- Details
- Category: อสังหาริมทรัพย์ฯ
- Published: Tuesday, 06 January 2015 21:17
- Hits: 2543
อสังหา ปีแพะเริ่มคัมแบ็กผู้ประกอบการเร่งดึงเชื่อมั่น
บ้านเมือง : สุภพงษ์ เทียนสี/รายงาน
ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ประสานเสียงเรียกความเชื่อมั่นต้อนรับปีใหม่ มั่นใจธุรกิจจะกลับฟื้นคืนชีพ หลังเจอสารพัดปัญหาในปีที่ผ่านมา ทั้งบ้านเดี่ยว คอนโด ยังมาแรง ขณะที่ธุรกิจรับสร้างบ้านพื้นที่ภูธร ดาวรุ่งพุ่งแรง กำลังซื้อยังหวือหวา
อสังหาปีแพะคัมแบ็ก
นายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ได้กล่าวแสดงความคิดเห็นถึงทิศทางภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปีนี้ ว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2558 เชื่อว่าตลาดจะกลับมาสู่ภาวะปกติ และมีแนวโน้มเติบโตได้ประมาณ 5% และมีแนวโน้มจะเติบโตถึง 10% ภายใต้เงื่อนไขไม่มีเหตุการณ์ทางการเมืองเกิดขึ้น และเศรษฐกิจโลกที่เข้ามากระทบต่อเศรษฐกิจไทย
สำหรับ โครงการที่อยู่อาศัยในปีหน้า คาดว่า ธุรกิจบ้านจัดสรรจะมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยจะมีการเปิดหน่วยขายประมาณ 4.5-4.8 หมื่นยูนิตใกล้เคียงกับปี 2557 ขณะที่ตลาดคอนโดมิเนียมจะมีการเติบโตค่อนข้างมาก เป็นผลมาจากการขยายโครงข่ายรถไฟฟ้าที่ออกสู่ชานเมืองมากขึ้น ประเมินปีหน้าจะมีซัพพลายเปิดขายสูงเกือบ 7-8 หมื่นยูนิต จากทั้งปี 2557 มีซัพพลายเปิดใหม่ประมาณ 6.5-6.8 หมื่นยูนิต โดยทำเลที่ได้รับความนิยมและจะเติบโตสูงจะเป็นโซนบางบัวทอง เนื่องจากมีโครงการห้างสรรพสินค้า "เกตเวย์" ของกลุ่มเซ็นทรัลที่เตรียมเปิดให้บริการในปี 2558
นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต นายกสมาคมอาคารชุดไทย กล่าวถึงทิศทางอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ว่า เชื่อมั่นว่าในปีนี้อสังหาริมทรัพย์จะสามารถเติบโตไปในทิศทางที่ดีได้อย่างแน่นอน โดยมีปัจจัยจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของทางภาครัฐ ที่เร่งก่อสร้างระบบขนส่ง โดยเฉพาะการเพิ่มส่วนต่อขยายของรถไฟฟ้าบีทีเอส เชื่อว่าจะทำให้ผู้ประกอบการตามไปเปิดโครงการกันเป็นจำนวนมาก
สำหรับ ผู้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยประเภทแนวราบ ที่ยึดทำเลในโซนบางบัวทอง ก็เชื่อมั่นว่าในปีนี้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะเติบโตด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ นายไพโรจน์ สุขจั่น ประธานกรรมการบริหารกลุ่มบัวทอง พร็อพเพอร์ตี้ กล่าวว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2558 มีแนวโน้มฟื้นตัวจากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ซึ่งจะช่วยให้ตลาดคึกคักขึ้นโดยเฉพาะคอนโดมิเนียมที่ต่างชาติมีสิทธิ์ซื้อได้ ในส่วนของตลาดแนวราบ มองว่ามีแนวโน้มเติบโตขึ้น จากโครงการภาครัฐในการขยายเส้นทางรถไฟฟ้า ซึ่งจะทำให้ความต้องการในที่อยู่มีเพิ่มมากขึ้น
ขณะที่ นายรังสรรค์ นันทกาวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2558 เชื่อว่าจะเติบโตมากขึ้น หลังจากมีความชัดเจนจากการลงทุนในด้านสาธารณูปโภค และระบบขนส่งมวลชนของภาครัฐ โดยเฉพาะโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายต่างๆ ทำให้ผู้ประกอบการต่างมีแผนพัฒนาโครงการเพิ่มขึ้น หลังจากที่ชะลอการพัฒนาโครงการในปีนี้ เนื่องจากมีปัจจัยลบเกิดขึ้น หลายอย่างซึ่งในส่วนของบริษัทตั้งเป้าพัฒนาในปีหน้าอย่างต่ำ 3 โครงการ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด จากในปีนี้เปิดตัวใหม่รวม 4 โครงการ
"การเร่งเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐ และขยายระบบขนส่ง โดยเฉพาะรถไฟฟ้า คาดว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัว ในส่วนกำลังซื้อเชื่อว่าจะกลับมาฟื้นตัวด้วยเช่นกัน ขณะที่ภาคอสังหาฯ ในช่วงไตรมาส 4 เริ่มมีสัญญาฟื้นตัวและคาดว่าในปีหน้าตลาดจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง"
