- Details
- Category: อสังหาริมทรัพย์ฯ
- Published: Tuesday, 20 February 2024 14:49
- Hits: 8216
NCH เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง ครบรอบ 30 ปี ชู Green Concept นำทุกโปรดักส์ สู่ ESG ตั้งเป้าสู้ศึกปี 2567 เชื่อมั่นแนวราบโต เพิ่มพอร์ตครอบคลุม 4 โซน
บริษัท เอ็น.ซี เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ทั้งแนวราบ แนวสูง ภายใต้ แนวคิด Home Expert Living Care ได้รับ ISO รายแรกของไทย ครบรอบ 30 ปี เสริมแกร่งปี 2567 ชู Green Concept สู่พันธกิจ ESG สบโอกาสเพิ่มพอร์ตการลงทุนเพิ่ม 7,200 ล้านบาท ครอบคลุม 4 โซนกรุงเทพฯ ตั้งเป้ารับรู้รายได้ 3,000 ล้านบาท
นายสมนึก ตันฑเทอดธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน) NCH กล่าวถึงทิศทางอสังหาริมทรัพย์ ปีนี้ คาดการณ์ว่าตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบ ยังเติบโตต่อเนื่องได้ โดยเฉพาะตลาดระดับราคาบ้าน ไม่เกิน 5 ล้านบาท เอ็น.ซี มีการขยายฐานใหญ่ รองรับการปรับตัวได้ดี มีการควบคุมเข้มเรื่องการบริหารต้นทุนในองค์กร และบริหารทีมงานด้วยวัฒนธรรมองค์กรใหม่ผนวก 4C มุ่งเน้นด้านประสิทธิภาพการทำงานร่วมกัน ให้ความสำคัญด้านบริการ เสมือนเป็นที่ปรึกษาเรื่องบ้าน อย่างครบวงจร พร้อมนำพันธกิจการดำเนินธุรกิจ ชูความเป็น Green Concept มุ่งสู่ ESG 2567
สำหรับแผนการดำเนินงานปี 2567 เอ็น.ซี เตรียมเพิ่มพอร์ตการลงทุนครอบคลุม 4 โซนหลัก รอบกรุงเทพ ปริมณฑล พัฒนาโครงการแนวราบใหม่เพิ่ม กระจายบน ทำเลศักยภาพ ซึ่งเป็นไพร์มโซน เหมาะกับการอยู่อาศัย และเพิ่มความคุ้มค่าให้กับผู้ซื้อบ้านที่มาพร้อมนวัตกรรม เทคโนโลยีบ้าน พร้อมเดินหน้าวางกลยุทธ์หลัก 3 ด้าน ในปีนี้
1.Green Concept ด้วยรูปแบบดีไซน์ คอนเซ็ปต์โครงการ สถาปัตยกรรม เชื่อมโยงความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการออกแบบเพื่อวิถีชีวิตที่ยั่งยืน ตั้งแต่การนำเสนองานออกแบบ ตระหนักถึงสิ่งแวดล้อม ทั้งในด้านการเลือกใช้วัสดุ สุขภัณฑ์ โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงการบริหารจัดการพลังงาน การออกแบบทิศทางแสงสว่าง ผนวกเข้ากับเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทำให้ชีวิตในบ้านสะดวกสบายมากขึ้น เพิ่มความคุ้มค่า การดูแลห่วงใยสุขภาพของสมาชิก ทุกคนในครอบครัว
