinance the business. It is a financial move to keep you in business and give you time to renegotiate with your lenders.”
The Risk Advisory Group identified the largest beneficiaries of Chapter 11 restructuring and bailouts from the Pension Benefit Guaranty Corporation as:
§ United Airlines, with combined benefits estimated at US$44.4 billion;
§Delta Air Lines with combined benefits estimated at US$15.02 billion; and
§ American Airlines with combined benefits estimated at US$12.05 billion.
Of these figures:
§ United achieved one-time bankruptcy debt relief totalling US$26 billion, and pension termination benefits totalling US$16.8 billion;
§ Delta Air Lines achieved bankruptcy debt relief totalling US$7.9 billion, and pension termination benefits totalling US$4.55 billion; and
§ American Airlines achieved bankruptcy debt relief totalling US$1.56 billion, and pension termination benefits of US$8.08 billion.
These figures include restructuring and bailout benefits achieved by other US airlines, since absorbed by Delta Air Lines, United Airlines and American Airlines.
Mr Callaghan said the current claims by United Airlines, Delta Air Lines and American Airlines that they were being harmed by Etihad Airways were baseless, and an attempt to obstruct higher-quality competition.
“There is no evidence whatsoever of any harm caused by Etihad Airways to any of the three big US airlines,” Mr Callaghan said.
“The US Open Skies policy has delivered more choice and better service for millions of consumers, more airline access to and from America, and record profits for the biggest airlines in the US. It is time to refocus on the real issue here – that the Open Skies policy is delivering the benefits it was designed to deliver, and that everyone is a winner.”
For more information about Etihad Airways’ campaign to keep the skies open, please visit: www.KeepTheSkiesOpen.com
About Etihad Airways
Etihad Airways began operations in 2003, and in 2014 carried 14.8 million passengers. From its Abu Dhabi base, Etihad Airways flies to or has announced 111 passenger and cargo destinations in the Middle East, Africa, Europe, Asia, Australia and the Americas.
The airline has a fleet of 116 Airbus and Boeing aircraft, and almost 200 aircraft on order, including 69 Boeing 787s, 25 Boeing 777-X, 62 Airbus A350s and eight Airbus A380s.
Etihad Airways has equity investments in airberlin, Air Serbia, Air Seychelles, Aer Lingus, Alitalia, Jet Airways and Virgin Australia, and is in the process of formalizing an investment in Swiss-based Darwin Airline, which trades as Etihad Regional.
Etihad Airways, along with airberlin, Air Serbia, Air Seychelles, Alitalia, Etihad Regional, Jet Airways and NIKI, also participates in Etihad Airways Partners, a new brand that brings together like-minded airlines to offer customers more choice through improved networks and schedules and enhanced frequent flyer benefits. For more information, please visit: www.etihad.com.
About The Risk Advisory Group
The Risk Advisory Group is a leading independent global risk consultancy that helps businesses grow whilst protecting their people, their assets and their brands. By providing facts, intelligence and analysis, The Risk Advisory Group helps its clients negotiate complex and uncertain environments to choose the right opportunities, in the right markets, with the right partners. The company was founded in 1997, employs 140 people and has offices in Washington DC, London, Moscow, Al Khobar, Dubai and Hong Kong. For more information please visit www.riskadvisory.net
For more information:
Stephen Mahoney, Etihad Airways Corporate Communications
Email: [email protected] Mobile: +61 488 125 538