ด้านนายศิริพงษ์ สมบูรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดี-แลนด์กรุ๊ป จำกัด ยังได้คาดการณ์ถึงภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ในปีหน้า โดยมองว่าในปีนี้มีทั้งปัจจัยลบและปัจจัยบวกรออยู่มากมาย สำหรับปัจจัยลบก็คงหนีไม่พ้นภาระหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง ความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ ราคาต้นทุนการก่อสร้างที่มีแนวโน้มขยับราคาเพิ่มขึ้น รวมไปถึงปัญหาการขาดแคลนแรงงาน ส่วนปัจจัยบวกก็จะเป็นอัตราดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับต่ำ และการโหมลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคของภาครัฐอีกหลายโครงการที่คาดว่าจะช่วยกระตุ้นอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจในภาพรวม รวมทั้งการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในช่วงปลายปี 2558
"ในปี 2558 มีแนวโน้มการเติบโตที่สูงขึ้นตามคาดการณ์ GDP ที่คาดว่าจะเติบโตขึ้น 4% เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองที่เริ่มคลี่คลายและมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ก็จะทำให้เศรษฐกิจภาพรวมดีขึ้นอย่างแน่นอน เพราะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจของประเทศ ประกอบกับการเข้าสู่ AEC ในช่วงปลายปี 2558 จะเป็นปัจจัยบวกให้กับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น การตื่นตัวให้ทันต่อ AEC จะมีมากยิ่งๆ ขึ้นตามไปด้วย"
ด้านนายสิทธิพร สุวรรณสุต นายกสมาคมไทยรับสร้างบ้าน เปิดเผยทิศทางในปีนี้ว่า สมาคมฯ ประเมินแนวโน้มตลาด "บ้านสร้างเอง" ทั่วประเทศ คาดว่าจะค่อยๆ ฟื้นตัวตามทิศทางการขยายตัวของเศรษฐกิจประเทศ โดยคาดว่าจะมีความต้องการสร้างบ้านเองทั่วประเทศใกล้เคียงกับปีที่แล้ว ในส่วนปริมาณและมูลค่าตลาดรวม "รับสร้างบ้าน" นั้นมีโอกาสเติบโตได้ตามกัน โดยสมาคมฯ แยกประเมินตลาดรับสร้างบ้านออกเป็น 2 ตลาดหลักๆ ได้แก่ 1.ตลาดรับสร้างบ้านในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล และ 2.ตลาดรับสร้างบ้านในเขตต่างจังหวัด ทั้งนี้สมาคมฯ คาดว่าตลาดรับสร้างบ้านต่างจังหวัดน่าจะเป็น "ดาวรุ่ง" โดยเฉพาะเมื่อผู้ประกอบการทั้งรายเดิมและรายใหม่ ต่างขยายการให้บริการสร้างบ้านครอบคลุมพื้นที่ต่างจังหวัดของประเทศมากขึ้น ซึ่งภูมิภาคที่น่าจับตาคือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง ในส่วนของตลาดรับสร้างบ้านในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลนั้น มองว่าความต้องการสร้างบ้านและกำลังซื้อจะยังทรงตัวหรือเติบโตเพียงเล็กน้อย โดยปัจจัยหลักๆ ที่ส่งผลกระทบเกิดจากที่ดินเปล่าลดน้อยลงและมีราคาแพง ฯลฯ ทำให้การสร้างบ้านเดี่ยวส่วนใหญ่ย้ายออกสู่จังหวัดใกล้เคียง อาทิ ชลบุรี อยุธยา นครปฐม สมุทรสาคร ราชบุรี สุพรรณบุรี เป็นต้น
อย่างไรก็ดี ตลาดรับสร้างบ้านอีกหนึ่งภูมิภาคที่น่าจับตาคือ ภาคใต้ ซึ่ง ในปี 2557 พบว่าความต้องการสร้างบ้านหรือกำลังซื้อชะลอตัวลง จากปัจจัยที่มีผลกระทบ ได้แก่ ราคาพืชผลเกษตรตกต่ำ ซึ่งอันที่จริงแล้วผู้บริโภคส่วนใหญ่ในภูมิภาคนี้ นิยมใช้เงินออมสำหรับการสร้างบ้านหลังใหม่มากกว่าการกู้ยืม แต่ด้วยเพราะความไม่เชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจและรายได้ในอนาคต จึงทำให้ผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจสร้างบ้านหรือที่อยู่อาศัยไว้ก่อน
ดังนั้น ในปี 2558 หากรัฐบาลปัจจุบันหรือรัฐบาลใหม่ สามารถเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมาได้ก็เชื่อว่า ปริมาณและมูลค่ารวมตลาดรับสร้างบ้านในภาคใต้ก็จะฟื้นตัวได้เช่นกัน ด้วยเพราะหลายจังหวัดเป็นเมืองท่องเที่ยวและเมืองการค้าที่สำคัญ อาทิ สุราษฎร์ธานี, สงขลา, ภูเก็ต, กระบี่ เป็นต้น