2.เพิ่มพอร์ตทำเล และฐานลูกค้า ที่ใหญ่ ขึ้นในปี 2567 ยกระดับการมีบริการที่ครอบคลุมให้กับฐานลูกค้าเก่า และใหม่ถือเป็นฐานใหญ่ของ เอ็น.ซี มีการรุกขยายการเปิดโครงการใหม่เพิ่มในฐานที่ตั้งใหม่ ในโซนกรุงเทพตะวันออก และโซนนนทบุรี ยึดที่ตั้งโครงการในไพร์มโซน เพิ่ม New Segment ในตลาดใหม่ ผ่านโซลูชั่นใหม่ๆ ซึ่งจะมีการเปิดโครงการใหม่ ภายใต้แบรนด์ เอ็น.ซี 6 โครงการ 4 ทำเลรอบกรุงเทพ มูลค่ารวม 7,200ล้านบาท อีกทั้งเสริมจุดแข็ง ด้านการมี การจัดการบริหารชุมชน เป็นที่ยอมรับและประสบความสำเร็จภายใต้ สโลแกน ‘รู้จักบ้าน รู้ใจคุณ’ ซึ่งได้ขยายขอบเขตการให้บริการ ผ่านการให้บริการ บ้านมือสอง ไปยังทุกโครงการ ซึ่งเป็นการขยายงานตามแผนกลยุทธ์ขยายธุรกิจให้ครอบคลุมเพื่อสนับสนุนการบริการชุมชนครบวงจร ภายใต้ชื่อ Nc Q Prompt
3.พันธกิจ สู่ ESG 2567 เอ็น.ซี ไม่หยุดการพัฒนา ที่อยู่อาศัย สินค้า การบริการ รวมถึงมีการต่อยอดสินค้าใหม่ๆ ซึ่งแผนปีนี้ จะเพิ่มพันธกิจ การยึดถือปฏิบัติ และมุ่งสู่ ESG มีความรับผิดชอบต่อองค์รวม Environmental (สิ่งแวดล้อม) Social (สังคม) และ Governance (ธรรมาภิบาล) ใน 3 มิติ ด้านสิ่งแวดล้อมจะพิจารณาการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ตั้งแต่ต้นน้ำ จนถึงปลายน้ำ
ด้านสังคมจะพิจารณา ด้านการดูแลผลกระทบ ให้ความสำคัญกับ ชุมชน สังคมโดยรอบ บริหารทรัพยากรบุคคลอย่างเป็นธรรมและเท่าเทียม ยึดหลักบริหารทุกกระบวนการทั้งภายใน ภายนอกบริษัท อย่างมีรูปธรรม และด้านหลักธรรมาภิบาล เพื่อการกำกับดูแลกิจการที่ดี มีแนวทางบริหารความเสี่ยงที่ชัดเจน ต่อต้านการทุจริตและคอร์รัปชั่น โดย ESG เป็นปัจจัยหนุน ให้องค์กร สร้างคุณค่าให้กับ สินค้า และบริการ มีจริยธรรมของการดำเนินธุรกิจ ที่ดี
โดยปีนี้ เอ็น.ซี พร้อมรุกขยายโครงการฐานใหญ่แนวราบ เพิ่มขึ้น และยังมุ่งเติบโต กลุ่มตลาดสินค้า บ้านเดี่ยว ระดับราคา 5-7 ล้านบาท, บ้านแฝดรูปลักษณ์ใหม่สไตล์บ้านเดี่ยว ราคา 4-5 ล้านบาท และกลุ่มทาวน์เฮ้าส์ ด้วยรูปลักษณ์ดีไซน์แตกต่างโดดเด่น ราคา 2-3 ล้านบาท อีกทั้งเพิ่มช่องทางการเข้าถึงกลุ่ม Segment ใหม่ สร้างฐานลูกค้าให้กว้างมากขึ้น ด้วยสื่อการตลาดดิจิทัลที่เข้าถึงกลุ่มผู้ซื้อบ้าน และกิจกรรมส่งเสริมการขาย เพื่อรองรับการเปิดโครงการใหม่แนวราบ เพิ่ม อีก 6 โครงการ 4 ทำเลเด่นรอบกรุงเทพฯ มูลค่ารวม 7,200 ล้านบาท โดยทำตลาดบ้านระดับราคา 5 ล้านบาทในสัดส่วนที่เพิ่มขี้นกว่าปีที่ผ่านมา
พร้อมตั้งเป้ายอดขาย 5,000 ล้านบาท และรับรู้รายได้ปี 2567 ที่ 3,000 ล้านบาท และเตรียมความพร้อม เดินตามแผน เพื่อเร่งเปิดโครงการใหม่ ในครึ่งปีแรก พร้อมกัน โครงการ 2 ทำเล ภายใต้แบรด์ เอ็นซี นีโอลา วงแหวนลำลูกกา และบ้านฟ้าแกรนด์ ทาวน์นี่ เพชรเกษม-สาย 5 มูลค่ารวม 2,200 ล้านบาท นายสมนึกกล่าวปิดท้าย